บทที่ 5 คนใจร้าย(2)
นี่ยังเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะ ยังมีอีกหลากหลายอาชีพที่คนจบรัฐศาสตร์เขาทำกัน ที่สายงานมันเยอะขนาดนี้ก็เพราะว่า รัฐศาสตร์ไม่ใช่สาขาวิชาที่เป็นวิชาชีพเฉพาะ แต่เป็นสาขาวิชาที่บูรณาการศาสตร์หลายแขนงเข้าด้วยกัน ทำให้ทักษะของคนจบรัฐศาสตร์นั้นสามารถทำงานได้มากมาย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ เอกชน หรืองานอิสระ
แต่ฉันคิด ๆ ไว้ฉันอยากเป็นนักการทูต แต่มันก็ยังเป็นได้แค่ความฝัน เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะได้เรียนต่อไหมแต่ยังไงก็ต้องเตรียมตัวไว้ก่อนเพื่ออนาคตของตัวฉันเอง! เพื่อน้องพาร์ทสักวันเราต้องได้อยู่ด้วยกัน!
ตอนเย็น…
“เป็นไงบ้าง” ฉันพูดกับเบบี๋ที่ตอนนี้ดูงอแงเอามาก ๆ
“เบบี๋กลัวสอบตก!” เบบี๋เอาแต่นั่งก้มหน้า
“เบบี๋ของแนนนี่เก่งจะตาย ไม่เอายังไงเราก็ต้องจบพร้อมกัน”
“ไม่งอแงนะเดี๋ยววันนี้แนนนี่เลี้ยงไอศกรีม!” ฉันเดินเข้าไปกอดคอเบบี๋
“ไอศกรีม! ว้าวเบบี๋อยากกิน ขอ 2 อันนะ” พอพูดถึงไอศกรีมเบบี๋ก็ถึงกับตาเป็นประกาย เด็กคนนี้เคยมีอะไรทำให้อารมณ์ไม่ดีบ้างไหมเนี่ยเห็นยิ้มได้ตลอด ถ้าโลกของฉันสวยงามเหมือนกับโลกของเบบี๋ก็คงจะดีไม่น้อย ไม่มีอะไรให้ต้องคิดเหมือนกับทุกวันนี้
“งั้นเราไปกันเถอะ!” แต่เราไม่ได้ไปกันสองคนหรอกมีเพื่อน ๆ ในห้องไปด้วยสองสามคนจะได้ไม่เหงา
“โอเค!”
เบบี๋ชูนิ้วโอเคพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนจะสดใส ทุกคนรักและเอ็นดูเบบี๋เพราะเธอไม่มีพิษมีภัยกับใคร เห็นอะไรก็พูดไปแบบนั้นไม่มีเล่ห์เหลี่ยม
เพราะแบบนี้ละมั้งแดดดี้ของยัยน้องเบบี๋ถึงได้ฝากให้ฉันดูเธอคอยปกป้องเธอถ้ามีคนมารังแก
สถานะเราสองคนมันเป็นพี่น้องมากกว่าเป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำ...
สยามพารากอน…
“อร่อยไหม?” ฉันถามเบบี๋ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากินไอศกรีมอย่างอร่อย
“…...” เบบี๋ไม่ตอบเอาแต่พยักหน้า
“แนน”
“แนนนี่ใช่ไหม?” ฉันหันไปทางต้นเสียงทันที
“...ใช่ค่ะ?” ฉันมองหน้าผู้ชายคนนั้นอย่างครุ่นคิด เหมือนฉันเคยเจอเขาที่ไหนแต่จำไม่ได้
“จำพี่ได้ไหม...ที่เมื่อก่อนบ้านเราอยู่ติดกันไง” ฉันจ้องหน้าเขาพยายามนึกคิด
“พะ...พี่...พี่ไรอัน! ใช่ไหมคะ”
ฉันว่าฉันจำไม่ผิดนะเมื่อก่อนบ้านเราอยู่ติดกันก่อนพี่เขาจะย้ายไปเรียนต่างประเทศเพราะคุณพ่อพี่เขาเป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำฝรั่งเศส
“ใช่ครับ!”
“พี่ดีใจนะ ที่แนนจำพี่ได้!” รอยยิ้มของพี่ไรอันอบอุ่นอยู่เสมอ
“ขอพี่นั่งด้วยคนได้ไหม?” พี่ไรอันถามเพื่อน ๆ ฉัน
“เชิญค่ะ ใครจะกล้าปฏิเสธคนหล่อแบบนี้” เป็นลูกปลาที่พูดขึ้น
“น้อย ๆ หน่อยนางชะนีน้อย คนนี้ฉันจอง!”
