บทที่ 8 Chapter8
ชุติมามีความคิดว่า หากกัญญาภรณ์เป็นเมียนายหัวสิงห์จริง คงได้ฆ่ากันตายแน่นอน เพราะคนหนึ่งก็ร้าย อีกคนหนึ่งก็ไม่ยอม เธอไม่อยากคิดภาพเลย
“ไม่มีทางยอมหรอก ใครจะไปยอมเป็นเมียคนที่ไม่รู้จัก แล้วที่หาเมียไม่ได้จนต้องให้พ่อหาให้ หน้าตาอีตานายหัวสิงห์คงดูไม่ได้ สิวเขรอะเต็มหน้า อ้วนลงพุง ตัวดำแน่ๆ เถ้าแก่เลยใช้วิธีนี้หาเมียให้ลูกตัวเอง”
ชุติมาหันมามองหน้ากัญญาภรณ์ เธออยากพูดออกไปเหลือเกินว่า นายหัวสิงห์คนนี้ไม่ได้เป็นไปตามที่กล่าวมา ทุกอย่างตรงกันข้าม แต่ก็เลือกจะไม่พูดขับรถมุ่งหน้ากลับบ้าน
“ถ้าพี่ยืนกรานว่าไม่ยอมก็ต้องหาเงินหกแสนมาให้เถ้าแก่สันต์วันมะรืนนะพี่” ชุติมาย้ำพูด
“เออรู้แล้ว แกจะย้ำทำไมเนี่ย คนยิ่งกลุ้มๆ อยู่”
คราวนี้กัญญาภรณ์เหวี่ยงใส่ชุติมา
“ฉันไม่ได้ตอกย้ำให้พี่คิดมากหรือกลุ้มใจนะ ฉันเป็นห่วงพี่ เป็นห่วงลุงพจน์ ป้าหยุดแล้วก็แม่ด้วย เพราะทุกคนต่างก็ได้รับผลกระทบกับหนี้ก้อนนี้ทั้งนั้น” ชุติมาให้เหตุผล “ถ้าฉันมีใครให้หยิบยืมเงินหรือว่ากู้ได้ล่ะก็ ฉันทำทันทีเลยพี่ แต่ถ้าเงินสูงขนาดนี้ฉันก็จนปัญญา”
ชุติมาก็เหมือนกัญญาภรณ์ ให้ยืมเงินหลักพันหรือหลักหมื่นต้นๆ ยังพอหาได้ แต่จะให้หาหลักครึ่งล้านภายในสองวันคงหาไม่ทันแน่นอน
“พี่ขอโทษ พี่อารมณ์ไม่ดี” กัญญาภรณ์รู้ตัว “แต่มันก็ยากจริงๆ แหละ ยังคิดไม่ออกเลยเนี่ยว่าจะยืมใครดี”
กัญญาภรณ์ถอนหายใจออกมาพรืดยาว ยังคิดหาทางออกไม่ได้
ระหว่างทางกัญญาภรณ์ใช้ความคิดอย่างหนักว่า จะหาเงินจากไหนมาจ่ายค่าดอกเบี้ย ยิ่งคิดยิ่งตัน หาทางออกไม่เจอ ขณะรถกำลังแล่นกลับบ้าน เสียงมือถือกัญญาภรณ์ดังขึ้น
“ว่าไงพ่อ” คนโทรมาหาคือพจน์ ถามจบคำตอบก็มา พอได้รับคำตอบใบหน้ากัญญาภรณ์อาบไปด้วยความตกใจ “แม่ฆ่าตัวตายหรอพ่อ พ่ออย่าพูดเล่นนะ”
“ได้ๆ หนูจะรีบไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย” กัญญาภรณ์พูดเสียงรน
“มีอะไรพี่แพร”
“แกไปโรงบาลมิราเคิลกรุงเทพตอนนี้เลย แม่ฉันฆ่าตัวตายตอนนี้อยู่ที่นั่น”
ชุติมาตกใจ รีบขับรถไปยังโรงพยาบาลดังกล่าวทันที ทั้งสองไม่คิดว่า สายหยุดจะคิดสั้นทำเช่นนี้
ณ โรงพยาบาลมิราเคิลกรุงเทพ-ตรัง
หน้าห้องฉุกเฉินพจน์นั่งหน้าเครียดอยู่ด้านหน้า สายตาเขามองไปยังประตูห้องฉุกเฉินที่เปิดปิดตลอดเวลา แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดเดินมาบอกเรื่องอาการของสายหยุดสักคน ซึ่งเขาก็คอยถามเจ้าหน้าที่ที่เดินออกมาทุกครั้ง คำตอบที่ได้รับคือรอ เป็นการรอที่เขาทรมานใจมาก
“พ่อจ๋า แม่เป็นไงบ้าง แล้วทำไมแม่ถึงฆ่าตัวตาย” คนเป็นรีบถามบิดา
