บทที่ 6 Chapter6
“ก็กว่าจะรอแกมีเมียเองอีกกี่ปีกว่าจะมีหลานให้ฉันอุ้มอีก ฉันก็แก่ขึ้นไปทุกปี ฉันรอแกอย่างไม่มีกำหนดไม่ได้หรอก แกต้องมีเมียตามที่ฉันบอก แกจะได้มีหลานให้ฉันกับแม่แกเลี้ยง”
เถ้าแก่สันต์ไม่เคยบังคับลูกชาย เขาปล่อยให้ทำตามใจอิสระมาตลอด แต่คราวนี้เขารอต่อไปไม่ได้จึงต้องบังคับให้ทำตามความต้องการของตนบ้าง
“ไม่ ผมไม่ทำตามที่พ่อบอกแน่นอน ยังไงผมก็ไม่มีเมีย ถ้าเมียคนนั้นผมไม่ได้เป็นคนเลือกเอง”
น้ำเสียงสิงหนาทแข็งขึงไม่ต่างกับบิดา ตามองตาอย่างไม่มีใครยอมใคร
“สิงห์ลูก ทำเพื่อแม่สักครั้งไม่ได้เหรอลูก แม่ไม่เคยขอร้องอะไรสิงห์เลยนะ ตามใจมาตลอด แต่ครั้งนี้แม่ขอนะลูก แม่อยากมีหลาน แม่อยากเลี้ยงหลาน...ฮือ” ปานวาดที่นั่งฟังอยู่นานพูดขึ้นบ้าง พูดไปน้ำตาไหลไป สิงหนาทใจอ่อนยวบเมื่อเห็นมารดาร้องไห้ และยิ่งได้ยินคำขอร้องของมารดาด้วยแล้ว เขาใจไม่ดีเอาเสียเลย “แล้วหลานที่แม่อยากได้ก็ต้องเกิดกับผู้หญิงที่พ่อหาให้ด้วย แกก็รู้นี่ว่า ถ้าพ่อไม่เลือกเองผลจะเป็นยังไง”
ประโยคนี้เองที่ทำให้สิงหนาทสะอึกไปคำโต
“ดูสิดู แม่แกเคยร้องไห้ไหม แต่ต้องมาร้องไห้ขอร้องแกเนี่ยนะ” เถ้าแก่สันต์เห็นเมียร้องไห้ก็โวยใส่ลูกชาย โอบบ่าภรรยาสุดที่รักแล้วปลอบโยน “ไม่ต้องร้องไห้นะคุณ มันไม่ทำตามก็ช่างหัวมัน ถือว่าเราบุญน้อยคงไม่มีโอกาสเลี้ยงหลาน อีกปีสองปีเราไปบวชกันดีกว่า ปลงซะใจจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ปล่อยให้มันอยู่คนเดียว”
“ฮือ...พี่สันต์...ฮือ...ฉันไม่อยากบวช ฉันอยากเลี้ยงหลาน...ฮือ” ปานวาดร้องไห้โฮกอดและซบหน้ากับอกของสามี
“โธ่วาด...เราคงไม่มีบุญเลี้ยงหลานแน่ๆ ลูกของเราไม่ยอมมีเมีย ไม่ยอมเป็นผัวผู้หญิงที่เราหาให้ แล้วจะมีหลานได้ยังไง ปลงเถอะนะวาด ปลงซะ”
เถ้าแก่สันต์น้ำตาไหล มือเหี่ยวย่นตามวัยเช็ดน้ำตาตนเอง ก่อนไปเช็ดน้ำตาของเมียรัก
“ฮือ...พี่สันต์” ปานวาดร้องไห้หนักขึ้น สิงหนาทเห็นบิดามารดากอดกันร้องไห้ก็ได้แต่ถอนหายใจพรืดยาว รู้สึกว่าตนเองเป็นคนอกตัญญูไปในทันที “ฮือ...ฮือ ฉันคงมีบุญมาแค่นี้ แค่ได้เลี้ยงลูก แต่ไม่ได้เลี้ยงหลานเหมือนคนอื่นเขา...ฮือ...ช้ำใจเหลือเกิน...ฮือ”
เสียงร้องไห้ของปานวาดดังมากขึ้น กรีดหัวใจคนเป็นลูกเหลือเกิน
“ไม่เอาน่าปาน ไม่ร้องไห้นะ เราเข้าวัดทำใจและปลงเรื่องนี้ดีกว่า กว่าจะได้อุ้มหลานเราคงเลี้ยงหลานไม่ได้แล้ว เพราะแก่หงำเหงือก” เถ้าแก่สันต์พูดต่อ ร้องไห้ตามเมีย สิงหนาทยิ่งได้ยินและเห็นน้ำตาพ่อกับแม่ก็ยิ่งสำนึกผิด
