บทที่ 15 Chapter15
เช้าวันต่อมา ณ บ้านเถ้าแก่สันต์
โจ๊กร้อนๆ ที่มีจานปาท่องโก๋วางอยู่กลางโต๊ะคือมื้อเช้าของบ้านเศรษฐีมีเงินอย่างเถ้าแก่สันต์ คนในบ้านมานั่งกินมื้อเช้ากันพร้อมหน้าดังเช่นทุกวัน
“พรุ่งนี้แกจะมีเมียแล้วนะ” สิงหนาทแทบจะสำลักโจ๊กที่กำลังกลืน “ทำไมมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรพ่อ ผมสำลักโจ๊กเอง”
“จะช้าจะเร็วแกก็ต้องมีเมีย มีวันพรุ่งนี้ไม่เห็นต้องตื่นเต้นตกใจ” เถ้าแก่สันต์พูดราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ “หรือว่าแกจะเบี้ยว”
“ผมไม่ได้เบี้ยว ถึงผมเบี้ยวพ่อก็ไม่ยอมจริงไหม” สิงหนาทตอบบิดา “ว่าแต่เมียที่พ่อหาให้ผมเป็นใคร รูปร่างหน้าเป็นไง ถ้าขี้เหล่ ตัวอ้วน ผิวดำผมไม่เอานะ”
“แกเลือกได้เหรอ มันขึ้นอยู่กับฉันนะว่าจะเมียรูปร่างหน้าตาแบบไหน” คนเป็นพ่อย้อนลูกชาย “แกแค่รู้ไว้ว่า ฉันคัดผู้หญิงที่จะมาเป็นเมียแก เป็นแม่ของหลานด้วยตัวเอง รับรองแจ่ม”
“งั้นแล้วแต่พ่อเลย ตามที่ผมบอกพ่อไปนะว่า เธอจะมาเป็นเมียลับของผมเท่านั้น จะไม่มีใครรู้ว่าเธอคือเมียผม พอเธอท้องแล้วคลอดลูก พ่อก็ให้เงินเธอไปตั้งตัว” สิงหนาทย้ำบิดา
“เออรู้แล้ว” เถ้าแก่สันต์รับคำไปส่งๆ
“ผมถามพ่อหน่อยเถอะว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แล้วพ่อมีเหตุผลอะไรถึงเลือกเธอ”
“ไม่บอกหรอก เดี๋ยวแกไปพูดจาขมขู่ไม่ให้มาเป็นเมียแก” เถ้าแก่สันต์จำต้องรอบคอบ “รู้แค่ว่า เธอเป็นลูกสาวของลูกหนี้ของพ่อก็พอ”
“พ่อมีลูกหนี้ด้วยเหรอ ปกติไม่ให้ใครยืมเงินนี่ พ่อมีแต่ให้คนที่เดือดร้อน”
สิงหนาทรู้นิสัยบิดามารดา ความร่ำรวยของครอบครัวจึงมีคนมาขอความช่วยเหลือเรื่องเงินบ่อยๆ เอาที่ดินมาจำนองบ้าง เอาบ้านมาเป็นหลักประกันก็มี ทว่าบิดาปฏิเสธทุกคน แต่จะให้คนเดือดร้อนไปหาจำนง น้องสาวของสันต์ที่ปล่อยเงินกู้แทน ซึ่งเถ้าแก่สันต์จะโทรไปบอกจำนงก่อนว่า มีคนเดือดร้อนไปหาชื่อนั้นชื่อนี้เพื่อให้การช่วยเหลือเรื่องเงิน ทว่าก็มีบางคนที่เถ้าแก่สันต์ช่วยเหลือเอง เป็นการให้เปล่ามากกว่าให้ยืม อย่างรายล่าสุดเดือดร้อนเรื่องลูกที่ป่วยเป็นโรคหัวใจและต้องผ่าตัดด่วน จึงนำที่ดินมาจำนองไว้กับเถ้าแก่สันต์ เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายระหว่างลูกชายผ่าตัด เถ้าแก่สันต์เห็นว่า คนมาขอความช่วยเหลือเป็นคนดี ขยันทำมาหากินจึงให้เงินไปสองหมื่นบาท โดยไม่ต้องมาใช้คืน ยังบอกอีกว่า ถ้าไม่พอให้มาเอาเพิ่มได้
“รายนี้พ่อแกสงสารไงเลยให้ยืม ให้ไปตั้งสิบล้าน” ปานวาดพูดหน้ายิ้ม ไม่รู้สึกว่าเงินสิบล้านมากมาย
