บทที่ 6 พรหมลิขิตบันดาลชักพา (50%)

“หลังจากที่ดูอาการสักสองอาทิตย์ครับ หากไม่ดีขึ้นก็ต้องทำการรักษาด้วยวิธีนี้” หมอต้องดูก่อนว่าแผลของคนไข้จะลุกลามหรือไม่ หากแผลแห้งสนิทการรักษาด้วยวิธีนี้ก็ไม่จำเป็นต่อคนไข้

“สองอาทิตย์” เสียงหวานครางเบาๆ ทวนคำของคุณหมอราวคนละเมอ ใบหน้างามซีดเผือดจนแทบไร้สีเลือด ร่องรอยแห่งความกังวลใจฉายชัดไปทั่วทุกอณู

“ครับ ถ้าออกจากโรงพยาบาลแล้ว หมอจะนัดมาตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นระยะ เพื่อจะได้ให้ฉีดอินซูลินในปริมาณที่เหมาะสม” หมอเจ้าของไข้แจ้งหญิงสาวไว้ล่วงหน้า

“ขอบคุณมากค่ะ คุณหมอ” มัลลิกากล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ ก่อนจะเดินจากมาด้วยท่าทางเลื่อนลอยไร้สติ

หลังจากที่คุณหมอยืนยันว่า แดนไทยยังมีเปอร์เซ็นต์ที่จะไม่ต้องกินยาอิมมูโนไคน์ มัลลิกาก็ได้แต่เฝ้าภาวนาและอ้อนวอนขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธ์ทั้งหลายทั้งปวงในสากลโลกให้แดนไทยแคล้วคลาดปลอดภัย และไม่ต้องเสียนิ้วเท้าไป

คืนนี้แอรอน มอร์แกน ออกมาเที่ยวโดยที่ข้างกายไร้เงาสตรีสาวสวย จึงมีเหล่าผีเสื้อราตรีร่อนเข้ามาทักทายเพื่อหวังหว่านเสน่ห์ หากแต่เขากลับไม่ชายตาแล วันนี้พ่อหนุ่มเพลย์บอยที่เคยควงผู้หญิงทีเดียวหลายๆ คนรู้สึกเบื่อหน่าย กลิ่นหอมละมุนของแม่สาวเอเชียที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้เมื่อสามปีที่แล้วยังคอยตามมาหลอกหลอน สามปีที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแอรอนเฝ้าคิดถึงแต่หน้าหวานๆ ของแม่กวางน้อย แต่ครั้นจะไปสืบหาก็ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของสาวเจ้า

อีกทั้งยังรู้สึกเซ็งจัดกับคำสั่งประกาศิตราวสายฟ้าฟาดที่ผู้เป็นย่าเพิ่งจะเอื้อนเอ่ยออกมาเมื่อสามวันก่อนหน้านี้ บวกกับเฟ้นหาคนจะมาเป็นเมียกำมะลอยังไม่ได้ ครั้นโทร.ไปหามาร์โบโล คอฟอร์ด กะว่าจะชวนไอ้เพื่อนยากออกมานั่งดื่มและปรับทุกข์สักหน่อย ฝ่ายนั้นก็ปฏิเสธทันควัน พ่อผู้นำครอบครัวดีเด่นให้เหตุผลว่าจะต้องเล่านิทานกล่อมลูกนอน จนเขาอดแซวไม่ได้ว่าจะกล่อมเมียหรือกล่อมลูกกันแน่ เพื่อนรักก็ตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ ซึ่งชายหนุ่มก็รู้เท่าทันในคำตอบได้เป็นอย่างดี จึงไม่อยากจะคะยั้นคะยอคนรักและหลงเมีย

ขณะที่แอรอนกำลังนั่งทำท่าเซ็งอยู่นั้น นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มก็เหลือบไปเห็นแม่สาวเสิร์ฟเอวบางร่างน้อยนางหนึ่ง หรี่ตาลงมองและครุ่นคิดว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกจึงเรียกให้ผู้จัดการผับมาพบ คุยกันสักพักผู้จัดการหนุ่มก็จากไปพร้อมรอยยิ้มเริ่มมาเยือนใบหน้าหล่อกระชากใจของเจ้าพ่อหนุ่ม

