บทที่ 5 พรหมลิขิตบันดาลชักพา (25%)
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน
มัลลิกา เรืองวัฒนา กับคุณครูมารีญา ฮัดดิงตัน ซึ่งเป็นญาติห่างๆ ทางฝั่งแม่ของเธอ กำลังนั่งกระวนกระวายใจอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ทั้งสองต้องมายังโรงพยาบาลแห่งนี้ในเวลาพลบค่ำ เนื่องจากมีคนลอบเข้าไปทำร้ายเด็กชายแดนไทย เรืองวัฒนา ลูกชายวัยสิบขวบของมัลลิกา เด็กน้อยไหวตัวทัน วิ่งหนีออกมาจากห้องน้ำ แต่ดันไปสะดุดเข้ากับก้อนหินจนล้มหัวคะมำอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน ทำให้หัวเข่าถลอกและเท้ามีแผลเหวอะหวะเลือดสีแดงฉานไหลริน จนแดนไทยร้องไห้จ้า ส่วนคนเป็นแม่อย่างมัลลิกาก็ได้แต่น้ำตาไหลด้วยความสงสารลูกชายตัวน้อยจับใจ แต่ก็ยังถือว่าเคราะห์ดีที่ตำรวจมาช่วยชีวิตสองแม่ลูกไว้ได้ทันท่วงที ถึงแม้ว่าจะจับผู้ร้ายไม่ได้ก็ตาม
แอ๊ด!!!
“ใครเป็นญาติของคนไข้ครับ?” หลังจากมีเสียงเปิดประตู หมอวัยกลางคนรูปร่างสันทัดก็ปลดผ้าปิดจมูกออกแล้วเอ่ยขึ้นทันที
“ดิฉันเองค่ะ” มัลลิการีบผุดลุกขึ้น แล้วถลาเข้าไปยืนตรงหน้าคุณหมอ ใบหน้างามพริ้งมีแววกังวลใจฉายชัดออกมาทั่วทุกอณู
“งั้นเชิญทางนี้ครับ” หมอกล่าวเชิญญาติคนไข้ด้วยท่าทางสุภาพพร้อมเดินนำหน้า หญิงสาวหันไปบีบมือคุณครูมารีญาเพื่อฝากฝังลูกชาย เมื่อได้รับการพยักหน้าจากอีกฝ่าย เจ้าของร่างเพรียวระหงก็ไม่รอช้าที่จะสาวเท้าก้าวยาวๆ ตามแผ่นหลังหนาของคุณหมอไป
เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องตรวจที่ไม่ไกลจากห้องฉุกเฉิน หมอก็ผายมือเชิญให้มัลลิกานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับตน และไม่รอช้าที่จะพูดถึงอาการของคนไข้ตัวน้อยที่เพิ่งเข้าไปรักษา
“คุณเป็นแม่ของคนไข้ใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ ลูกชายของดิฉันเป็นอย่างไรบ้างคะ คุณหมอ” ชั่วอึดใจที่รอฟังคำตอบจากคุณหมอยู่นั้น หัวอกของคนเป็นแม่แทบมอดไหม้ มือเรียวที่วางอยู่บนตักบีบเข้าหากันจบแทบแหลกละเอียด
“ลูกชายของคุณเป็นเบาหวาน และถ้าดูจากผลเลือด มันก็บ่งชี้ได้ว่าเด็กเป็นเบาหวานมาได้สักระยะแล้วครับ” หมอเอ่ยกับหญิงสาวด้วยท่าทางสุขุม หลังจากที่เปิดดูรายงานผลเลือดจากห้องปฏิบัติการที่เพิ่งให้พยาบาลเจาะเลือดคนไข้อย่างเร่งด่วน ปรากฏว่ามันระบุถึงระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินขนาด
“มันจะเป็นไปได้อย่างไรคะ ในเมื่อน้องแดนไม่มีอะไรผิดปกติเลย” หญิงสาวส่ายหน้าไปมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยปากค้านอย่างไม่เต็มเสียงนัก
“อาการในเด็กจะไม่เหมือนในผู้ใหญ่ครับ บางทีก็อาจจะมีอาการแต่เด็กไม่ได้บอกคุณแม่เฉยๆ” หมออธิบายให้ญาติคนไข้ฟังตามหลักวิชาการ และจากประสบการณ์ที่ได้พบจากคนไข้มาหลายรูปแบบ
“แต่คนเป็นเบาหวานมักจะอ้วนไม่ใช่หรือคะ?” มัลลิกายังคงไม่เลิกกังขา เพราะเท่าที่รู้มาคนเป็นเบาหวานจะต้องตัวอ้วน ไม่ใช่หุ่นเพรียวสมส่วนเหมือนลูกชายของเธอ
“ก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไปหรอกครับ เพราะจากสถิติทางการแพทย์เด็กที่เป็นโรคนี้มักจะผอม ส่วนคนที่อ้วนก็มักจะเป็นโรคอ้วนมาก่อนแล้วค่อยมาเป็นโรคเบาหวานในภายหลัง”