“สิบล้าน” สิงหนาทอุทานตกใจ “พ่อให้เขายืมเงินสิบล้านจริงหรือครับ”
“เออจริง” เถ้าแก่สันต์ตอบ สีหน้าไม่ทุกข์ร้อน “เขาเดือดร้อนหนักมาก พ่อเลยช่วยไป”
“ผมอยากรู้จังว่า เขาดียังไงพ่อถึงช่วยมากขนาดนี้ ผมเห็นคนเดือดร้อนจะเป็นจะตายพ่อยังไม่ช่วยเลย กลับให้ไปหาอานงค์ แต่คนนี้พ่อช่วย” สิงหนาทแปลกใจ
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกแก แกแค่รู้ว่า ฉันหาเมียให้แก แกก็ทำหน้าที่ผัวที่ดี ทำหลานของฉันให้เกิดมาก็พอ”
“ทำตามที่พ่อบอกเถอะสิงห์ พ่อกับแม่ไม่ได้คิดไม่ดีกับสิงห์นะ ที่ทำทั้งหมดก็เพื่อสิงห์ อยากให้สิงห์มีเมียดี” ปานวาดบอกลูกชาย
“พ่อกับแม่บอกมไม่ได้หรือครับว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” สิงหนาทตื้ออยากรู้เรื่องนี้
“พรุ่งนี้แกก็รู้เองแหละ” เถ้าแก่สันต์เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ “แกจะได้ตื่นเต้นไง ตื่นเต้นว่าหน้าตาเมียจะเป็นยังไง บอกไปตอนนี้เผื่อแกไปแอบมองว่าที่เมียของแก ฉันก็หมดสนุกน่ะสิ”
“พ่อสนุกแต่ผมไม่สนุกด้วย”
“นั่นก็เรื่องของแก” เถ้าแก่สันต์กวนใส่ “อ้อ...วันนี้ไปประจวบให้พ่อหน่อยนะ ไปบ้านคุณอังกูลน่ะ เอาของเยี่ยมไปให้เขาแทนพ่อ”
“คุณอังกูลเป็นอะไรครับ”
“คุณอังกูลไม่สบายเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อวานนี้ พ่อให้ไอ้นุ้ยไปซื้อของเยี่ยมตั้งแต่เมื่อวานแล้ว วันนี้แกไปเยี่ยมเขาแทนพ่อล่ะกัน” เถ้าแก่สันต์ตอบบุตรชาย “หรือว่าแกมีธุระ”
“ก็ไม่เชิงธุระสำคัญครับ เมื่อคืนนี้ผมไปเที่ยวผับกับไอ้สามตัวมา...” สิงหนาทเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ให้บิดามารดังคร่าวๆ พอเข้าใจได้ ก่อนพูดตบท้าย “พอผมบอกเธอว่า คนที่เธอมีเรื่องด้วยเป็นใคร เธอจะสู้ไหวเหรอ เธอตอบกลับผมมาว่าเป็นเมียผม ผมก็งงว่า ผมไปมีเมียตอนไหน วันนี้เลยตั้งใจว่าจะไปหาคำตอบสักหน่อยว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร อ้างว่าเป็นเมียผมกี่ครั้งแล้ว”
“แกไปทำธุระให้พ่อก่อน แกกลับมาค่อยไปจัดการเรื่องนั้น”
“ครับพ่อ” หลังจากสามพ่อลูกจัดการมื้อเช้าจนอิ่มท้อง สิงหนาทเดินไปยังรถยนต์ของตนเพื่อเดินทางไปจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนเถ้าแก่สันต์กับภรรยาเดินไปนั่งดูทีวีฆ่าเวลารอใครบางคนมาตามเวลานัดหมาย
11.15 น.
ชุติมาขับรถกระบะสี่ประตูเลี้ยวเข้ามาในเขตบ้านเถ้าแก่สันต์ เธอไม่ได้มีธุระกับเจ้าของบ้านแต่คนที่ธุระคือพจน์กับสายหยุดที่วานให้ตนขับรถมาที่บ้านหลังนี้ เมื่อมาถึงพจน์กับสายหยุดได้เข้าไปคุยกับเถ้าแก่สันต์ในห้องนั่งเล่น ส่วนชุติมานั่งรออยู่ในห้องรับแขก
