บทที่ 3 ข้อตกลง
บทที่ 3 ข้อตกลง
เช้าของอีกวันไบรตั้นยังคงนอนหลับอย่างสบายใจบนที่นอนนุ่มๆ ในห้องนอนส่วนตัวของเขาโดยไม่คิดเลยว่ามีคนกำลังรอเขาอยู่หลายคน เสียงเคาะประตูดังขึ้นแต่ก็ไม่อาจทำให้ชายหนุ่มนั้นตื่นจากการนอนหลับได้จนกระทั่งเสียงเงียบไป
แกร๊ก...เสียงเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของชายหนุ่ม ไม่ใช่ใครที่ไหนแม่เขาเองที่ไปเอากุญแจมาเปิดห้องนอนลูกชายตัวดี
“ฉลามตื่น!!! นี่มันกี่โมงแล้ว ฉันนัดแกไว้ทำไมไม่ยอมตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวอีกฮะ!!” ผู้เป็นแม่ดุลูกชายตัวดีของเธอแต่ชายหนุ่มยังไม่ยอมตื่นแถมยังขยับตัวหนีเอาหมอนมาปิดหูอีกต่างหาก
“ตื่นเดี๋ยวนี้นะฉลาม! แม่ให้เวลาแกแต่งตัวยี่สิบนาทีเท่านั้น” เสียงของผู้เป็นแม่เบาลงพร้อมกับดึงผ้าห่มออกจากร่างลูกชายตัวดี ไบรตั้นหรี่ตามองหน้าผู้เป็นแม่ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ แล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างที่แม่เขาบอก
“วุ่นวายแต่เช้าจริงๆ อยากจะรู้นักว่ายัยเด็กนั้นมันจะสวยขนาดไหนวะ แม่งหน้าต้องเหี้ยแน่ๆ” ชายหนุ่มพึมพำอยู่คนเดียวในห้องน้ำก่อนจะรีบจัดการตัวเองเพื่อให้ทันเวลาที่แม่ให้ไว้
ไม่นานร่างสูงใหญ่ก็เดินลงมาข้างล่าง วันนี้เขาแต่งตัวสบายๆ เสื้อยืดกางเกงยีนธรรมดาๆ แต่มันขัดหูขัดตาผู้เป็นแม่มาก
“แกทำไมแต่งตัวแบบนี้เนี่ยฮะ!! เสื้อผ้าตัวดีๆ มีตั้งเยอะทำไมไม่ใส่ให้มันดีๆ หน่อยฉลาม” มณีนุชมองลูกชายอย่างระอากับการแต่งตัวของเขา
“ก็ผมชอบแบบนี้นิ ใครไม่ชอบก็ช่าง” ชายหนุ่มเดินผ่านหน้าบิดาไปก่อนจะหันสบตาแม่ตัวเองเผยยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“คุณคะฉันล่ะปวดหัวกับมันจริงๆ ค่ะ” มณีนุชได้แต่ส่ายหน้าไปมากับนิสัยของลูกชายตัวเอง
“เอาน่าคุณอย่างน้อยเจ้าไบรตั้นมันก็ไปตามที่คุณบอกนะ แต่งยังไงก็ช่างลูกมันเถอะคุณ” เควินตบบ่าภรรยาเบาๆ ก่อนทั้งคู่จะเดินมาขึ้นรถเพื่อที่จะไปคุยเรื่องแต่งงานที่บ้านของพิมารา
ไบรตั้นพ่นลมหายใจออกแรงๆ ก่อนจะก้าวขาลงจากรถมณีนุชเดินนำหน้าลูกชายและสามีตัวเองเข้าไปในบ้านของว่าที่ลูกสะใภ้
“สวัสดีค่าคุณหญิงนุชมากันแล้วเหรอคะ” ทันทีที่เข้ามาในบ้านราตรีแม่ของพิมาราก็เดินมาต้อนรับและพาเข้าไปนั่งในห้องรับแขกที่ทางบ้านเธอจัดเตรียมเอาไว้
“ไหนคะน้องพิมพ์นุชอยากเห็นหน้าลูกสะใภ้แล้วค่ะ” มณีนุชมองหาลูกสะใภ้คนสวยของเธอทำเอาคนที่นั่งหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับอยู่อย่างไบรตั้นถึงกับกลอกตาไปมากับท่าทีตื่นเต้นของแม่
“ป้าศรีไปเรียกน้องพิมพ์ลงมาได้แล้วค่ะ” ราตรีหันไปสั่งแม่บ้านก่อนจะหันหน้ามาคุยกับมณีนุชต่อ