มัลลิกามาทำงานที่ผับหรูแห่งนี้ได้หนึ่งอาทิตย์เต็มแล้ว เธอสลัดคราบสาวหวานมาเป็นสาวเปรี้ยว เพราะไม่อยากให้คนรู้จักในละแวกบ้านซึ่งอาจบังเอิญมาเจอเธอที่นี่เอาไปพูดให้แดนไทยได้ยินว่าแม่ของเขาทำงานกลางคืน จึงจำเป็นต้องปกปิดใบหน้าอันแท้จริงของตัวเอง ด้วยการขอร้องให้พี่ๆ ที่ทำงานด้วยกันเปลี่ยนลุคให้โดยใช้เทคนิคเมคอัพเข้าช่วย ครั้นพอถึงเวลาจะกลับบ้านไปหาลูกชาย เธอก็จะล้างหน้าล้างตาออกให้หมด แล้วหันมาแต่งตัวดังเดิม ถึงแม้จะรู้ว่าช่วงเวลานั้นแดนไทยหลับปุ๋ยไปแล้วก็ตาม

ทุกคืนมัลลิกาจะมีหน้าที่เพียงแค่เอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟตามออเดอร์ที่ลูกค้าในแต่ละโต๊ะสั่งมา แต่วันนี้ไอ้ฝรั่งหน้าตาหล่อเหลาราวเทพบุตรที่หล่นมาจากสรวงสวรรค์ซึ่งเธอกำลังนั่งรินเหล้าให้อยู่นั้น กลับเรียกให้มาบริการเขาถึงโซนวีไอพีบนชั้นสองของผับแห่งนี้ ด้วยความที่ขัดใจลูกค้าไม่ได้ หญิงสาวจึงต้องข่มกลั้นความไม่พอใจเอาไว้ในก้นบึ้ง แล้วยกเครื่องดื่มมาบริการตามที่เขาต้องการ

‘จะว่าไปแล้ว หุ่นเขาก็คุ้นๆ เหมือนกันนะ ส่วนกลิ่นตัวสะอาดสะอ้านแบบนี้ก็ใกล้เคียงมาก แต่คงไม่ใช่มิสเตอร์แบล็กแมนของเธอหรอกมั้ง’ ไม่วายกระหวัดคิดไปถึงพ่อฮีโร่ในดวงใจที่เธอไม่เคยเห็นหน้า จะจำได้ก็แต่เพียงกลิ่นกายและหุ่นกำยำล่ำสัน ความคิดในหัวสมองน้อยตีกันให้วุ่น ก่อนจะหลุดออกจากภวังค์พร้อมสะดุ้งนิดๆ เพราะเสียงกระแอมของคนที่เธอกำลังแอบเหล่อยู่เงียบๆ

“ว่าไงสาวน้อย ไม่คิดจะทักทายกันบ้างเลยเหรอ” เสียงเซ็กซี่เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ ก่อนจะใช้สายตาคมกริบอ้อยอิ่งสำรวจเครื่องหน้าสวยเฉี่ยว ดูๆ ไปแล้วเธอก็มีเค้าโครงหน้าคล้ายกับแม่กวางน้อยของเขาอยู่เหมือนกัน

‘อยากจะบอกเขานักว่าเธอไม่ใช่สาวน้อย แต่อายุยี่สิบเจ็ดปีแล้ว แต่ก็ช่างเถอะ เขาจะคิดยังไงมันก็เรื่องของเขา ทำไมเธอต้องไปแคร์กับคนแปลกหน้า’ มัลลิกาปัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้ง แล้วทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป แอรอนทำเพียงยักไหล่ทรงพลังอย่างไม่แยแส

“เธอเป็นคนเอเชียหรือสาวน้อย” คนที่ฤทธิ์แอลกอฮอล์กำลังซึมเข้าสู่กระแสเลือด เอ่ยถามสาวน้อยแสนสวยที่ก้มหน้าก้มตาบริการตามหน้าที่โดยไม่ปริปากพูดสักคำ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเธอเป็นคนเอเชีย แถมยังไม่ค่อยอยากจะเสวนากับเขา แต่เขาก็ยังนึกอยากหาเรื่องคุยโดยไม่ทราบสาเหตุ ก่อนจะฉวยปอยผมยาวและนิ่มสลวยขึ้นมาจรดจมูกโด่ง แล้วสูดดมแรงๆ เพราะอดใจกับกลิ่นหอมๆ ที่ลอยละล่องมาในอากาศไม่ได้

‘ทำไมกลิ่นมันคุ้นจังวะ ถ้าไม่มีกลิ่นน้ำหอมชวนเวียนหัวมาแกมน่ะใช่เลย’ ขบคิดพลางขมวดคิ้วมุ่น เพราะกลิ่นเฉพาะตัวของสาวเจ้าช่างใกล้เคียงกับกลิ่นกายของแม่กวางน้อยเสียเหลือเกิน

มัลลิกาเผลอชักสีหน้าใส่คนที่กำลังยุ่มย่ามกับร่างกายเธอ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าอย่างระงับอารมณ์ แล้วค่อยๆ ดึงปอยผมออกจากมือใหญ่ จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป

บทก่อนหน้า
บทถัดไป