“อย่างนั้นหรือคะ?” น้ำเสียงหวิวไหวรับคำคุณหมอราวกับคนละเมอ ใบหน้างามซีดเผือดจนแทบไม่มีสีเลือด หัวตาร้อนผ่าวด้วยความสะเทือนใจ
‘นี่มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของแดนไทยกันหนอ ตัวกระเปี๊ยกแค่นี้ ถึงได้มีแต่เรื่องเลวร้ายประดังประเดเข้ามาไม่รู้จักจบจักสิ้น’ คุณแม่ยังสาวรำพึงรำพันกับตัวเองในใจด้วยความรวดร้าว หยาดน้ำตาใสๆ คลอเบ้าเจียนจะไหลรินอยู่รอมร่อ
“และอีกอย่างก็คือ หมอคงต้องให้น้องแดนไทยนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลสักระยะ เพื่อรอดูว่าแผลที่นิ้วเท้าจะแห้งสนิทดีหรือไม่” หมอเกริ่นออกมาด้วยท่าทางสุขุม
“แล้วถ้ามันไม่แห้งสนิทจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายดิฉันคะคุณหมอ” น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยถามอีกฝ่าย หัวใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ สีหน้าดูเป็นกังวลอย่างมากมายมหาศาล
“เราอาจจะต้องตัดนิ้วเท้าของน้องแดนไทยออก เพื่อไม่ให้แผลลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง” หมอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเครียดเขม็ง เพราะอดที่จะสงสารคนไข้ตัวน้อยไม่ได้
“แล้วไม่มีทางอื่นที่จะรักษาได้เลยหรือคะคุณหมอ” เสียงเครือเอ่ยถามด้วยความสะเทือนใจ ไม่มีครั้งไหนที่เธอจะรู้สึกทุกข์ทรมานใจได้มากขนาดนี้อีกแล้ว
“มีครับ ทางการแพทย์สามารถรักษาคนไข้ในเคสนี้ได้ด้วยการให้กินยาอิมมูโนไคน์หรือดับเบิ้ลยูเอฟสิบ แต่ค่ารักษาพยาบาลค่อนข้างสูง”
“ยานี้แพทย์ใช้รักษาคนไข้ที่เป็นโรคมะเร็งไม่ใช่หรือคะ” มัลลิกาเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะทราบมาว่าคุณย่าของคุณครูมารีญาก็ใช้ยาตัวนี้บำบัดโรคมะเร็งอยู่
“ใช่ครับ แต่ในปัจจุบันสามารถนำยาตัวนี้มาใช้กับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีแผลตามอวัยวะได้ โดยฤทธิ์ของยาจะไปกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรง และสามารถเข้าทำลายเชื้อโรคบริเวณบาดแผล พร้อมทั้งสร้างเนื้อที่ตายไปแล้วให้งอกขึ้นมาใหม่ ทำให้แผลของผู้ป่วยหายภายในระยะเวลาสั้นๆ” หมออธิบายให้ญาติของคนไข้ฟังอย่างละเอียดตามหลักวิชาการที่สามารถพิสูจน์ได้
“แพงแค่ไหนก็ไม่ว่าค่ะ ขอเพียงให้แดนไทยไม่ต้องตัดนิ้วเท้า ได้โปรดเถอะค่ะ คุณหมอ ได้โปรดรักษาลูกชายดิฉันด้วยยาตัวนี้” วิงวอนทั้งน้ำตา แม้จะไม่มีเงินเก็บหลงเหลืออยู่เลย มัลลิกาก็พร้อมที่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกชายมีอวัยวะครบถ้วนเหมือนอย่างคนอื่นเขา
“เรื่องนั้นหมอไม่ขัดข้องอยู่แล้วครับ หากมันเป็นประสงค์ของคุณแม่ แต่การรักษาต้องประเมินจากปัจจัยหลายอย่าง อย่างไรก็ต้องรอดูอาการแดนไทยไปก่อน”
“แล้วเราจะรู้ตอนไหนว่าน้องแดนจะได้กินยาอิมมูโนไคน์ ดิฉันจะได้เตรียมเงินไว้ถูก” มัลลิกาต้องการวางแผนในเรื่องค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใดเธอก็จะหาเงินมารักษาแดนไทยให้ได้
