บทที่ 9 บทที่ 8 อัฐป๋าซื้อขนมป๋า
แชมป์วางสายจากโทรศัพท์ก็เดินเข้ามาหาเจ้านายซึ่งตอนนี้เขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับใครบางคนอยู่ และฟังจากคำพูดน่าจะเป็นผู้ช่วยอีกคนซึ่งก็คือวิคเตอร์ เขาทั้งสองคนทำหน้าที่แตกต่างกัน แชมป์จะเป็นคนดูแลเกี่ยวกับธุรกิจบันเทิงทั้งหมด ส่วนวิกเตอร์เขาจะดูแลธุรกิจในเครือ รวมถึงดูแลเรื่องการปล่อยเงินกู้ให้กับพวกบริษัทเล็ก ๆ แบ่งแยกหน้าที่กันอย่างชัดเจน
"ว่าไงวิคเตอร์"
(คุณหนูดาราเธอเข้าไปนั่งที่ร้านกาแฟซึ่งเป็นธุรกิจสาขาย่อยของเรา แล้วคุยกับผู้จัดการติดต่อขอซื้อธุรกิจแฟรนไชส์ ผมโทรมาแจ้งเจ้านายไว้ก่อนว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง)
"อืม ขอบใจมาก ดูแลเธอด้วยล่ะ"
(ได้ครับเจ้านาย)
ป๋าธันวากดวางสายก่อนจะเดินหน้าขึ้นมองสบตากับแชมป์ซึ่งดูเหมือนว่าเขามีอะไรบางอย่างที่จะคุยด้วย ชายหนุ่มวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะก่อนจะเอ่ยออกมา
"มีอะไรหรือเปล่า"
(เมื่อกี้มีคนโทรมาติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์ร้านกาแฟของเราครับ เธอบอกว่าเธอชื่อดารา ธิดาภา สุวรรณภาภรณ์ เห็นว่าจะซื้อสาขาที่อยู่ในห้างติดกับช่องของเราครับ)
"งั้นเหรอ..."
เขาได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย ใช้ปากกาเคาะที่โต๊ะเป็นจังหวะ นิ่งเงียบไปอย่างใช้ความคิดซึ่งก็ไม่รู้ว่าเจ้านายกำลังคิดอะไรอยู่
"เจ้านายรู้จักเหรอครับ"
ดูเหมือนว่าเจ้านายจะรู้จักคนที่ติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์ร้านกาแฟ ฟังจากน้ำเสียงที่คุยกับวิคเตอร์น่าจะเป็นเคสเดียวกันหรือเปล่า
"เด็กเลี้ยงของฉันไง"
"อย่างนี้นี่เอง... แล้วเจ้านายจะขายธุรกิจให้คุณหนูเหรอครับ ผมไม่เข้าใจว่าทั้งสองคนกำลังเล่นอะไรกันอยู่"
แชมป์เริ่มงงกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ธุรกิจในเครือที่เป็นชื่อของท่านประธาน ถ้าคุณหนูอยากจะได้กิจการทำไมไม่คุยกับเจ้านายตามตรง แสดงว่าเธอไม่รู้ว่าร้านนั้นเป็นของป๋าธันวาแน่นอน
"แล้วนายคิดว่ายังไงล่ะ"
"อย่าบอกว่าคุณหนูไม่รู้ว่าธุรกิจนั้นเป็นของเจ้านาย ผมจะต้องให้คำตอบคุณหนูภายในเวลาครึ่งชั่วโมง ท่านประธานจะให้ผมทำยังไงครับ"
"เอาสัญญาร้านไปให้เธอเซ็นเลย เสนอไปว่าร้านนั้นให้เซ้งต่อ 10 ล้าน ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะเอาเงิน 10 ล้านจากไหนมาจ่าย"
เขายิ้มมุมปากออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์ ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ายัยเด็กที่เอาตัวมาจ่ายดอกเบี้ยจะมีปัญญาที่ไหนเอาเงิน 10 ล้านมาซื้อธุรกิจของเขา
"อยากรู้เหมือนกันว่าจะมาไม้ไหนอีก... ดารา"
ทางด้านของดาราในตอนนี้เธอได้รับโทรศัพท์จากผู้ช่วยของเจ้าของร้านว่าเดี๋ยวจะเอาสัญญาเข้ามาให้เซ็นพร้อมกับคุยรายละเอียดการซื้อขาย ซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่ได้ถามราคาหรอกว่าเท่าไหร่ เหตุผลเพราะมีบัตร black card ใบนี้สามารถซื้ออะไรก็ได้ ถ้าเกิดว่าเขาถามเธอเอาเงินไปทำอะไรตั้งเยอะแยะก็บอกว่าเอาไปซื้อที่ดินเปล่าเพื่ออนาคตจะเอาไว้สร้างบ้าน
"ฉลาดจริง ๆ ดารา"
เธอยิ้มออกมาก่อนจะยกแก้วกาแฟเครื่องดื่ม และเพียงแป๊บเดียวก็ต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อมีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับถือแฟ้มเอกสารบางอย่าง
"คุณดาราใช่หรือเปล่าครับ"
"สวัสดีค่ะ ใช่ค่ะ..."
