บทที่ 7 พรหมลิขิตบันดาลชักพา (75%)

“ว่าไงสาวน้อย ฉันถามเธอไม่ได้ยินหรือไง เธอมาจากประเทศไหนในแถบเอเชีย” ยิ่งเห็นท่าทางเอาเรื่อง แอรอนก็ยิ่งนึกสนุก อยากจะยั่วให้คนที่กำลังกลั้นอารมณ์เกิดอาการปรี๊ดแตกขึ้นมา จึงแกล้งขยับเรือนกายทรงพลังเข้าใกล้ร่างอรชร แล้วก้มลงกระซิบชิดพวงแก้มสุกปลั่ง พร้อมปรายตาพราวระยับมองปลีน่องขาวผ่องที่โผล่พ้นชายกระโปรงสั้นจู๋

ใบหน้างามร้อนวูบวาบราวกับมีไฟลน ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนเบิกกว้าง ความใกล้ชิดแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้คนไม่ประสาเกือบลืมหายใจไปชั่วขณะ

“ฉันมาจากประเทศไทยค่ะ” เมื่อตั้งสติได้มัลลิกาก็รีบเขยิบกายออกห่าง พร้อมแข็งใจกัดฟันตอบคำถามด้วยท่าทางสุภาพ แต่ไม่วายมีน้ำเสียงกระด้างเจือออกมา

‘หากไม่เกรงว่าจะโดนเจ้าของผับไล่ออก แม่จะซัดให้ตาเขียวเลยเชียว โทษฐานที่บังอาจมาทำกะลิ้มกะเหลี่ย และมองขาอ่อนของเธอตาเป็นมัน’ หญิงสาวได้แต่แอบเข่นเขี้ยวในใจ

“อือฮึ…พูดภาษาสวีเดนได้ชัดแจ๋วเลย เธอมาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือ” เจ้าของใบหน้าหล่อระเบิดลูบปลายคางเบาๆ พร้อมพยักหน้าหงึกหงักคล้ายพอใจ ก่อนจะเอ่ยถามในสิ่งที่อยากรู้ ทั้งที่เพิ่งเห็นหน้าแต่เขากลับนึกอยากรู้จักเธอให้มากขึ้นอย่างน่าประหลาด

“เรื่องส่วนตัวของฉัน มันเกี่ยวกับการให้บริการในผับนี้ด้วยหรือคะ” แม่สาวร่างเล็กเอ่ยรวนด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ซึ่งแอรอนก็ไม่ได้ออกอาการโวยวาย หากแต่ทำเพียงยักไหล่ทรงพลังอย่างไม่นึกแยแสเท่าที่ควรจะเป็น

“อืม…แล้วเธอชื่ออะไรล่ะ” น้ำเสียงเอื่อยๆ ยังคงทอดออกมาจากปากหยัก มือกระด้างของพ่อหนุ่มกะล่อนคลึงแก้วที่บรรจุน้ำสีอำพันเบาๆ แล้วมองใบหน้าสวยบาดใจด้วยตาปรือฉ่ำ

“ฉันจำเป็นต้องบอกชื่อเสียงเรียงนามให้คุณได้รับรู้ด้วยหรือคะ” คนที่ก้มหน้าก้มตาทำงานไปตามหน้าที่หยุดชะงัก แล้วเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยพอใจ

“โอเค ไม่บอกก็ไม่เป็นไร ว่าแต่คืนนี้เธอสนใจจะไปต่อกับฉันไหมสาวน้อย” พ่อหนุ่มเพลย์บอยไหวไหล่กว้างอย่างไม่ยี่หระกับคำตอบแบบมะนาวไม่มีน้ำ เขาเองก็ไม่ได้อยากรู้จักชื่อของแม่สาวเปรี้ยวเข็ดฟันตรงหน้าสักเท่าไรหรอก แต่อยากได้เสียมากกว่า

บอกตามตรงว่าแอรอนรู้สึกพอใจเจ้าของร่างอรชรอ้อนแอ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นอยู่ไกลๆ จนต้องให้ผู้จัดการผับเรียกเธอมาบริการถึงที่ ทั้งที่ตั้งใจว่าคืนนี้จะดื่มคนเดียวเงียบๆ และยิ่งได้มาเห็นท่าทางไร้เดียงสาของสาวเจ้า เขาก็ยิ่งเกิดความอยากได้ขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ อยากจะพิสูจน์เหลือเกินว่าภายใต้ท่าทางใสซื่อที่แม่คุณแสดงออกนั้น มันมีแม่เสือสาวแอบซ่อนอยู่หรือไม่ ทั้งที่เพลย์บอยตัวฉกาจอย่างแอรอน มอร์แกน ไม่คิดจะขึ้นสังเวียนรักกับสาวไม่เป็นงาน แต่ครั้งนี้เขากลับนึกอยากจะลองสอนชั้นเชิงรักให้แม่สาวน้อยหน้าประถมนมมหาลัยดูสักตั้ง