“แม่ล้างท้องอยู่” พจน์ตอบเสียงเศร้า “ที่แม่ฆ่าตัวตายเพราะเครียด เถ้าแก่สันต์โทรมาหาพ่อว่า เขาได้ตกลงกับแก่ว่า ถ้าแกหาเงินค่าดอกเบี้ยมาให้ได้ก็จะให้ผ่อนผันหนี้สิบล้าน แต่ถ้าหากไม่ได้แล้วแกไม่ยอมทำตามข้อตกลง เถ้าแก่สันต์ก็จะยึดที่ดินทั้งหมด พอแม่แกรู้ว่าต้องหาเงินหกแสนให้ได้ภายในวันมะรืนซึ่งเชื่อว่าหาไม่ได้ แม่แกเลยทำใจไม่ได้ที่ต้องเสียที่ดินทั้งหมดไป แม่แกเลยฆ่าตัวตายไง”
กัญญาภรณ์หนักใจมากขึ้นไปอีก เหมือนกับทุกคนกำลังบีบเธอให้ยอมทำตามเงื่อนไขของเถ้าแกสันต์ ตอนแรกเธอคิดว่าการเจรจาคงออกมาในทางที่ดีและเป็นทางที่มีความเป็นไปได้ แต่เปล่าเลย เงินหกแสนไม่ใช่น้อยๆ หาให้ทันภายในสองวันโดยไม่มีทรัพย์สินไปค้ำประกัน มันเป็นเรื่องยากมาก
“เรื่องทั้งหมดพ่อผิดเอง พ่อคนเดียว คนที่สมควรตายน่าจะเป็นพ่อมากกว่า”
“พ่ออย่าคิดแบบนี้นะ อย่าคิดฆ่าตัวตายเหมือนแม่ เพราะการตายมันไม่ได้ช่วยให้หนี้ลดลง” คนเป็นลูกเตือนบิดา“ถึงพ่อตาย หนี้ก็ยังอยู่ สุดท้ายหนูก็ต้องใช้หนี้ให้พ่ออยู่ดี”
“พ่อเองก็ยอมรับไม่ได้นะที่ต้องเสียที่ดินไป ที่ดินทำมาหากินทั้งนั้น อีกอย่างเป็นมรดกตกทอดด้วย พ่อเลวเอง คิดอะไรสั้นๆ คิดทำอย่างนั้น คิดอยากรวยแต่ผลที่ออกมาคือความฉิบหาย พ่อละอายใจมากๆ พ่อไม่อยากอยู่บนโลกนี้” พจน์น้ำตาไหล ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา และนี่เป็นครั้งแรกที่กัญญา-ภรณ์เห็นบิดาร้องไห้ ถ้าไม่สุดจริงๆ พจน์คงไม่หลั่งน้ำตา “พ่อรู้ว่าเงินหกแสนเอ็งคงหาไม่ได้ แล้วพ่อก็ไม่อยากให้แกหาด้วย มันจะเป็นหนี้ซ้ำซ้อน พ่อก็ไม่อยากบังคับหรือบีบให้เอ็งไปเป็นเมียนายหัวสิงห์ด้วย พ่อคิดว่าปล่อยให้เถ้าแก่ยึดที่ดินเราไปเถอะ พรุ่งนี้พ่อจะไปหาบ้านเช่าในเมือง หาล่วงหน้าไว้ก่อน เวลาย้ายออกจะได้ไม่ฉุกละหุก”
พจน์พูดอย่างคนปลงได้ ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา
“แต่ห่วงเรื่องที่ดินของสายใจน่ะสิ ใจไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย ช่วยพ่อด้วยซ้ำไป แต่ต้องมาหมดตัวเพราะพ่อ พ่อเลวเหลือเกิน” พจน์ทำเสียงเศร้า หน้าตาหม่นหมอง
กัญญาภรณ์มองหน้าบิดานิ่ง เธอกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เงินหกแสนเธอไม่อาจหาทันได้ในเวลาสองวัน ถึงให้เวลาเป็นเดือนก็ยังยาก แต่จะปล่อยให้ที่ดินทำมาหากินและเป็นที่อยู่อาศัยถูกยึดไป จิตใจคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็คงรู้สึกราวกับว่าจมอยู่กับความเจ็บปวด ไร้ที่ทำกิน ต้องระเห็จจากบ้านที่อยู่มานานหลายสิบปีไปอยู่บ้านเช่าหรือห้องเช่าแทน อีกทั้งสายใจก็พลอยถูกผลกระทบนี้ไปด้วย ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนก่อเรื่อง
