บทที่ 4 4

พวงชมพูทำงานหนักแต่ก็ไม่เคยซื้ออะไรให้ตัวเอง เธอจะนึกถึงเอมอรกับเพชรกล้าก่อนตัวเองเสมอ สิ่งของที่ซื้อจึงเป็นของทั้งสองเสียส่วนใหญ่ ส่วนตัวเธอเดือนหนึ่งจะซื้อเสื้อกับกางเกงสักชุด ที่ใส่อยู่บางตังรัชนีกรก็ซื้อให้ หรือนำเสื้อผ้าที่ตัวเองไม่ใส่มาให้เพื่อนรักใส่แทน พวงชมพูเป็นแม่และลูกที่ดี แม้นลำบากแต่ก็ไม่เคยคิดหวนกลับไปหาพ่อของลูกที่รวยล้นฟ้าช่วยเหลือ เธอก้าวออกมาจากชีวิตเขาแล้วก็จะไม่หวนกลับไปอีก แม้ว่าจะลำบากยากเข็ญเพียงไรก็ตาม

ชั่วขณะที่เอมอรมองบุตรสาว พวงชมพูหันกลับเพื่อไปหยิบของมาวางบนโต๊ะ เธอได้เห็นนัยน์ตาคนเป็นแม่ที่มีน้ำใสๆ เกลือกกลิ้ง เธอรู้ได้ทันทีว่า สาเหตุของน้ำตานั้นคืออะไร

“แม่คิดมากอีกแล้วนะ” พวงชมพูเดินมาใกล้มารดา

“ก็มันอดคิดไม่ได้ เพราะแม่แกถึงต้องลำบากแบบนี้” เอมอรน้ำตาไหล ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา “เพราะแม่คนเดียว ถ้าแม่ยับยั้งชั่งใจไม่เป็นเมียน้อยเขา ไม่เข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น แกคงมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ต้องมานั่งเลี้ยงลูกตามลำพัง ไหนจะต้องดูแลแม่อีก เพราะแม่คนเดียว”

นับตั้งแต่รู้ความจริง เอมอรโทษตัวเองเรื่อยมา แม้ว่าพวงชมพูจะบอกหลายครั้งหลายหนแล้วว่า เธอก็มีส่วนผิดด้วย เพราะหากไม่ยอม เรื่องนั้นก็คงไม่เกิดขึ้น

“ชมเคยบอกแม่แล้วไงคะว่า ไม่ใช่ความผิดของแม่ มันเป็นความผิดของชมเอง แม่เลิกโทษตัวเองได้แล้วนะคะ อีกอย่างชมไม่เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะมันทำให้แม่มีความสุข มีชีวิตที่ดี และชมก็ได้ของขวัญจากสวรรค์ ที่ทำให้เราสองคนมีความสุขไงคะแม่” ประโยคนี้พวงชมพูพูดกับมารดาหลายครั้งหลายหน แต่ดูเหมือนว่า คำพูดของเธอไม่อาจทำให้ความรู้สึกในจิตใจคนเป็นแม่เบาลงเลย “เรื่องมันผ่านมานานแล้วนะคะแม่ อย่าไปนึกถึงให้จิตใจเราย่ำแย่เลยค่ะ ตอนนี้เรามีชีวิตใหม่ อยู่กันสามคน อยู่กันตามอัตภาพ ปล่อยให้มันเป็นเรื่องในอดีตนะคะแม่”

ปากบอกให้มารดาลืม ทว่าคนพูดกลับไม่เคยลืมเรื่องที่ผ่านมา ราวกับว่าฝังอยู่ในความทรงจำที่พยายามสลัดให้หลุด แต่ไม่เลย มันไม่เคยเลือนหายกลับตอกย้ำอยู่ทุกวัน เป็นเพราะหน้าตาของเพชรกล้าเหมือนคนเป็นพ่อราวกับถอดแบบออกมา อีกทั้งความรักที่มีต่อชายใจร้ายใจดำก็ฝังแน่นในหัวใจ รู้ว่าเขาไม่รักแต่ก็ภักดีรักไม่เสื่อมคลาย

“ถึงแกจะพูดให้แม่สบายใจยังไง แม่ก็ยังรู้สึกว่า ตัวเองผิดอยู่ดี”

“ช่างมันเถอะแม่ เราผ่านมันมาแล้ว ชมไม่อยากให้แม่คิดมากและโทษตัวเอง ชมไม่สบายใจเลยนะแม่ ที่แม่โทษตัวเองแบบนี้ มันทำให้ชมรู้สึกผิดยังไงไม่รู้”