“เรื่องสินสอดไม่ต้องเป็นห่วงนะคะคุณราตรี นุชให้ไม่อั้นเลยค่ะและอีกอย่างนุชต้องขอตัวหนูพิมพ์ไปอยู่ด้วยนะคะ”
“แต่งงานแล้วฉันก็คงให้ลูกไปอยู่กับสามีเขานั้นแหละค่ะ ฉลามแม่ฝากน้องด้วยนะคะ” ไบรตั้นไม่ได้ตอบแต่กลับเบือนหน้าหนีจนมณีนุชผู้เป็นแม่ถลึงตาใส่ลูกชาย
“ลูกสะใภ้แม่มาแล้ว...” พิมาราเดินเข้ามาในห้องรับแขกด้วยสีหน้าสดใส ใบหน้าหวานแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพียงเล็กน้อย วันนี้เธอใส่ชุดเดรสแขนกุดสีฟ้าอ่อนที่ยาวคุมเข่า มัดผมหางม้าทำให้เธอดูสวยน่ารักมาก ทว่าชายหนุ่มไม่ได้หันมามองด้วยซ้ำกลับหันหน้าหนีไปทางอื่น
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ สวัสดีค่ะคุณแม่ เอ่อ...สวัสดีค่ะพี่ฉลาม” เด็กสาวมองตามร่างของชายที่คิดว่าน่าจะเป็นคู่หมั้นตัวเองด้วยสายตาหวั่นเกรงเมื่อเห็นรอยสักบนตัวของเขา
“ฉลาม! น้องเขาสวัสดีแกก็หันมารับไหว้น้องเขาสิ” มณีนุชดุลูกชายตัวดีก่อนที่ชายหนุ่มจะหันมามองหน้าพิมาราอย่างกินเลือดกินเนื้อเด็กสาวรีบหลบสายตาดุๆ นั้นทันที เขาหล่อและเท่มากๆ แต่ก็น่ากลัวในเวลาเดียวกัน
“พ่อว่าแกน่าจะไปนั่งกับน้องเขานะไบรตั้น” เควินสะกิดแขนลูกชายก่อนจะบอกให้ไปนั่งใกล้ๆ กับคู่หมั้นตัวเอง
“พ่อ! เลิกยัดเยียดผมให้ยัยเด็กนั่นได้แล้วน่า...” ชายหนุ่มก้มไปกระซิบข้างๆ หูบิดาตัวเองก่อนจะหันมามองเรือนร่างอรชรของเด็กสาวด้วยสายตานิ่งเฉย
“ฉลามมานั่งข้างๆ น้องสิ” มณีนุชเรียกลูกชายให้มานั่งใกล้ๆ กับลูกสะใภ้ของเธอและไบรตั้นก็ยอมมานั่งข้างๆ เด็กสาวแต่โดยดี ร่างใหญ่นั่งลงข้างๆ เด็กสาวแรงๆ จนเธอนั้นเซมากระแทกแขนเขาเพราะโซฟามันยุบลงตามน้ำหนักของไบรตั้น
“ขอโทษค่ะพี่ฉลาม” พิมารายกมือไหว้ขอโทษ แต่เธอไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับเขา
“หึ! อย่ามาทำเป็นใสซื่อหน่อยเลยเด็กน้อย ฉันรู้ว่าเธอน่ะอยากได้ฉันจนตัวสั่น” ไบรตั้นกระซิบแผ่วเบาข้างใบหูของเด็กสาวทำเอาเจ้าหล่อนรีบหันมามองหน้าชายหนุ่มด้วยสายตาโกรธเคืองแต่ไม่โต้ตอบกลับเพียงแค่ขยับออกมาให้ห่างจากเขาแล้วเบือนหน้าหนี
“เอาล่ะ เป็นอันตกลงตามนี้นะคะคุณราตรี งั้นนุชขอให้หนูพิมพ์สวมแหวนแลกกันกับฉลามก่อนนะคะ” กล่องแหวานเพชรถูกเปิดออกเพชรเม็ดใหญ่ที่มณีนุชตั้งใจเลือกมาให้ว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอ
“ฉลามสวมแหวนให้น้องสิลูก” ชายหนุ่มหยิบแหวนหมั้นขึ้นมาพร้อมแบมือขอมือคนตัวเล็กเพื่อที่จะสวมแหวนให้แต่เธอก็ชักช้าไม่ยอมส่งมือมาเร็วๆ ชายหนุ่มเลยดึงมือเล็กมาแล้วสวมใส่แหวนให้ทันที มณีนุชได้แต่ถอนหายใจกับการกระทำของลูกชายตัวดี
