บทที่ 8 8
“ว่าแต่ยายเป็นยังไงบ้างคะ ดีขึ้นรึยัง” เธอถามพลางป้อนอาหารเย็น
ที่พยาบาลเอามาให้
“ดีแล้วยายไม่ได้เป็นอะไรมากเสียหน่อย อยากออกโรงพยาบาลกลับบ้านจะตายอยู่แล้ว” หญิงสาวหน้าเจื่อนเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่นางว่าออกมา
ภัคพิญามีอะไรที่ปิดบังยายของตนเอาไว้กังวลว่าหากได้รับรู้ไปแล้วนั้นจะทำให้อาการทรุดลง ความเงียบเข้าปกคลุมจนทำให้คนป่วยนั่นจับสังเกตของคนเป็นหลานได้
“มีอะไรที่ยังไม่ได้บอกยายรึเปล่าภัค”
“เอ่อคือ” ความอึกอักทำให้ยายแววคาดคั้นหญิงสามอีกครั้ง
“มีอะไรบอกยายมา”
“ภัคว่ารอยายรักษาตัวหายดีก่อนแล้วเดี๋ยวภัคจะบอกนะคะ ภัคเป็นห่วงยายไม่อยากให้ยายอาการทรุดลงอีก” ภัคพิญาส่งยิ้มให้นางพลางจับมือเหี่ยวย่นอย่างให้กำลังใจอยากให้ผ่านโรคร้ายไปให้ได้ แล้วกลับมาอยู่ด้วยกันสองยายหลานเหมือนเมื่อก่อนนี้
“ไม่ต้องเป็นห่วงยายหรอก แต่ยายห่วงเราเสียมากกว่านะภัค ทำงานหนักหาเงินมารักษายาย” ยายแววเปลี่ยนประเด็นสนทนากับหลานทันที
“ไม่ต้องห่วงเลยค่ะยาย แค่นี้สบายมาก ภัคทำงานไหวขอแค่ยายหายดีแล้วอยู่กับภัคไปนาน ๆ แค่นี้ก็พอแล้ว”
“ภัคเอ้ย คนเราหนีการเกิด แก่ เจ็บ ตายไม่พ้นนะลูกรู้ไหม” นางว่าพลางลูบศีรษะหลานสาวแผ่วเบา
“ยายอะไม่พูดเรื่องนี้ ภัคไม่ชอบเลย” คนเป็นหลานตอบอย่างหน้างอ เธอไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย เธอพบกับความสูญเสียและจากลามาตั้งแต่เด็ก พ่อก็ไม่รู้ว่าท่านเป็นใครไม่เคยพบตั้งแต่ลืมตาดูโลกขึ้นมาเธอมีเพียงแม่และยายเท่านั้น แม่เลี้ยงเธอมาได้ไม่นานก็ทิ้งเธอเอาไว้ให้ยายดูและส่วนตัวของท่านก็ไปมีสามีใหม่ไม่กลับมาเยี่ยมหรือมาหาเธออีกเลย
จนกระทั่งห้าปีที่ผ่านมาแม่กลับมาหาเธออีกครั้งและครั้งนั้นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้อยู่กับท่านก่อนที่นางจะจากไปตลอดกาลอย่างไม่มีวัน
หวนคืน และนั้นมันก็ทำให้เธอไม่ชอบการจากลาแม้แต่น้อย
ภัคพิญาใช้เวลาอยู่กับยายของจนเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมงและเมื่อชั่วโมงที่แล้วพยาบาลเข้ามาเก็บถาดอาหารรวมทั้งบอกว่าอีกหนึ่งชั่วโมงคุณหมอจะเข้ามาตรวจยายของเธอ
“สวัสดีครับคุณยาย” คุณหมอหนุ่มหล่อสุดฮอตของโรงพยาบาลแห่งนี้อย่าง ‘หมอโซ่ สิงหะ กิจติอนันต์’ ศัลยแพทย์หัวใจคุณหมอผู้ที่ดูแลยายของเธอเดินเข้ามาตรวจอาการ
