บทที่ 1 เรียกน้ำย่อย

ในช่วงเช้าของวันอันแสนสดใส ดาราในชุดนักศึกษาใบหน้าสวยงามราวกับนางในวรรณคดี รูปร่างสูงโปร่งผิวพรรณขาวผ่องใครเห็นเป็นต้องเหลียวหลัง เธอเดินออกมาจากอาคารเรียนพร้อมกับเพื่อนสนิทอีกสองคน

"ในที่สุดพวกเราก็จะเรียนจบกันแล้ว เดือนหน้าทุกคนจะต้องแยกย้ายกันไปฝึกงาน ว่าแต่แกยังไม่บอกฉันเลยนะว่าจะไปฝึกงานที่ไหน"

"ฉันยื่นไปที่ช่อง Two days Channel ว่าจะเข้าไปเป็นสต๊าฟช่วยงานที่กองถ่าย ตอนนี้กำลังรอให้พวกเขาตอบรับอยู่"

ดาราเอ่ยออกมาพร้อมกับหยิบโทรศัพท์กดมาดูหน้าจอ วันนี้เธอนัดทานข้าวกับคุณพ่อในช่วงเย็น แต่เธอทักไปหาตั้งแต่เก้าโมงเช้าจนตอนนี้เป็นเวลา 14:00 น ท่านยังไม่แม้แต่จะกดอ่านเลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า

"พวกฉันก็ไปที่นั่นเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นพวกเราน่าจะไปเจอกันที่นั่นแหละ"

"ก็ดีเหมือนกันนะพวกเราจะได้ทำงานด้วยกันไง เดี๋ยวฉันขอตัวกลับก่อนติดต่อคุณพ่อไม่ได้เลย น่าจะต้องไปหาที่บริษัทเผื่อว่ามีอะไรเร่งด่วน"

ดาราโบกไม้โบกมือให้กับเพื่อนรักทั้งสองคนก่อนจะรีบเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ตรงลานจอดหน้าอาคารเรียน จากนั้นก็รีบสตาร์ทรถเร่งความเร็วออกไปจากรั้วมหาวิทยาลัยเดินทางไปยังบริษัทของคุณพ่อ ซึ่งคุณพ่อของเธอท่านชื่อว่า ท่านธนัช สุวรรณภาภรณ์ ท่านเปิดบริษัททำเกี่ยวกับโรงพิมพ์ ซึ่งรับงานพิมพ์หลากหลายอย่างเช่นหนังสือ, นิตยสาร, แผ่นพับ, โปสเตอร์, หรือการออกแบบบรรจุภัณฑ์พวกแพคเกจจิ้ง, หรือสินค้างานพิมพ์อื่น ๆ ทั้งออกแบบแล้วก็ผลิตเป็นบริษัทที่ค่อนข้างใหญ่และมีฐานลูกค้ามากพอสมควร เธอจึงเลือกเรียนคณะนิเทศศาสตร์ ส่วนหนึ่งคือเป็นคนชอบงานแสดงมีความฝันอยากเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง

ขับรถมาเพียงไม่นานก็มาถึงที่บริษัทของคุณพ่อ เธอจอดรถตรงที่จอดรถ VIP ตรงประตูทางเข้าบริษัทก็รีบลงจากรถจากนั้นก็เดินเข้าไปข้างในทันที

"สวัสดีครับคุณหนู"

"สวัสดีค่ะคุณลุง คุณพ่อหนูได้ออกไปที่ไหนหรือเปล่าคะ"

เธอเอ่ยถามรปภที่เฝ้าอยู่ตรงทางเข้า เพราะเขาจะต้องรู้ว่าคุณพ่ออยู่ข้างบนหรือออกไปคุยงานข้างนอก

"คุณท่านอยู่ข้างบนครับ แต่ดูเหมือนจะมีปัญหายังไงคุณหนูต้องขึ้นไปดูแล้วครับ"

เธอเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัยก่อนจะรีบเดินตรงไปยังลิฟต์แล้วกดขึ้นไปชั้นบนสุดซึ่งเป็นชั้นผู้บริหาร และเมื่อมาถึงก็เห็นว่าตอนนี้มีคนยืนเฝ้าประตูอยู่หลายคน หญิงสาวรู้สึกไม่ชอบมาพากลกับสถานการณ์ในตอนนี้ จึงรีบเดินเข้าไปข้างในทันที

"เข้าไม่ได้นะครับ"

"ฉันจะไปหาคุณพ่อทำไมจะเข้าไม่ได้"

"ตอนนี้กำลังคุยธุระกันอยู่ อย่าเพิ่งเข้าไปรบกวนครับ"

ผู้ชายสองคนยืนเฝ้าอยู่ข้างหน้าประตูยื่นมือมากั้นเพื่อไม่ให้เธอเข้าไปข้างในได้ เธอกอดอกจ้องมองไปยังใบหน้าของทั้งสองคนก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงข่มขู่

"จะให้ฉันเข้าไปหรือว่าจะให้ฉันแจ้งความ"

เธอไม่ได้แค่ขู่แต่หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดเบอร์ 191 เตรียมที่จะกดโทรออก และเมื่อพวกนั้นเห็นท่าไม่ดีก็เลยรีบเปิดประตูให้ เพราะพวกเขามาตามเจ้านายเพื่อทวงหนี้ ถ้าเกิดตำรวจมาอาจจะเกิดเรื่องใหญ่กว่านี้

"อย่าโทรนะครับ ถ้าอย่างนั้นก็เข้าไปเลย"

พวกเขาดึงมือของตัวเองกลับไปตามเดิมก่อนจะปล่อยให้หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปข้างใน ดาราได้โอกาสก็รีบบิดลูกบิดก่อนจะเปิดประตูเข้าไปข้างในทันที และภาพที่เธอเห็นก็คือคุณพ่อนั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานกำลังกุมขมับด้วยความเครียดหนักมีผู้ช่วยคนสนิทยืนอยู่ข้างหลัง แล้วก็มีผู้ชายอีกสามคนยืนอยู่ตรงหน้าของเขา

"คุณพ่อเกิดอะไรขึ้นคะ"

"ดาราหนูมาได้ยังไง กลับไปเดี๋ยวนี้เลยนะแล้วเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน"

คุณพ่อเห็นลูกสาวเดินเข้ามาก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาไม่อยากจะให้ลูกมากังวลกับสถานการณ์ภายในบริษัท จนคิดว่าปล่อยให้ลูกสาวกลับไปบ้านก่อนจะดีกว่า เธอยังเด็กไม่ควรจะมารับรู้เรื่องของผู้ใหญ่

"มันเกิดอะไรขึ้นคะบอกหนูมาเดี๋ยวนี้เลยนะ แล้วผู้ชายพวกนี้เป็นใครกันทำไมถึงทำตัวกร่างอยู่ที่บริษัทแบบนี้"

"ทำไมถึงพูดว่าพวกเราทำตัวกร่างแบบนี้ล่ะครับคุณหนู ก็แค่เจ้าหนี้มาทวงหนี้ให้กับเจ้านายก็แค่นั้น วันนี้เป็นวันกำหนดจ่ายหนี้ในส่วนที่เหลือ ถ้าเกิดจ่ายพวกเราก็จะออกไปไม่ได้มาทะเลาะด้วยเลย"

วิคเตอร์เป็นคนที่เจ้านายส่งตัวมาทวงหนี้กับบริษัท สุวรรณภาภรณ์ จำกัด เริ่มต้นก็คือบริษัทขาดสภาพคล่องจึงไปทำการกู้เงินกับธนาคาร แต่เนื่องจากว่าสถานการณ์ภายในบริษัทไม่เป็นที่วางใจจึงทำให้ธนาคารไม่สามารถอนุมัติยอดเงินให้ได้ เขาจึงต้องไปกู้นอกระบบซึ่งมีคนใจดีให้กู้ยืมเงินถึงร้อยล้านบาท และดอกเบี้ยต่ำจึงทำให้เขาหน้ามืดตกลงเซ็นสัญญาไป ตอนนี้กลายเป็นว่าเขาไม่สามารถหาเงินร้อยล้านมาจ่ายทัน พอจะขอจ่ายดอกเบี้ยเหมือนเดิมเจ้าของเงินก็ไม่ยอมแล้ว

