บทที่ 2 เพื่อครอบครัว
บทที่ 2 เพื่อครอบคัว
เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเด็กสาวที่รับรู้ว่าตนเองจะต้องแต่งงานเพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่กำลังโดนเจ้าหนี้ตามมารังแก มันคงเป็นหนทางเดียวที่จะให้พ่อแม่และน้องปลอดภัยถึงแม้จะไม่อยากแต่งก็ตาม
“โถ่พิมพ์ลูกอย่าร้องไห้ได้ไหมแม่ใจจะขาด” เด็กสาวเข้าสวมกอดผู้เป็นแม่ทันทีพร้อมปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก
“อึก...แม่ขาหนูพิมพ์ไม่อยากแต่งงาน” เธอพูดเสียงสะอื้นพร้อมมุดหน้าเข้าหาแม่ น้ำตาใสๆ มันไหลอาบสองแก้มนวลพร้อมดวงตาที่แดงก่ำแสดงให้เห็นว่าเธอร้องไห้ไม่หยุด
“แม่ขอโทษนะที่ต้องทำแบบนี้ แต่มันคือทางเดียวที่ครอบครัวเราจะอยู่รอด” ผู้เป็นแม่ยกมือขึ้นมาลูบหัวลูกสาวเชิงปลอบใจ เธอไม่ได้อยากทำแบบนี้แต่มันก็เลือกไม่ได้และอีกอย่างมันคือสัญญาที่พ่อเธอให้ไว้กับเพื่อนก่อนเสีย
“ถ้าหนูแต่งงานไปแล้วแม่กับพ่อกับน้องจะอยู่ยังไงคะ...” เสียงสะอื้นลดลงเธอผละออกจากการกอดมองใบหน้าของผู้เป็นแม่ด้วยสายตาเหม่อลอย การแต่งงานครั้งนี้มันทำให้ชีวิตในวัยรุ่นของเธอจบลง
“ไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่นะลูก ขอให้พิมพ์ได้อยู่สบายแม่ก็พอใจแล้วพิมพ์อย่ามาทุกข์อยู่กับพ่อกับแม่เลย” ผู้เป็นแม่น้ำตาคลอพลางปลอบลูกสาวตัวน้อยไปด้วย
“งั้นพิมพ์จะแต่งค่ะแม่ แต่ขอเวลาพิมพ์หน่อยได้ไหมคะ” เด็กสาวปาดน้ำตาบนใบหน้าลวกๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบกล่องใส่ของมาเปิดแล้วเอาสร้อยที่คุณตาของเธอให้ไว้ก่อนเสียมาสวมใส่
“พิมพ์พร้อมแล้วค่ะแม่” เด็กสาวเดินเข้ามาสวมกอดผู้เป็นแม่อีกครั้ง
“พรุ่งนี้พ่อกับแม่พี่ไบรตั้นตะมาบ้านเรา พิมพ์หยุดเรียนได้ไหมลูก” ทั้งสองบ้านจะมาตกลงเรื่องงานแต่งและมาคุยเรื่องค่าสินสอดที่ได้คุยกันไว้ก่อนหน้านี้
“ได้ค่ะพิมพ์ขอตัวนะคะแม่”
“จ้ะเดี๋ยวแม่จะลงไปทำกับข้าวนะ พิมพ์อย่าคิดมากนะลูก” เด็กสาวพยักหน้าตอบรับพร้อมปิดล็อกประตูห้องทันที เธอนั่งเหม่อลอยพลางนึกถึงวันที่จะต้องแต่งงานจริงๆ น้ำตาใสๆ มันก็ร่วงหล่นลงอาบสองแก้มนวล
“อึก...ฮือ...ทำไมชีวิตพิมพ์ต้องเจออะไรแบบนี้ด้วยนะ” เด็กสาวปล่อยโฮออกมาอีกครั้งและเธอสัญญากับตัวเองว่าจะร้องไห้วันนี้ให้พอแล้วลุกขึ้นยืนสู้กับชะตากรรมที่กำลังจะมาถึง
@ผับ++
น้ำสีอำพันถูกกระดกเข้าคอแก้วแล้วแก้วเล่า ไบรตั้นนั่งดื่มอยู่คนเดียวในผับโซนวีไอพี ชายหนุ่มสีหน้าเครียดอย่างเห็นได้ชัดแม้แต่เพื่อนยังเข้าหน้าไม่ติดโดนชายหนุ่มไล่ตะเพิดไปหมด
“เอ้าๆ คุณไบรเพื่อนรักมึงจะดื่มอะไรนักหนาว่ะ” ไบรตั้นมองแค่หางตาเท่านั้นกับเจ้าของเสียงที่เอ่ยขึ้น ชายหนุ่มยังคงกระดกเหล้าเข้าปากเรื่อยๆ
“กูไม่มีอารมณ์คุยตอนนี้อย่ากวนตีนนะมึง!”