ก่อนโบวี่คนสวยประจำกลุ่มจะพูดขึ้นพร้อมส่งสายตาหวานเยิ้มให้พี่ไรอัน
“เชิญค่ะ ว่าแต่พี่มีแบบ...แบบว่า...มีแฟนยังอะ พอจะรับโบวี่ไว้พิจารณาได้มุ้ย” ฉันละยอมยัยนี้จริง ๆ
“ยังครับพี่ยังโสด!” พี่ไรอันหันมายิ้มให้ฉัน สายตาของเขาที่มองฉันมันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
“กรี๊ด!!! โสดด้วย งั้นโบก็มีสิทธิ์”
“รับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ไว้พิจารณาด้วยนะคะ” ยัยโบวี่ไม่พูดเปล่ามือไม้ถึงตลอด
“พอแล้วพี่เขากลัวจนหน้าซีดหมดแล้ว”
คือยัยโบมันจับมือพร้อมส่งสายตายั่วยวนพี่ไรอัน จนพี่เขานั่งตัวแข็งทื่อ เป็นฉัน ฉันก็กลัวนะแบบนี้รุกหนักมาก
“ชิ! ยัยชะนีน้อย หุบปาก!”
นี่แหละโบวี่หรือนายเอกชัย ไชยนุวัติ อยู่บ้านพ่อแม่เรียกเป็นเอก อยู่โรงเรียนคือหนูน้อยโบวี่
แต่คนที่ไม่สนใจใครคือหนูน้อยเบบี๋ที่เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตากิน ส่วนกอหญ้าเอาแต่นั่งตัวบิดมันจะเขินพี่ไรอันอะไรหนักหนา ฮึ...แต่ละคน
“ให้พี่ไปส่งไหม” เป็นพี่ไรอันที่พูดขึ้นหลังจากที่เดินซื้อของกันเสร็จ
“ไม่เป็นไรค่ะแนนกลับกับเบบี๋”
เบบี๋ไม่รู้จะอ้อนอะไรวันนี้จะให้กลับด้วย ฉันจะกลับกับโบวี่กับกอหญ้าก็ไม่ยอม
“โอเคงั้นกลับกันดี ๆ นะ ไว้พี่โทรหา” พี่ไรอันยิ้มให้ฉัน
“เบบี๋พี่ไปนะ” ก่อนจะหันไปพูดกับเบบี๋ที่เอาแต่ทำหน้ามุ่ย
“ค่ะ...บ๊ายบาย” ฉันกับเบบี๋ยิ้มและโบกมือให้พี่ไรอัน
“เป็นอะไรคนเก่งทำไมทำหน้าแบบนั้น” เห็นเอาแต่จ้องโทรศัพท์
“ก็แดดดี้ไม่รับโทรศัพท์เบบี๋นิ” ว่าแล้วเชียว
“ไม่เอาไม่งอแงแนนนี่ว่าเราไปรอแดดดี้ที่บ้านกันดีกว่า” ฉันได้แต่พูดปลอบยัยหนูน้อยเบบี๋
“เบบี๋ขอกอดแนนนี่ตอนนั่งรถกลับได้ไหม” แล้วทำไมต้องทำหน้าอ้อนแบบนี้ด้วย
“ไม่...มีปัญหาครับผม!” มันอดไม่ได้ที่จะบีบแก้มป่อง ๆ มันเขี้ยวจริง ๆ
“แนนนี่ใจดีที่สุดในโลกเลย!”
แล้วฉันกับเบบี๋ก็เดินคล้องแขนกันไปขึ้นรถที่แดดดี้ของเบบี๋ให้มารอรับ
ที่ฉันกล้าไปบ้านเบบี๋เพราะคุณเขากลับจีนไปตั้งแต่วันก่อน ที่รู้เพราะฉันแอบเอาขนมไปให้น้องพาร์ทดีที่พี่ไทเกอร์ช่วยเป็นธุระให้อย่างน้อย ๆ ฉันก็ได้เห็นรอยยิ้มน้อย ๆ ก่อนที่จะไม่ได้เจอกับน้องพาร์ทอีก
เพราะเห็นพี่ไทเกอร์บอกอีกนานกว่าคุณเขาจะกลับมาไทย แบบนี้ค่อยหายใจได้โล่งคอหน่อยเจอคุณเขาทีไรมันรู้สึกอึดอัดเพราะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับคุณเขามันเป็นเรื่องที่ไม่ควรให้เบบี๋รับรู้
เพราะเบบี๋รักและเชื่อใจในตัวป๊ะป๋าของเธอมากถ้าเบบี๋รู้ว่าป๊ะป๋าเธอคือซาตานในร่างเทพบุตรเบบี๋จะเสียใจมากแค่ไหน!