“ขอมือหน่อยค่ะพี่ฉลาม” เด็กสาวแบมือขอมือชายหนุ่มเพื่อที่เธอจะสวมใส่แหวนให้เขาบ้าง แต่ไบรตั้นก็วางมือใหญ่ของตัวเองลงบนฝ่ามือเล็กๆ ของเธออย่างแรงจนมือของเธอทรุดลงไปตามแรงทิ้งตัวของมือหนา แหวนล้อมเพชรถูกสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของทั้งสองคนอย่างเรียบร้อย ทั้งสองยกมือไหว้พ่อแม่ตัวเองก่อนพิมพ์จะขอตัวออกมาเตรียมของว่างไปให้ผู้ใหญ่ทานกัน สายตาคมมองเห็นหญิงสาวเดินออกไปได้โอกาสที่ไบรตั้นขอตัวออกมาเหมือนกัน ไบรตั้นเดินตามหญิงสาวเข้ามาในครัวโดยที่เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาตามมา
“นี่เธอ! เราสองคนต้องคุยกัน” มือหนากำเข้าที่ข้อมือของหญิงสาวอย่างแรงพร้อมกับดึงกระชากให้เดินตามมา ไบรตั้นพาเดินเข้ามาในห้องเล็กๆ ซึ่งน่าจะเป็นห้องเก็บของของบ้าน
“ปล่อยนะคะ พิมพ์เจ็บนะ” เธอยกมือขึ้นมาแกะมือหนาออกจากการเกาะกุมเพราะข้อมือของเธอมันแดงหมดแล้ว
“ปล่อยแน่ถ้าเธอทำตามข้อตกลงของฉัน!” พิมพ์เงยหน้าขึ้นมาสบตากับชายหนุ่มด้วยสีหน้ากังวล
“หลังจากแต่งงานกันแล้วฉันจะแยกกันอยู่กับเธอ ส่วนฉันก็จะใช้ชีวิตปกติและเธอก็จะมีชีวิตปกติของเธอเหมือนกัน เราสองคนต่างคนต่างอยู่โอเคไหม?” ไบรตั้นเสนอข้อตกลงที่ทำเอาหญิงสาวถึงกับหน้าแดงเพราะเธอกำลังจะร้องไห้
“ถ้าไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่งก็ได้นะคะพี่ฉลาม” จะให้แต่งไปทำไมถ้าต้องแยกกันอยู่สู้ดีไม่แต่งเลยน่าจะดีกว่านะ
“อย่ามาเรื่องมากฉันยื่นข้อเสนอให้เธอแล้วนะ ถ้าไม่ตอบแสดงว่าตกลง!” ชายหนุ่มปล่อยข้อมือเล็กให้เป็นอิสระ
“ถ้าแต่งแล้วพี่อยากจะทำอะไรพี่ก็ทำเถอะค่ะ แต่พิมพ์ก็จะทำหน้าที่ภรรยาเหมือนเดิมเพราะพิมพ์รู้จักหน้าที่ตัวเองดี” หญิงสาวพูดเสร็จก็เบือนหน้าหนีชายหนุ่ม เธอกำลังจะเดินออกไปจากห้องทว่ามือหนารั้งเอวบางเข้ามาหาซะก่อน
“ว๊าย!! ปล่อยนะคะ” ร่างเล็กกระแทกเข้ากับแผงอกแกร่งของชายหนุ่มอย่างแรงจนเธอรู้สึกเจ็บ
“อย่าแสดงให้มันมากแล้วกัน อีกอย่างฉันไม่ชอบให้ใครมาทำตัวเป็นเจ้าของรู้ไว้ด้วย!!” มือหนาปล่อยเอวบางพร้อมผลักให้เธอหลบจากประตู ไบรตั้นเดินออกมาจากห้องเก็บของเพื่อที่จะไปหาพ่อกับแม่ด้วยสีหน้านิ่งๆ
“ทำไมหนูต้องมาเจอกับผู้ชายแบบนี้ด้วยค่ะ...อึกฮือ...” ร่างเล็กทรุดลงนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ในห้องเก็บของคนเดียว เธอร้องไห้จนดวงตาแดงก่ำก่อนจะหยุดร้องแล้วเดินออกไปจากห้องเก็บของขึ้นไปบนห้องนอน เธอกดโทรศัพท์โทรมาบอกแม่ว่าปวดหัวอย่างหนักไม่สามารถลงไปหาได้และฝากลาพ่อกับแม่ของคู่หมั้นเธอด้วย
“ฉันมันคงไร้ค่าจริงๆ สินะขนาดจะแต่งงานอยู่แล้วเจ้าบ่าวยังไม่สนใจไยดีเลยแถมยังต้องแยกกันอยู่อีก ประเคนให้เขาแต่เขากับไม่รับ” หญิงสาวเอ่ยเสียงแผ่วเบาเชิงตัดพ้อก่อนจะล้มตัวลงนอนหลับไปเพราะความเพลียและเครียดเรื่องแต่งงานและอะไรหลายๆ อย่าง
