บทที่ 10 Chapter10
“ฉันไม่กลัวนายหัวสิงห์ทำร้ายแพรหรอก กลัวลูกของเรามากกว่า พี่ก็รู้ว่ามันไม่กลัวใคร”
“คราวนี้มันก็ต้องกลัวต้องเกรงบ้างแหละ ลูกชายเจ้าของหนี้นะ ไปร้ายมากๆ เขายึดที่ดินจะทำไง” พจน์คิดในแง่ดีอีกแล้ว “เอาน่า คอยดูๆ กันไปก็แล้วกัน”
“พี่โทรไปบอกเถ้าแก่ด้วยก็แล้วกัน เถ้าแก่จะได้สบายใจ” สายหยุดบอก ก่อนเอนตัวลงนอน “อ้อ...แล้วบอกเถ้าแก่ด้วยว่า พรุ่งนี้ฉันขอออกจากโรงบาลเลยนะ ไม่อยากอยู่ต่อแล้ว”
“เออๆ แล้วจะบอกให้” อันที่จริงแล้ว สายหยุดไม่ได้ฆ่าตัวตายจริงๆ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นแผนการของพจน์กับสายหยุดที่ร่วมมือกับเถ้าแก่สันต์ ทันทีที่กัญญาภรณ์กับชุติมาออกจากบ้านเจ้าหนี้ เถ้าแก่สันต์รีบโทรมาบอกพจน์กับการเจรจาทั้งหมด หลังตัดสายทิ้งพจน์กับสายหยุดรีบมาโรงพยาบาทแห่งนี้เพื่อทำตามแผน
แผนที่ว่านี้คือ ให้สายหยุดทำทีเป็นฆ่าตัวตายเพราะรับไม่ได้เรื่องที่ดินที่กำลังถูกยึด จากนั้นก็พามาโรงพยาบาลเพื่อล้างท้องและนอนพักรักษาตัวเรียกความสงสารและเห็นใจจากกัญญาภรณ์ ส่วนเหตุผลที่เลือกมาโรงพยาบาลเอกชนค่าใช้จ่ายสูงเป็นเพราะ เถ้าแก่สันต์ผู้กว้างขวางมีหุ้นส่วนในสถานพยาบาลแห่งนี้ จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดฉากทั้งหมดให้ดูสมจริง ซึ่งแผนก็เป็นไปได้สวย ทุกอย่างเป็นไปตามที่ผู้ร่วมแผนการต้องการ
ชุติมานั่งปอกสัปปะรดอยู่ในบ้านพจน์ เธอนั่งปอกไปมองหน้ากัญญาภรณ์ที่นั่งกินผลไม้ด้วยท่าทางซังกะตายชุติมาเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร
“พี่แพรตัดสินใจแน่นะ” กัญญาภรณ์มองหน้าคนถามพร้อมถอนหายใจ
“ฉันมีทางเลือกหรือไง” ตอบไปหน้าบึ้งไป หยิบสัปปะรดเข้าปาก
“มันก็จริง” คนพูดเห็นด้วยในข้อนี้ “อันที่จริงนายหัวสิงห์ก็เป็นคนดีนะ ถึงจะโหด จะเหี้ยม จะห่ามและปากไม่ดี คนงานทุกที่ที่นายหัวสิงห์คุมรักนายหัวทุกคนเลย”
“แกพูดอย่างกับรู้จักนายหัวสิงห์ดีงั้นแหละ ยกยอซะหน้าหมั่นไส้” กัญญาภรณ์ได้ยินชื่อว่าที่สามีตัวเองแล้วทำหน้าเบ้ อยากจะอาเจียนออกมาเสียให้ได้
“ก็รู้จักตามที่เขาว่ากันมานี่แหละ เขาว่ามายังไงฉันก็ว่าตามนั้น”
“สงสัยหน้าตาคงดูไม่ได้แน่ๆ ถึงไม่มีคนเอา ความซวยเลยมาอยู่ที่ฉัน”
“ฉันก็ไม่แน่ใจนะว่าใครจะซวยกันแน่” ชุติมาไม่กล้าพูดเสียงดัง เธอพูดเบาๆ เหมือนพึมพำกับตัวเองมากกว่าให้กัญญาภรณ์ได้ยิน
“แกพูดว่าอะไรไอ้ยู ซวยๆ น่ะ” กัญญาภรณ์รีบถาม
“ว่าอะไรไม่ได้ว่าอะไรเลย กินต่อเถอะสัปปะรดวันนี้ฉ่ำอย่างที่พี่ชอบ” ชุติมาเปลี่ยนเรื่อง กัญญาภรณ์มองหน้าชุติมา ทำหน้าราวกับไม่เชื่อคำพูดของญาติผู้น้อง
