บทที่ 22 Chapter22

กัญญาภรณ์หยิบชุดนอนบางเบากับชุดคลุมเข้าไปในห้องน้ำ เธอไม่กลัวที่จะสวมใส่ชุดนอนที่ผู้ใหญ่จัดหามาให้ เพราะคิดว่าถึงใส่ไปก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ เนื่องจากกัญญาภรณ์ได้ทำข้อตกลงกับสิงหนาทไว้เรียบร้อยแล้ว

ชั้นล่าง ณ ห้องรับแขก

ผู้ใหญ่ทั้งสี่นั่งรอสิงหนาทกับกัญญาภรณ์ด้วยใจระทึก เป็นเพราะใกล้เวลาส่งตัวลูกชายและลูกสาวของแต่ละฝ่ายเข้าหอ ลูกชายเจ้าของบ้านเดินลงมาเป็นคนแรก ห้านาทีต่อมากัญญาภรณ์ที่สวมชุดคลุมได้เดินมาสมทบ ปานวาดรีบเดินไปห้องครัว ก่อนกลับมาพร้อมกับน้ำมะลิสองแก้ว

“ดื่มน้ำมะลิเป็นสิริมงคลก่อนเข้าหอนะลูก” ปานวาดส่งแก้วน้ำมะลิให้ลูกชายและลูกสะใภ้

“ทำไมต้องเป็นน้ำมะลิครับ” สิงหนาทกลายเป็นคนขี้สงสัย

“ก็มะลิถือว่าเป็นดอกไม้มงคล เป็นดอกไม้ไหว้พระ ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย โบราณว่าไว้ว่า ถ้าได้ดื่นน้ำโรยด้วยมะลิก่อนเข้าหอ หรือทำงานใหญ่จะทำให้เกิดสิริมงคล ชีวิตคู่ราบรื่นหอมฟุ้งเหมือนกลิ่นมะลิ งานใหญ่ก็จะสำเร็จลุล่วง” ปานวาดบอกเหตุผล

“คนโบราณนี่ก็ช่างคิดนะครับ คิดเยอะซะด้วย”

“เอาน่า ดื่มๆ ไปเถอะ สิริมงคลกับตัวเองทั้งนั้น” เถ้าแก่สันต์บอกลูกชายที่ยังไม่ได้ดื่ม แต่คนที่ดื่มก่อนคือกัญญาภรณ์ ความหอมและมีรสหวานหน่อยๆ ทำให้เธอดื่มทีเดียวหมดแก้ว สิงหนาทเห็นกัญญาภรณ์ดื่มเขาจึงดื่มตามบ้าง ผู้ใหญ่ทั้งสี่เห็นทั้งสองดื่มจนหมดแก้วแล้วลอบยิ้ม แต่ก็ไม่ทำตัวเป็นพิรุธ

“อร่อยดีค่ะ หวานๆ หอมๆ ดื่มเย็นๆ ชื่นใจมากค่ะ”

กัญญาภรณ์ที่เพิ่งเคยดื่มน้ำมะลิครั้งแรก เอ่ยชมจากใจ

“แม่เป็นคนปรุงเองนะ ใส่น้ำเชื่อมนิดๆ เพื่อให้มีรสหวาน เวลาดื่มจะได้สดชื่น” ปานวาดบอกลูกสะใภ้ “เอาล่ะดื่มน้ำมะลิแล้วก็เข้าหอได้”

“ไปเข้าหอกัน”

เถ้าแก่สันต์ลุกขึ้นยืน ทำให้ที่เหลือลุกขึ้นตามและพากันเดินขึ้นไปชั้นสอง ไปยังห้องนอนของสิงหนาท พอเข้าไปในห้อง เถ้าแก่สันต์อวยพรลูกชายและลูกสะใภ้

“ขอให้มีความสุขในชีวิตคู่นะลูก ใครทำผิดพลาดอะไรก็ให้อภัยกัน ไม่เข้าใจก็หันหน้าคุยกันนะลูก” เถ้าแก่สันต์รีบอวยพรรีบออกจากห้อง “พ่อกับแม่ไปก่อนนะ”

สี่ผู้ใหญ่รีบเดินออกจากห้อง เนื่องจากทั้งสองดื่มน้ำมะลิผสมยาปลุกเซ็กส์ไปห้านาทีแล้ว คาดว่าอีกไม่กี่นาทียาก็จะออกฤทธิ์ ทันทีที่ประตูปิดลง เถ้าแก่สันต์นำกุญแจมาล็อคประตูห้องลูกชาย กันคนทั้งคู่ออกมานอกห้อง

