บทที่ 18 Chapter18
“ก็เออน่ะสิ เงินเป็นสิบล้านนะโว้ย ไม่ใช่บาทสองบาท มันก็ต้องมีเงื่อนไขกันบ้างสิ ถ้าเผื่อเอ็งตั้งแง่ไม่ยอมทำตาม ไปอัด ไปทะเลาะกับนายหัวสิงห์ ไม่ยอมเป็นเมียเขาง่ายๆ เงินสิบล้านก็สูญน่ะสิ เถ้าแก่เลยตั้งเงื่อนไขนี้ขึ้นมา”
คนเป็นลูกถึงกับหนักใจ เธอไม่คิดว่าเถ้าแก่สันต์จะตั้งเงื่อนไขนี้ แต่ก็เข้าใจว่าเงินเป็นสิบล้านจะให้เป็นแค่เมียลูกชายอย่างเดียวคงไม่คุ้ม ตอนนี้สมองเธอตีบตันขึ้นมาทันใด
“ถามจริงเถอะพ่อ อีตานายหัวสิงห์เนี่ยหน้าตาดูไม่ได้ ตัวดำ อ้วนเป็นหมีควายหรอเลยไม่มีปัญญาหาเมียเอง เถ้าแก่สันต์ถึงได้ทำแบบนี้ เป็นแค่เมียไม่พอยังให้มีลูกด้วยอีก แม่พันธ์คนอื่นมีตั้งเยอะแยะทำไมไม่เลือก ดันเลือกหนูเนี่ย”
“เอ็งอย่าสงสัยมากเลย ทำตามเงื่อนไขก็พอ หรือถ้าเอ็งไม่เต็มใจก็บอกพ่อตอนนี้ได้นะ พ่อกับแม่จะได้เตรียมตัวเตรียมใจเสียที่ดินให้เถ้าแก่สันต์”
“พ่อพูดอย่างกับหนูมีทางเลือกอื่นงั้นแหละ” กัญญาภรณ์ไม่เต็มใจทำก็ต้องทำ เธอคิดว่าเรื่องนี้หาทางออกได้ “หนูไม่ทำให้พ่อผิดหวังหรอก ยังไงเราก็ต้องได้โฉนดคืนมา พ่อเชื่อใจหนูนะ หนูไม่ทำให้พ่อผิดหวังแน่นอน”
“เออให้มันจริง”
“จริงสิพ่อ หนูไปอาบน้ำก่อนนะ เหนียวตัวมากๆ เลย”
“อาบน้ำเสร็จจะได้มากินข้าวกัน ข้ากับแม่รอเอ็งนี่แหละ จะได้กินกันพร้อมหน้า”
“จ้ะพ่อ หนูจะรีบอาบน้ำจ้ะ”
พจน์มองตามร่างบุตรสาวคนโตที่เดินขึ้นไปชั้นบนแล้วถอนหายใจพรืดยาว เขากำลังลุ้นอย่างหนักว่า ยามที่สิงหนาทกับกัญญาภรณ์เจอหน้ากันจะเป็นเช่นไร
บ่ายวันต่อมา
สิงหนาทอยากรู้เต็มประดาว่า ผู้หญิงที่บิดามารดาหามาให้คือใคร หน้าตาเป็นอย่างไร ลูกเต้าเหล่าใคร เหตุใดทั้งสองจึงตื่นเต้นกับวันนี้เสียเหลือเกิน เมื่อวานนี้สิงหนาทกลับมาบ้านก็ต้องตกใจที่อยู่ๆ เตียงนอนถูกเปลี่ยนเป็นเตียงใหม่ ใหม่หมดยันผ้าปูที่นอนหมอน หมอนข้างและผ้าห่ม ไม่เพียงแค่นั้นตู้เสื้อผ้าใบเดิมถูกยกออกไปมีใบใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม มารู้คำตอบจากมารดาว่า เตียงเก่ามันไม่เหมาะกับนอนสองคน ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจว่าไม่เหมาะตรงไหน ในเมื่อเตียงนอนเดิมเป็นเตียงนอนขนาดหกฟุต บิดามารดาจึงจัดการให้ใหม่ เวลานอนคู่จะได้สบายๆ
เรื่องเตียงนอนกับตู้เสื้อผ้าชุดใหม่สิงหนาทพอเข้าใจ แต่พอมาตอนเช้าเขาก็ต้องตาค้างเมื่อเห็นเถ้าแก่สันต์กลายเป็นพ่อบุญทุ่ม ซื้อรถยนต์ป้ายแดงยี่ห้อหรูราคาเกือบหกล้านไว้รับขวัญว่าที่ลูกสะใภ้