เธอวางแก้วกาแฟลงก่อนจะผายมือเชิญให้เขานั่งลงตรงหน้า ดูจากการแต่งตัวน่าจะเป็นผู้ช่วยคนสนิทของเจ้าของร้านมากกว่า ถ้าเป็นเจ้าของร้านไม่น่าจะแต่งตัวประมาณนี้
"มาคุยเรื่องสัญญาใช่หรือเปล่าคะ"
"ใช่ครับผมมาคุยเรื่องสัญญาการซื้อขายแฟรนไชส์ร้านกาแฟแห่งนี้ ผมชื่อทนายดลพันธ์รับมอบจากเจ้าของแฟรนไชส์ให้มาคุยรายละเอียดกับคุณหนู นี่เป็นเอกสารย้อนหลัง 2 ปีสำหรับรายได้ของร้าน ถ้าคุณดาราเห็นจะรู้ว่าร้านกาแฟแห่งนี้ทำเงินได้ดีมาก รายได้ต่อเดือนหลักล้านแต่ว่าถ้าคุณดาราต้องการซื้อทางเราสามารถปล่อยร้านนี้ให้ในราคา 10 ล้านบาทเท่านั้น ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นสามารถเข้ามาบริหารงานและเปิดต่อได้เลย"
หญิงสาวนิ่งเงียบไปก่อนจะหันไปมองตรงเคาน์เตอร์ซึ่งตอนนี้มีลูกค้าต่อแถวอยู่เกือบ 10 คน รายรับรายจ่ายในเอกสารนี้ค่อนข้างน่าเชื่อถือ เพราะดูจากลูกค้าที่มาใช้บริการแล้วสิ่งที่เขาพูดออกมาไม่เกินจริง
"ลดหน่อยไม่ได้เหรอคะ 10 ล้านค่อนข้างแพงไปนะคะ"
เธอรู้สึกว่าราคามันเกินเอื้อมไปหน่อยแต่ไม่ใช่ว่าจะซื้อไม่ได้เพราะบัตร black card ของเขาสามารถซื้อได้ทุกอย่างไม่จำกัดวงเงิน แต่ถ้าเกิดว่าดารารูดเงินออกไปทีเดียว 10 ล้านต้องถูกป๋าธันวาสงสัยแน่นอน
"ได้ราคานี้ราคาเดียวครับเพราะผมคุยกับเจ้าของแฟรนไชส์มาแล้ว ถ้าคุณผู้หญิงพอใจในราคานี้เราสามารถเซ็นสัญญาซื้อขายได้เลย"
"งั้นราคานี้ก็ได้ค่ะ เซ็นสัญญาตอนนี้เลย"
"ได้เลยครับว่าแต่จะชำระเงินแบบไหนดี จะจ่ายเป็นเช็คเงินสดหรือว่า..."
"รูดบัตรนี้ได้ไหมคะ"
เธอยื่นบัตร black card ไปให้ตัวแทนทำสัญญาตรงหน้า และเมื่อเขาเห็นบัตรดำก็เลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะรับมามองสำรวจ ซึ่งคนที่ถือบัตร black card ในประเทศไทยมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น และแน่นอนว่าคนที่จะถือได้จะต้องร่ำรวยระดับมหาเศรษฐีมีอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจมากมายถึงจะได้รับบัตรนี้มาครอบครอง
"ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมขอโทรศัพท์หาเจ้านายแป๊บหนึ่งนะครับ"
"ได้ค่ะ"
เขาขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดโทรไปหาเจ้านาย และเพียงไม่นานแชมป์ก็กดรับสายก่อนจะรีบส่งโทรศัพท์ไปให้ท่านประธานเพื่อคุยกับตัวแทนที่เข้าไปคุยรายละเอียดสัญญาในวันนี้
"ทนายดลพันธ์โทรมาขอคุยด้วยครับ"
"เปิด speaker phone เลย"
"ได้ครับ"
เขากดเปิด speaker phone ให้ได้ยินพร้อมกับเจ้านายจากนั้นเขาก็เอ่ยออกไปทันที
"ว่าไงทนายมีอะไรหรือเปล่า"
(เจ้านายครับ คนที่สนใจจะซื้อแฟรนไชส์ร้านกาแฟเขาตกลงซื้อในราคา 10 ล้าน แต่ว่าเขาเอาบัตร black card มาชำระเงิน ซึ่งตามกฎบัตร black card จะไม่สามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ แต่ผมสงสัยว่าทำไมคุณหนูคนนั้นถึงมีบัตรดำ เพราะดูจากอายุแล้วน่าจะยังเด็กอยู่ไม่น่ามีบัตรในครอบครองได้)
และเมื่อป๋าธันวาได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มมุมปากออกมาทันที ก็นึกว่าจะเอาเงิน 10 ล้านจากไหนมาจ่าย สรุปก็คือเอาเงินของเขาไปซื้อกิจการของเขาเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกเนี่ยแหละ
"ยัยเด็กเจ้าเล่ห์เอ๊ย หึ... เซ็นสัญญาโอนร้านให้คุณดาราเลย แล้วไม่ต้องบอกนะว่าบัตรซื้ออสังหาริมทรัพย์ไม่ได้ เซ็นโอนเสร็จแล้วกลับมาเลย"
(ได้ครับเจ้านาย เดี๋ยวผมจัดการให้)