“สวัสดีค่ะหมอโซ่” ภัคพิญาไหว้เขาพร้อมทั้งยิ้มให้ก่อนจะหลบทางให้คุณหมอหนุ่มได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนไม่นานก็ทำการตรวจเสร็จเรียบร้อย
“อาการของคุณยายดีขึ้นนะครับแต่หมอยังไม่ให้คุณยายออกจากโรงพยาบาลนะครับ” คุณหมอหนุ่มตอบกลับคุณยายเสียงนุ่มและอบอุ่นพลางส่งชาร์ตการตรวจในมือให้พยาบาลที่เข้ามาด้วย
“ดิฉันขอตัวก่อนนะคะคุณหมอ” พยาบาลผู้ช่วยของคุณหมอหนุ่มบอกเขาก็พยักหน้ารับแทน ลับหลังของพยาบาลคนนั้นออกจากห้องไป
สิงหะหันมาทักทายภัคพิญา
“สวัสดีครับคุณภัค วันนี้มาคนเดียวเหรอครับ”
“สวัสดีค่ะคุณหมอโซ่ วันนี้ภัคมาคนเดียวค่ะ”
“ผมคิดว่ามากับไอ้ปัทมัน” หญิงสาวยิ้มรับน้อย ๆ ก่อนเอ่ยถามอาการของยายแววเพิ่มเติม สองหนุ่มสาวคุยกันได้ไม่นานเสียงเคาะจากประตูหน้าห้องดังขึ้นสองสามครั้งก่อนประตูนั้นจะเปิดออก
“ภัค ยายแวว บุญซื้อขนมไทยมาฝาก” เสียงของบุญญาวีร์ดังขึ้นก่อนที่ตัวเธอจะเดินเข้ามาเสียอีก
“นี่คุณมีรู้หรือไงว่าที่โรงพยาบาล เขาห้ามส่งเสียดัง” หมอหนุ่มมอง
ผู้มาใหม่อดเอ็ดเล็กน้อยใส่สาวสวยไม่ได้
“รู้ แต่ฉันก็ไม่ได้ส่งเสียงดังมากมายอะไรเสียหน่อย” หญิงสาวตอบกลับพลางวางของลงบนโต๊ะภายในห้องจากนั้นเดินไปไหว้และทักทายยายของเพื่อนสนิททันที
“สองคนนี้นี่ยังไงกันคะ เจอหน้ากันทีไรทะเลาะกันทุกที” ภัคพิญาเอ่ยขึ้นไม่นานเสียงของยายแววก็เอ่ยสมทบตามหลังผู้เป็นหลาน
“แบบนี้ทะเลาะกันไปทะเลาะกันมา สุดท้ายเดี๋ยวก็ได้กัน” คนป่วย
ที่นอนอยู่บนเตียงเอ่ยแซว
“โธ่ยายจ๋า อย่าพูดแบบนี้สิคะมันเป็นลางไม่ดีเลยนะคะ บุญไม่อยากได้อีตาหมอบ้านี่เสียหน่อยนะคะ” บุญญาวีร์ว่าโอดครวญ ไม่ชอบใจหมอหนุ่มสักเท่าไรเจอที่ไรหาเรื่องเธอทุกที
“คุณยายครับผมก็ไม่ได้อยากได้ยายนี่สักเท่าไรหรอกครับ”
“นี่คุณ!” บุญญาวีร์ถลึงตาใส่หมอหนุ่มอย่างไม่พอใจ ภัคพิญาเห็น
ท่าท่างไม่ดีจึงเข้ามาห้ามไว้เสียก่อนที่ท้องสองจะมีปากเสียงกัน
“เดี๋ยว ๆ หยุดก่อนเลยทั้งสองคน ทั้งยายบุญแล้วก็หมอโซ่นะคะ”
หญิงสาวหันไปหาเพื่อนสนิทตนก่อนจะหันไปทางหมอหนุ่มซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของสามีเธอ ยกมือขึ้นระดับอกราวกับบอกให้ทั้งสองคนใจเย็น ๆ
การทะเลาะกันของทั้งสองพลอยทำให้คนป่วยยิ้มกับปฏิกิริยาทั้งคู่ว่ามีอะไรบางอย่าง