“คะ?” คิ้วโก่งผูกเป็นปมด้วยความสงสัยในคำพูดของเขา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องใบหน้าหล่อบาดใจเขม็ง วินาทีที่แอรอนเผลอสบเข้ากับนัยน์ตาชวนฝัน เขาก็บอกกับตัวเองว่าจะไม่ยอมปล่อยเธอให้หลุดมือไปแน่

‘เธอนี่แหละ ที่จะมารับบทเมียกำมะลอของเขา’ หนุ่มหล่อได้แต่หมายมาดอยู่ในใจ ในเมื่อหาผู้หญิงมาทำเมียมันยากนัก เขาก็ขอเลือกคนที่เข้าตาและถูกใจก็แล้วกัน

“ฉันถามว่า คืนนี้เธอสนใจไป…นอนกับฉันไหม ยาหยี” เมื่อเห็นว่าแม่คุณทำหน้างงในคำพูดของเขา พ่อหนุ่มกะล่อนจึงขยายความให้มันโจ่งแจ้งและง่ายต่อการเข้าใจ โดยเน้นในบางประโยค จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาสาธยายให้เธอฟังหลายรอบ

‘ไอ้เลวเอ๊ย!’ แม่สาวสวยตะเบ็งเสียงก่นด่าในใจ ทั้งที่มือเรียวยังสาละวนผสมเครื่องดื่มให้เขาตามหน้าที่ ไม่แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา มัลลิกาพยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจ และท่องเอาไว้ว่าที่เธอทำไปทั้งหมดก็เพื่อลูก เพราะถ้าหากไม่นึกถึงแดนไทย ป่านนี้หมัดน้อยๆ ของเธอคงได้ลอยไปกระแทกใบหน้ายียวนเข้าแล้ว

“ว่าไงทูนหัว เปลี่ยนมาเป็นเด็กป๋าไหม เดี๋ยวป๋าคนนี้จะเลี้ยงเอง อยากได้อะไรก็ขอให้บอก เดี๋ยวป๋าจัดให้” ยิ่งเธอไม่ตอบแอรอนก็ยิ่งรุกหนัก เพราะชักนึกสนุกขึ้นมา เห็นท่าทางพยศอยู่ลึกๆ แล้วพ่อหนุ่มกะล่อนก็เกิดความคึกคะนองอย่างห้ามใจไม่อยู่

คราวนี้มัลลิกาถึงกับเลือดขึ้นหน้าให้คนที่ไม่เลิกตอแยกับเธอเสียที ฟันซี่เล็กขบเข้าหากันแน่นอย่างระงับโทสะ แต่เมื่อฝ่ามือสากถือวิสาสะลูบไล้ปลีน่องนวลเนียนสติที่มีก็พลันขาดผึง ปัดมือเขาออกด้วยท่าทางรังเกียจเร็วจี๋ แล้วขยับกายระหงถอยห่างออกมาอีกนิด

“ไม่ค่ะ ฉันมาทำงาน ไม่ได้มาขายตัว” ความอดทนอันมีขีดจำกัดของมัลลิกาลดลงไปมาก เสียงที่ย้อนกลับจึงห้วนจัดจนเกือบเป็นกระชาก ใจจริงเธออยากจะข่วนหน้าไอ้คนปากพล่อยเสียด้วยซ้ำไป

“อย่ามาทำเป็นปฏิเสธไปหน่อยเลยน่า อาชีพแบบเธอมันก็หาลำไพ่พิเศษกันทั้งนั้นแหละ” แอรอนหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างจับผิด แล้วส่ายหน้าไม่เชื่อถือในคำพูดของแม่สาวน้อย

“คนอื่นจะเป็นอย่างไรฉันไม่รู้ ฉันรู้แต่ว่าฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณกำลังกล่าวหาก็แล้วกัน” มัลลิกากำหมัดแน่นพร้อมขึ้นเสียงปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองด้วยความโกรธจนควันแทบออกหู อยากจะก่นด่าเขาด้วยถ้อยคำรุนแรงกว่านี้ให้สาแก่ใจยิ่งนัก

บทก่อนหน้า
บทถัดไป