“ฉันถามพี่หน่อยสิ ปกติพี่เป็นคนไม่ยอมใครนะ โดยเฉพาะมาบังคับอย่างนี้ แล้วพี่ยอมไปเป็นเมียนายหัวสิงห์ง่ายๆ มันไม่ใช่นิสัยพี่นะ ถึงแม้ว่าจะมีเหตุผลช่วยลุงกับป้าก็เถอะ” ชุติมาถามในข้อที่ตนสงสัย
“ฉันยอมตกลงไปเป็นเมียนายหัวสิงห์ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องไปเป็นเมียเขาจริงๆ นี่นา คอยดูเถอะได้เห็นฤทธิ์แม่บ้างจะอัดให้น่วมเลย” ชุติมานึกอยู่แล้วว่า มันต้องมีเหตุผลอะไรซ่อนอยู่ ไม่เช่นนั้นกัญญาภรณ์คงไม่ยอมง่ายๆ
“พี่จะทำอะไรนายหัวสิงห์ อย่าบอกนะว่าจะอัดเขาน่ะ” ชุติมาถามเสียงหลง
“จะบอกอะไรให้ นายหัวสิงห์ไม่มีวันเห็นขาอ่อนฉันย่ะ ฉันจะทำให้นายหัวสิงห์รู้ว่า เป็นผัวฉันไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าฉันไม่ยอม อย่าหวังเลยว่าจะได้ฉันเป็นเมีย”
คนฟังเห็นความมุ่งมั่นจริงจังของกัญญาภรณ์แล้ว รู้ทันทีว่า
ชีวิตคู่กัญญาภรณ์กับนายหัวสิงห์จะมันหยดกันแค่ไหน คงได้ฆ่ากันตายตั้งแต่วันแรกที่เข้าหอ ขณะที่ชุติมากำลังจะพูดประโยคต่อไป เสียงมือถือของกัญญาภรณ์ดังขัดจังหวะ เจ้าของเครื่องหยิบมือถือขึ้นมารับสาย
“ว่าไงชมพู่”
“ได้ๆ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย” กัญญาภรณ์ตัดสายทิ้ง ลุกขึ้นเดินไปกุญแจรถที่วางอยู่หลังตู้เย็น ก่อนเดินกลับมาหาชุติมาที่ทำหน้างวยงง
“จะไปไหนพี่ แล้วใครโทรมา มีเรื่องอะไรอีกล่ะ” ชุติมาปล่อยคำถามเป็นชุด
“แกมากับฉัน เดี๋ยวเล่าให้ฟังในรถ”
“เก็บของก่อนพี่แพร” ชุติมารีบยกถาดสัปปะรดไปเก็บไว้ในตู้เย็น เปลือกสัปปะรดเทลงไปในถังขยะมัดปากถุงให้เรียบร้อยนำไปหย่อนในถังขยะ จากนั้นก็เดินตามกัญญาภรณ์ที่นั่งรอที่รถกระบะสี่ประตู“ไปไหนพี่แพร”
“ไปสนามบิน”
“ไปทำไมอ่ะพี่แพร ไปรับใครเหรอ”
“ไปรับเพื่อนพี่เอง นางบินมาตามผัว”
“ตามผัว”
“ผัวนางพากิ๊กมาเที่ยวกระบี่ไง นางก็เลยตามมา แต่มาลงที่นี่ผัวจะได้ไม่สงสัย ไม่คิดว่านางจะตามมา พอนางลงเครื่องปุ๊บก็โทรมาหาฉันปั๊บ ให้ฉันไปรับแล้วให้ฉันช่วยไปจัดการผัวกับกิ๊กไง”
ชุติมามองหน้ากัญญาภรณ์พร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ กัญญาภรณ์สรรหาเรื่องใส่ตัวเหลือเกิน มาถึงบ้านเกิดวันแรกก็ไล่ชกคนร้ายกระชากสร้อยทอง มาอีกวันกำลังไปจัดการกับผัวและกิ๊กของเพื่อน ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองแท้ๆ แต่ชุติมาก็ไม่ได้ขัดหรือห้าม เพราะรู้ดีว่า ห้ามไม่ได้ กัญญาภรณ์ตั้งใจทำอะไรต้องไปให้สุดทาง