“เป็นอะไรวะทำไมวันนี้มาแปลก” เพื่อนสนิทอย่างชินถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสงสัยเชิงอยากรู้ว่าเพื่อนรักของตนเป็นอะไร
“กูกำลังจะแต่งงาน!” ชายหนุ่มกดเสียงมือก็กำแก้วเหล้าแน่นขึ้นจนมันแตกคามือ เลือดสีแดงสดไหลย้อยลงมาที่ปลายนิ้วและมันไหลออกเยอะเพราะการดื่มเหล้า
“กูว่ามึงไปทำแผลก่อนเถอะเลือดแม่งเยอะจังวะ” ชินหาผ้ามาห้ามเลือดให้เพื่อนรักก่อนจะสั่งให้เด็กๆ ไปหาอุปกรณ์ทำแผลมา
“มึงจะแต่งงานกับใครวะกูงงมาก” ชินถามเพื่อนออกไปในขณะที่มือเขาก็ทำแผลให้เพื่อนไป
“กูยังไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำชื่อกูยังไม่รู้จักเลยแม่งเซ็งฉิบหาย!!” ไบรตั้นขบกรามแน่นยิ่งเขาเกร็งเลือดก็ยิ่งไหลออกมาเยอะ
“ใจเย็นก่อนดิวะมึง ถ้ามึงไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่งสิวะ คนอย่างมึงใครจะมาบังคับได้”
“แม่กูไงบังคับได้กูแม่งเซ็งฉิบหาย นี่กูกะจะชิ่งหนีซะจะได้จบเรื่อง” ชายหนุ่มพูดด้วยอารมณ์โมโห ปกติเขาไม่เคยหนีปัญหาอะไรแต่เรื่องแต่งงานนี้มันทำให้เขาคิดที่จะหนีไปให้พ้นๆ
“กูว่ามึงคิดดีๆ นะเว้ย มึงก็รู้แม่มึงคงไม่ยอมแน่ๆ อีกอย่างถ้ามึงไม่ชอบน้องเขาก็แต่งๆ ไปให้เสร็จๆ แล้วมึงก็แยกกันอยู่กับน้องเขาสิวะ กูว่าเรื่องนี้เราตกลงกับเจ้าสาวมึงได้นะ” ชินให้ทางออกเพื่อน ไบรตั้นทำหน้าครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนยิ้มมุมปากจะผุดขึ้นจากใบหน้าหล่อเหลาสไตล์ชายหนุ่มลูกครึ่งนอร์เวย์
“เออ เดี๋ยวกูจะจัดการเองกูว่ายัยเด็กนั่นมันก็คงไม่อยากแต่งแน่นอน” ทั้งสองเลิกคิ้วให้กันเป็นอันว่าตกลง คนอย่างไบรตั้นไม่ยอมหยุดแค่แต่งงานแน่นอน
รถหรูสีดำสนิทเลี้ยวเข้ามาจอดภายในบ้าน ร่างของชายหนุ่มเดินเซไปเซมาเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มไป
“อึก...ค่ำมืดป่านนี้แล้วทำไมแม่ไม่เข้านอนอีก...” ผู้เป็นแม่ยืนกอดอกมองลูกชายขี้เมาอย่างระอาทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าจะต้องได้ไปบ้านของคู่หมั้นตอนเช้ายังไปดื่มจนเมามาไม่เป็นท่าแบบนี้อีก
“นี่แกจะทำตัวเป็นลูกที่ดีไม่ให้ฉันด่าสักวันได้ไหมฉลาม! ดูแกสิเมาไม่เป็นท่าแบบนี้แล้วจะไปบ้านน้องเขายังไง” ผู้เป็นแม่ร่ายยาวจนชายหนุ่มต้องยกมือขึ้นมาปิดหูเอาไว้
“ถ้ามันอยากแต่งมากก็ให้มันรอไปสิครับ” ชายหนุ่มตอบกลับมารดาด้วยน้ำเสียงและท่าทางนิ่งๆ
“แกอย่ามาพูดแบบนี้นะ แกเป็นผู้ชายแกต้องเป็นฝ่ายไปหาน้องเข้าใจไหม! อีกอย่างแกช่วยแต่งเนื้อแต่งตัวให้มันดูดีสมกับเป็นลูกฉันหน่อยนะฉลาม พรุ่งนี้ฉันต้องเห็นแกยืนแต่งตัวเรียบร้อยรอฉันอยู่ข้างล่างนี่!” ผู้เป็นแม่ว่าจบก็เดินขึ้นบ้านไปทันทีส่วนไบรตั้นก็นั่งหน้านิ่งไม่แสดงอาการใดๆ
“หึ! แต่งคนเดียวเถอะยังไงก็ไม่แต่งโว้ย!!!” ชายหนุ่มนั่งขบกรามแน่นก่อนจะเดินกระแทกเท้าขึ้นห้องไปด้วยอารมณ์โมโห เสียงประตูห้องถูกปิดลงอย่างแรงจนเสียงดังสนั่นไปทั่วบ้าน
“อยากแต่งนักก็รอไปสิวะ” ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายใจก่อนจะออกมาด้วยกางเกงขายาวเพียงตัวเดียวเผยให้เห็นมัดกล้ามและซิกซ์แพ็กที่เรียงตัวกันอยู่อย่างสวยงาม ไบรตั้นล้มตัวลงนอนด้วยอาการมึนๆ จากแอลกอฮอล์ที่ดื่มมาเขานอนคิดอะไรไปเพลินๆ จนในที่สุดก็ผล็อยหลับไปตามระเบียบ

























