เอมอรมองหน้าลูกสาวที่ตอนนี้มีน้ำตาคลอเบ้า นางไม่อยากเห็นพวงชมพูร้องไห้อีกแล้ว นางฝืนยิ้มทั้งที่ใจตรมเพื่อให้ลูกสบายใจ

“แกก็อย่าร้องไห้สิ แกร้องทีไรหัวใจแม่เจ็บทุกที เอาเป็นว่า แม่จะไม่โทษตัวเองอีก เราจะปล่อยให้เรื่องนั้นผ่านไปเหมือนสายลม” พวงชมพูเช็ดน้ำตา ส่งยิ้มและสวมกอดมารดา เพชรกล้าเห็นภาพยายกับแม่นั่งกอดกันก็ละมือจากงานที่ทำ เดินมากอดร่างทั้งสอง ทั้งสามจึงกอดกันกลม กอดที่เต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่นที่ทั้งสามมีให้กันและกัน

20.30 น.

ปราณปวิชนั่งดูภาพถ่ายของเด็กชายวัยระหว่างห้าถึงแปดปีจำนวนสิบคนที่ถูกส่งเข้ามาในมือถือ เด็กทั้งสิบคนนี้เขาต้องเลือกให้เหลือเพียงหนึ่งเดียว เพื่อเป็นพรีเซนเตอร์อาหารเช้าซีเรียลตัวใหม่ล่าสุดของบริษัท หลังจากส่งตัวล่าสุดเข้าตีตลาดและสามารถครองตลาดเป็นอันดับต้นได้ในระยะเวลาเพียงสองเดือน ทางบริษัทจึงคิดค้นอาหารเช้าซีเรียลตัวใหม่ที่ผลิตจากโฮลเกรนหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ โฮลเกรนเป็นธัญพืชชั้นดีที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานและโรคหัวใจ อีกทั้งยังมีส่วนผสมของโปรตีนที่ทำให้อิ่มท้องได้นานจนถึงมื้อเที่ยง ในการถ่ายทำโฆษณาในแต่ละครั้ง ปราณปวิชมีส่วนร่วมด้วยคือ คัดเลือกพรีเซนเตอร์ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ หากยังไม่ถูกใจหรือคิดว่าไม่เหมาะกับผลิตภัณฑ์ ปราณปวิชก็จะให้ฝ่ายโฆษณาคัดเลือกมาใหม่ จนกว่าเขาจะพอใจ

ขณะที่ดูภาพถ่ายอยู่นั้น สมองปราณปวิชกลับนึกถึงแต่เด็กชายเพชรกล้าที่บังเอิญเจอกันในวันนั้น ผ่านมาแล้วสี่วัน ทว่าภาพใบหน้าของเพชรกล้าไม่เลือนหายไปเลย ส่งผลให้เขาไม่มีสมาธิในการพิจารณารูปร่างหน้าตาของเด็กทั้งสิบคน เมื่อจิตใจนึกถึงแต่เพชรกล้า ปราณปวิชเปลี่ยนมาดูคลิปการแสดงของเพชรกล้าแทน ดูไปยิ้มไป นึกแปลกใจว่า เพชรกล้าไม่ใช่ลูกหลานแต่เหตุใดรู้สึกเอ็นดูได้มากขนาดนี้ ก่อนจะมาดูภาพถ่ายของเพชรกล้าที่เขาถ่ายไว้ มองนิ่งนาน ชั่ววินาทีหนึ่งปราณปวิชนึกถึงใครอีกคนขึ้นมา ขณะนึกถึงก็เพิ่งสังเกตเห็นว่า นัยน์ตาใสซื่อบริสุทธิ์ของเพชรกล้า ช่างเหมือนกับคนที่เขากำลังนึกถึงเหลือเกิน

คนนั้นคือพวงชมพู...ผู้หญิงที่เขาทำร้ายเธอทั้งกายและใจ แล้วตอนนี้ปราณปวิชกำลังทุกข์ทรมานกับการกระทำของตัวเอง เขาควรมีความสุขกับการจากไปของสองแม่ลูกคู่นั้น แต่เปล่าเลย ทุกวินาทีนับแต่นั้นมีเพียงความทุกข์ทรมานใจกับความรู้สึกบางอย่างที่พยายามกลบมันไว้ให้มิดที่สุด

บทก่อนหน้า
บทถัดไป