“พ่อจัดใหญ่ไปไหมครับ เราตกลงกันว่า เธอจะมาเป็นเมียลับของผมหรือเป็นเมียออกหน้าออกตาของผมกันแน่ ถึงต้องซื้อรถให้เธอ” คนเป็นลูกถามบิดา
“นี่ขนาดเป็นเมียลับนะ ฉันยังทุ่มให้ขนาดนี้ แกคิดดูสิว่า ถ้าเป็นเมียตบเมียแต่งฉันจะทุ่มให้ขนาดไหน แล้วฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหน แกบอกว่าจะให้ผู้หญิงที่ฉันหาให้เป็นแค่เมียลับ ฉันก็ต้องปลอบใจเธอสิ มีอย่างที่ไหนเอาลูกสาวเขามาเป็นเมียแต่ดันแกดันมาให้เป็นเมียลับ แกลองเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างสิ ฉันก็เลยต้องหาของกำนัลมาทำให้เธอสบายใจ ให้รู้สึกว่ายังมีค่าสำหรับแก นี่ยังน้อยนะ ถ้าแกทำตัวแย่ๆ กับเธอล่ะก็ ฉันจะยกสมบัติในส่วนของแกให้เธอหมดเลย” เถ้าแก่สันต์ตอบลูกชาย
“พ่อทำแบบนี้ไม่ได้นะ พ่อจะเห็นเธอดีกว่าผมได้ไง ผมลูกพ่อนะ” สิงหนาทโวย แต่ไม่ได้โวยเพราะหวงสมบัติ เขากำลังรู้สึกว่า บิดาเอาอกเอาใจว่าที่เมียลับของตนมากเกินไป
“ฉันทำตามที่พูดแน่ ถ้าแกทำตัวไม่ดีกับผู้หญิงที่ฉันหามาให้ อย่าไปขบหัวเธอ อย่าพูดจาไม่ดี อย่าทำร้ายเธอด้วย ถ้าฉันรู้นะว่าแกทำไม่ดีล่ะก็ แกหมดตัวแน่” เถ้าแก่สันต์ทำท่าจริงจัง
“อะไรของพ่อเนี่ย พ่อเห็นผมเป็นคนยังไง ผมไม่เคยทำร้ายผู้หญิงนะพ่อ”
“ฉันรู้ว่านิสัยแกเป็นไง ฉันก็แค่เตือนแกไว้ ให้แกจำ จำ จำใส่สมอง” เถ้าแก่สันต์ย้ำ
“สิงห์ก็ทำตามที่พ่อบอกนะลูก ถึงจะเป็นเมียลับก็เถอะ ไปทำร้ายจิตใจหรือร่างกายไม่ได้นะ แม้แต่คำพูดด้วย เข้าใจไหมลูก” ปานวาดพูดคล้ายกับเถ้าแก่สันต์คนเป็นลูกทำอะไรได้ บิดามารดาเข้าขากันเหลือเกิน ไม่รับปากก็คงไม่ได้
พอตกเที่ยงก็มีเรื่องให้ตกใจอีก เมื่อเจ้าของร้านทองในจังหวัดนำทองคำแท่งและทองรูปพรรณมาส่งที่บ้าน รวมมูลค่าของทองคำหนักรวมหนึ่งร้อยบาท
“นอกจากจะให้ลูกสาวมาล้างหนี้แล้ว พ่อยังให้ทองกับพ่อแม่เธอด้วยเหรอครับ”
“ก็ใช่น่ะสิ พ่อถือว่าทองที่ให้เป็นค่าสินสอด พ่อไม่อยากให้ใครครหาว่า ไปเอาผู้หญิงมาเป็นเมียลับให้ลูกตัวเองมาฟรีๆ” เถ้าแก่สันต์ให้คำตอบลูกชาย “เรื่องที่ฉันจะให้อะไรใครบ้างแกไม่ต้องสนใจหรอก แค่แกทำหลานฉันให้เกิดมาก็พอ”
“ชักอยากเห็นหน้าว่าที่เมียเหลือเกินว่าจะสวยเลิศแค่ไหน พ่อถึงอยากได้ให้มาเป็นเมียผมนัก”
“เดี๋ยวแกก็ได้เห็น รับรองตะลึง”
“ตะลึงไม่กลัว กลัวไม่ตะลึง”