ความที่ตกลงกันไว้ว่า จะไม่มีอะไรกันและใช้วิธีทางการแพทย์ในการทำลูก สิงหนาทกับกัญญาภรณ์จึงไม่เคอะเขินหรือประหม่า

“เธอนอนบนเตียงนะ ฉันนอนบนโซฟาเอง” สิงหนาทบอกกัญญา-ภรณ์ที่มีอาการแปลกๆ “เธอเป็นอะไรหรือเปล่า”

“ไม่รู้สิ มันร้อนๆ ยังไงบอกไม่ถูก ร้อนข้างในตัวน่ะ” กัญญาภรณ์บอกอาการที่เป็นอยู่ ซึ่งตอนนี้สิงหนาทก็กำลังรู้สึกเช่นเดียวกับเธอ

“ฉันก็รู้สึกร้อนเหมือนกัน” ความร้อนในตัวเขาแผ่ซ่านไปทั่วกาย ร้อนวูบวาบแปลกพิกล ความร้อนนี้ทำให้ความเป็นชายเติบใหญ่ ความต้องการทางเพศถูกปลุกทั้งที่ไม่ถูกโอ้โลม “เป็นอะไรวะเนี่ย”

ระดับความร้อนในกายกัญญาภรณ์สูงขึ้นทุกขณะ ความร้อนมาพร้อมกับกระแสบางอย่างที่เธอไม่รู้จัก มันทำให้เธอรู้สึกมีความปรารถนาทางอารมณ์ ผิวกายเคลือบด้วยไฟเสน่หายิ่งเพิ่มความร้อนรุ่มมากขึ้น ร้อนมากจนเธอแทบอยากฉีกเสื้อผ้าที่สวมใส่

“นั่นสิเป็นอะไรเนี่ย ทำไมมันร้อนอย่างนี้ มันไม่ได้ร้อนอย่างเดียวด้วย มันรู้สึก...รู้สึก” กัญญาภรณ์เหมือนมีคลื่นพิศวาสสาดซัดไปทั่วกาย เธอพยายามควบคุมแรงพายุนั้นไม่ให้ลุกลาม แต่ก็เหมือนการชักเย่อ ดึงไปดึงกลับอยู่อย่างนั้น อาจเป็นเพราะเธอด้อยประสบการณ์ทางด้านนี้ บวกกับฤทธิ์ยาที่ได้ดื่มเข้าไปในปริมาณที่มากกว่าสิงหนาท ส่งผลให้เธอไม่มีความยับยั้งชั่งใจ มองสิงหนาทด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม

แต่สำหรับคนโชกโชนเรื่องบนเตียงอย่างสิงหนาทรู้ดีว่า ที่ตัวเองเป็นเช่นนี้เพราะอะไร ในน้ำมะลิแก้วนั้นคงใส่ยาปลุกเซ็กส์เพื่อจะได้ให้เขากับกัญญาภรณ์มีความสัมพันธ์ทางกายต่อกัน เขาพยายามควบคุมตัวเอง คุมความต้องการที่กระพือเดือดยิ่งกว่าน้ำร้อนในกา แต่ก็ยากเหลือเกินที่จะหักห้ามแรงเสน่หาในกาย

ยาตัวนี้เป็นตัวที่แรงที่สุด เถ้าแก่สันต์ให้อดีตคนเฝ้าซ่องหามาให้ หยดลงไปเพียงแค่สามสี่หยดก็ออกฤทธิ์นานสองชั่วโมง แต่ปานวาดเล่นเทไปทั้งขวดในปริมาณที่ต่างกันเล็กน้อย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า คืนนี้คงฟ้าเหลืองทั้งคู่

“มองฉันแบบนี้ทำไม เฮ้ยๆ ใจเย็นๆ ตั้งสติหน่อยแพร เฮ้ยๆ ตั้งสติ” สิงหนาทถามกัญญาภรณ์ที่มองตนตาพราวระยับ ไม่เพียงแค่นั้น เธอยังทำในเรื่องที่ทำให้เขาตกใจ “เฮ้ย! เธอจะทำอะไร”

กัญญาภรณ์ถอดเสื้อคลุมออกจากตัว สิงหนาทมองเห็นชุดนอนที่บางแสนบางที่มองเห็นทะลุปรุโปร่งด้วยความตกใจ แล้วตกใจมากขึ้นเมื่อเธอถอดชุดนอนนั้นออก เผยให้เห็นสรีระของสาวห้าวแบบเต็มตา เขาไม่คิดว่าหุ่นเธอจะซ่อนรูป เนื้อเป็นเนื้อ นมเป็นนม นมเท่าผลส้มโอ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป