บทที่ 4 Chapter4
“หนูไม่เหนื่อย พ่อพูดมาเถอะ” ความอยากรู้มันแน่นอก นอนพักก็คงไม่หลับ
“แต่แม่ว่า เอ็งพักก่อนก็ได้นะ” สายหยุดทำเหมือนกับว่ายังไม่อยากพูดเรื่องนี้ตอนนี้ และนั่นยิ่งทำให้กัญญาภรณ์อยากรู้มากขึ้น
“พูดมาเถอะแม่ ไม่ว่าจะพูดตอนนี้หรือตอนไหนก็พูดเหมือนกัน”
“ลุงกับป้าก็รีบๆ พูดมาเถอะน่า อยากรู้จะแย่อยู่แล้วเนี่ย”
ชุติมาพูดขึ้นหลังจากทนไม่ไหว
“มันเกี่ยวอะไรกับเอ็งฮะไอ้ยู นี่มันเรื่องในครอบครัวฉันนะ เอ็งกลับบ้านไปได้แล้ว หมดหน้าที่เอ็งแล้ว” พจน์ไล่ตะเพิดชุติมา
“ไม่กลับหรอก อยากรู้จนอกจะแตกอยู่แล้ว กลับบ้านไปก็ไม่รู้เรื่องน่ะสิ กลับให้โง่ทำไม” ชุติมาเถียงกลับนั่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน
“เอ็งนี่มันสอดรู้เหมือนแม่เอ็งไม่มีผิด” สายหยุดเป็นพี่สาวสายใจ มารดาของชุติมา
“แหม เชื้อมันก็มาเป็นทอดๆ นั่นแหละ อย่างกับป้าไม่ชอบสอดรู้เรื่องคนอื่นงั้นแหละ” เจอย้อนเข้าไปสายหยุดจึงคว้าห่อกระดาษทิชชู่เขวี้ยงใส่ชุติมาที่รับมันไว้อย่างแม่นยำ
“ปากเอ็งนี่นะ เอาไม้ตีหัวดีไหมเนี่ย”
“เอาน่าแม่ ปล่อยๆ ยูไปเถอะ มาพูดเรื่องของเราดีกว่า ตกลงว่ามีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา” กัญญาภรณ์ทำท่าจริงจัง สองสามีภรรยามองหน้ากัน ก่อนที่พจน์จะเป็นคนพูด
“บ้านเราเป็นหนี้เถ้าแก่สันต์” กัญญาภรณ์มองหน้าคนพูด นึกในใจว่าเป็นหนี้เถ้าแก่สันต์ตั้งแต่เมื่อไหร่
“เป็นหนี้เถ้าแก่สันต์เหรอพ่อ พ่อไปเป็นหนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ บ้านเราพอกินพอใช้นะ ถึงไม่มีมากแต่ก็ไม่เดือนร้อน ฉันก็ส่งเงินให้พ่อกับแม่ทุกเดือนๆ ละห้าพัน ไหนจะไหมอีกรวมกันก็ได้หมื่นนึง ข้าวก็มีกินทั้งปี ผักก็มีเต็มสวน ไหนจะรายได้จากค่าสัปปะรดอีกล่ะ มังคุดด้วยมันก็น่าพอใช้นะพ่อ” กัญญาภรณ์พูดยาว “แล้วเป็นหนีเถ้าแก่สันต์เท่าไหร่”
“พ่อเอ็งเอาไปลงทุนทำอย่างอื่นไง อยากรวย ไม่อยากลำบาก” สายหยุดพูด “พ่อแกเลยเอาที่ดินทั้งหมดไปจำนองกับเถ้าแก่สันต์ รวมๆ แล้วก็เป็นหนี้สิบล้าน”
“หา! สิบล้าน” กัญญาภรณ์ตกใจกับจำนวนหนี้สิน ไม่คิดว่าจะสูงลิบลิ่วขนาดนี้ คนที่ตกใจอีกคนคือชุติมาที่อ้าปากค้าง “ที่ดินทั้งหมดของบ้านเราได้ราคาสูงขนาดนี้เลยเหรอพ่อ สิบล้านไม่ใช่น้อยๆ นะ พ่อเอาเงินไปทำอะไร”
“พ่อเอาไปทำบ่อน” พจน์ตอบเสียงเบา ไม่กล้าสบตาลูกสาว
“ทำบ่อน” กัญญาภรณ์ย้ำเสียงสูง “ทำบ่อนอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่”
“ทำที่กระบี่ บ่อนถั่ว เสือมังกร ป๊อกเด้งแล้วก็ตู้ปลา ทำมาสองปีแล้วแต่ไม่ได้บอกเอ็ง ทำบ่อนมันต้องใช้เงินเยอะ ไหนจะค่าเช่าที่ ให้ตำรวจ ให้นักเลงในพื้นที่อีก แต่ละเดือนก็หลายแสน พ่อเลยเอาที่ดินไปจำนองไว้กับเถ้าแก่สันต์ นำเงินทั้งหมดที่ได้มาลงในบ่อน เพราะเงินหมุนเวียนต้องมี แรกๆ ก็ดีหรอก หลังๆ นี่สิในที่สุดก็เลยเจ๊ง”
กัญญาภรณ์ได้ยินคำตอบแล้วถึงกับถอนหายใจ กลุ้มหนักมากไม่คิดว่า บิดาจะกล้าทำเปิดบ่อน และที่สำคัญปิดเงียบโดยที่เธอไม่ระแคะระคายสักนิดเดียว เธอพอรู้เรื่องนี้บ้างว่า การเปิดบ่อนต้องมีเงินทุน มีเงินสำรองเพราะต้องจ่ายหลายทาง ทว่าบางบ่อนก็อยู่ได้และอยู่ได้นานด้วย
“เถ้าแก่สันต์บอกว่า ถ้าเราไม่เอาเงินไปคืนภายในวันมะรืนเถ้าแก่จะยึดที่ดินทั้งหมดแล้วก็ยึดของสายใจด้วย เพราะพ่อแกเอาที่ดินของน้าสายใจไปจำนองไว้พร้อมกัน”
คราวนี้ความตกใจเกิดขึ้นกับกัญญาภรณ์อีกทำนบ ชุติมาก็ตกใจเช่นกันที่รู้ว่า ที่ดินของมารดาก็ถูกพจน์นำไปจำนองไว้กับเถ้าแก่สันต์
“ทำไมพ่อทำแบบนี้ล่ะ ที่ดินของน้าใจเป็นที่ดินที่ยายให้น้าใจเอาไว้ทำกิน พ่อทำแบบนี้ได้ไง”
กัญญาภรณ์โวยบิดา ลำพังเอาทรัพย์สมบัติของบ้านไปจำนองว่าแย่แล้ว ยังจะเอาของคนอื่นไปอีก คนพูดถึงกับกลุ้ม
“ยังไม่หมดนะ พ่อเอ็งเอาที่ดินที่ภูเก็ตไปจำนองไว้ด้วย พ่อแกเลยได้เงินมาถึงสิบล้านไง”
สายหยุดบอกเพิ่มเติม เป็นการบอกที่ทำให้กัญญาภรณ์ตกใจอีกรอบ ที่ดินที่สายหยุดพูดคือที่ดินหนึ่งร้อยตารางวามรดกที่ปู่มอบให้ก่อนเสียชีวิต ราคาที่ดินอาจไม่สูงมากทว่าคอนโดมิเนียมที่อยู่ติดกับที่ดินผืนนี้ต้องการทำเพิ่มอีกโครงการหนึ่งจึงคว้านซื้อที่ดินใกล้ๆ หนึ่งในที่ดินที่คอนโดอยากได้คือที่ดินของปู่เธอ
“พ่อนะพ่อ ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ อยากรวยอะไรหนักหนา สุดท้ายก็เป็นหนี้เป็นสินขนาดนี้”
“เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เอ็งมาโวยวายนะ เอ็งต้องช่วยพ่อ ช่วยบ้านของเรา” พจน์ไม่สนใจคำต่อว่าของบุตรสาวคนโต เขารีบเข้าเรื่องสำคัญ “เถ้าแก่จะยึดที่ดินทั้งหมดของเรา รวมทั้งบ้านหลังนี้ด้วย”
“แล้วหนูจะช่วยอะไรได้ อย่าบอกนะว่าให้หาเงินสิบล้านน่ะ ไม่มีปัญญาหาให้หรอก” กัญญาภรณ์ตอบกลับทันควัน
“ช่วยได้สิ ตามข้อเสนอของเถ้าแก่สันต์” สายหยุดรีบพูด
“ข้อเสนออะไรแม่”
“แกต้องไปเป็นเมียนายหัวสิงห์ ลูกชายของเถ้าแก่สันต์” คนตอบคือพจน์
“พ่อว่าอะไรนะ จะให้ฉันไปเป็นเมียลูกชายเถ้าแก่สันต์เหรอ” น้ำเสียงกัญญาภรณ์บอกถึงความตกใจ ตกใจเรื่องจำนวนหนี้สินยังน้อยกว่าได้ยินวิธีการชำระหนี้ “ไม่เอาหรอก หนูไม่มีทางไปเป็นเมียลูกชายเถ้าแก่สันต์เด็ดขาด”
“เออเอ็งไม่ต้องไปก็ได้ ข้าจะส่งไหมไปแทน” พจน์เอ่ยเสียงเรียบ