“พี่สันต์...ฮือ”
“โอเคครับ มีก็มีเมียน่ะ” สิงหนาทจำยอมและจำใจ
“จริงนะ” ปานวาดหยุดร้องไห้ดีดตัวนั่งหลังตั้งตรง ถามลูกชายด้วยรอยยิ้มสีหน้าต่างกับก่อนหน้านี้ลิบลับ
“จริงครับ” สิงหนาทตอบ
“ไม่หลอกแม่นะสิงห์” คนเป็นแม่ถามไม่เลิก
“ไม่หลอกครับ” คนเป็นลูกตอบย้ำ “แต่ต้องมีข้อแม้นะครับ”
“ข้อแม้อะไร” สองสามีภรรยาถามขึ้นพร้อมกัน
“จะไม่มีงานแต่งงาน ไม่มีการป่าวประกาศให้ใครรู้ทั้งนั้นว่า ผมกับผู้หญิงคนนั้นเป็นผัวเมียกัน ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นแค่เมียลับของผมเท่านั้น พอเธอท้องแล้วคลอดลูกออกมา พ่อก็ให้เงินเธอไปตั้งตัวสักก้อน ผมจะเลี้ยงลูกของผมเอง แล้วต่อจากนั้นพ่อกับแม่ก็ไม่มีสิทธิ์บงการชีวิตของผมอีกต่อไป ตกลงไหมครับ” สิงหนาทยอมอ่อนให้บิดามารดามากแล้วก็ต้องมีข้อแม้กันบ้าง จะได้ไม่รู้สึกว่าตนเองพ่ายแพ้ย่อยยับ
“ได้สิ ไม่มีปัญหา ขอแค่แกยอมก็พอ” เถ้าแก่สันต์ตกลง ปานวาดมองหน้าสามีที่หยักคิ้วให้ “เอาตามนี้นะ วันมะรืนคือวันส่งตัว แกเตรียมตัวเป็นพ่อพันธ์ได้เลย”
“พ่อทำไมมันเร็วจัง บอกปุ๊บมีปั๊บ” ลูกชายทำเสียงตกใจ
“ก็พ่อใจร้อน จะว่าไปมีวันไหนแกก็ต้องมีเมียเหมือนกัน”
“ตามใจพ่อล่ะกัน งั้นผมไปทำงานต่อนะครับพ่อ”
สิงหนาทลุกขึ้นยืนก่อนเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปอย่างไม่สบอารมณ์ ทันทีที่ประตูห้องนั่งเล่นปิดสนิท ปานวาดรีบพูดในเรื่องที่ตนอยากพูดแทรกใจแทบขาด
“มันจะดีหรือพี่สันต์ไปตกลงกับสิงห์แบบนั้น”
“เอาน่า ตกลงไปก่อนแล้วค่อยตลบหลังทีหลัง” เถ้าแก่สันต์กระหยิ่มยิ้ม
“แน่ใจนะพี่” ปานวาดถามซ้ำ
“เชื่อหัวเถ้าแก่สันต์เถอะทุกอย่างเป็นไปตามที่เราคิดไว้แน่นอน” เขาพูดอย่างมั่นใจ “อ้อ...แล้วอย่าลืมล่ะ เดี๋ยวแพรมา ทำตามแผนด้วยนะ สิงห์ยอมแล้วเราก็ต้องทำให้แพรยอมด้วย”
ก่อนหน้าสิงหนาทจะเข้ามาในห้องนั่งเล่นหนึ่งนาที พจน์โทรศัพท์มาหาเขาว่า กัญญาภรณ์กำลังมาหาตนที่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างกันมากพอสมควร กว่าจะมาถึงก็ใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมงครึ่ง สองสามีภรรยาจึงพูดคุยกันว่า อย่างไรเสียวันนี้ก็ต้องทำให้สิงหนาทยอมตกลงมีเมียให้ได้ ผลออกมาคือทั้งสองทำได้
“จ้ะพี่ เชื่อฝีมือฉันเถอะ”
ปานวาดรีบเช็ดน้ำตา หยิบทิชชู่เปียกออกมาหนึ่งแผ่นแล้วเช็ดหน้าเช็ดตา หยิบตลับแป้งมาซับตามใบหน้าให้ดูเป็นปกติ กลบคราบน้ำตาก่อนหน้าจนสิ้น แล้วนั่งรอการมาของกัญญาภรณ์