"คุณพ่อกู้เงินนอกระบบเหรอคะ แล้วไปติดหนี้เขาเท่าไหร่"

หญิงสาวรู้สึกตกใจไม่น้อยกับสถานการณ์ภายในบริษัท แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วและคุณพ่อของเธอเองไม่มีทางที่จะกู้เงินมาทำหรือไม่ดี แสดงว่าบริษัทอาจจะมีปัญหามาตั้งแต่ต้นท่านจึงตัดสินใจไปกู้เงินแบบนั้น เรื่องนี้ต้องมีเหตุผลและที่มาที่ไป

"100 ล้าน"

"100 ล้าน...! มันเยอะเกินไปแล้วนะคะคุณพ่อ แล้วร้อยล้านที่เอามาใช้มันหมุนไม่ทันหรือยังไงคะ ทำไมถึงไม่มีเงินมาคืนเขาล่ะ"

เธอเดินเข้าไปหาคุณพ่อพร้อมกับเขย่าแขนกดดันให้ท่านตอบคำถามของเธอ เงินตั้ง 100 ล้านบาททำไมท่านถึงจะไม่มีคืนล่ะถ้าเกิดว่าเอามาใช้ประโยชน์ยังไงก็ต้องมีเงินคืนอยู่แล้ว

"พ่อเพิ่งลงทุนอุปกรณ์ภายในใหม่ ตอนนี้ไม่มีเงินพอที่จะจ่ายคืนหรอก ปกติเราก็จ่ายต้นพร้อมกับดอกส่วนหนึ่งได้ แต่ว่าครั้งนี้เหมือนเจ้าของเงินเขาจะไม่ยอมแล้ว เขาจะให้คืนทั้งหมดพร้อมกับดอกเบี้ย พ่อก็ไม่คิดว่าเขาจะมาทวงวันนี้ก็เลยเตรียมตัว งั้นอีกส่วนหนึ่งก็อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ถ้าจะถอนออกมาก็ต้องใช้เวลาหลายวัน ขอเลื่อนหน่อยเขาก็ไม่ยอมจะเอาเงินวันนี้ให้ได้พ่อไม่รู้จะทำยังไงแล้ว"

ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่คิดหนัก เธอไม่รู้ว่าเจ้าของเงินนั้นเป็นใคร แต่มันควรจะเจรจากันได้สิและการมาทวงขนาดนี้มันเป็นการหยามหน้ากันมากเลยนะ

"เจ้าของเงินเป็นใครเหรอคะ พาหนูไปเจอเขาหน่อยได้ไหมเดี๋ยวหนูจะคุยกับเขาเอง"

"ไม่ได้นะหนูจะไปเจอเขาไม่ได้"

คุณพ่อรีบร้องห้ามลูกสาวทันทีเพราะไม่อยากให้เธอไปยุ่งวุ่นวายกับเหตุการณ์แบบนี้ แต่ดูเหมือนว่าวิคเตอร์จะมีสีหน้าที่ยิ้มร้ายออกมาก่อนจะตอบตกลงทันที

"ได้สิ ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ตอน 20:00 น ตรงเจอกันที่คลับ Live Vision ชั้น 5 โซน VVIP ห้องที่ 8 เจ้าของเงินอยู่ที่นั่นแหละ ถ้ารับปากว่าจะไปตามนัดผมจะเลื่อนการทวงเงินออกไปนิดหน่อย"

"ไม่ได้นะลูก..."

"ไม่เป็นไรค่ะพ่อหนูจะไปเอง ไปบอกเจ้าองเงินเลยนะคะว่าคืนนี้หนูจะไปหาเอง...!"

บทถัดไป