บทที่ 5 ตอนที่ 5

ภาพของผู้หญิงแต่งหน้าจัดจ้านจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมในกระจกเงาบานใหญ่ตรงหน้า ยิ่งทำให้ความอัปยศอดสูในอกเพิ่มปริมาณมากทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ กลีบปากอิ่มสวยสีชมพูระเรื่อยามนี้ถูกเคลือบทับเอาไว้ด้วยสีแดงสดราวกับสีของเลือด ดวงตากลมโตที่หวานฉ่ำไร้เดียงสา ยามนี้ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางมากมายจนโฉบเฉี่ยวไม่เหลือเค้าเดิม

ภาพของอีตัวที่พร้อมสำหรับรับแขก...

หยาดน้ำตาเอ่อคลอหน่วยตาอีกครั้ง และมันก็คงจะไหลทะลักออกมาทำเครื่องสำอางเลอะเทอะหากไม่มีเสียงของกะเทยเฒ่าผู้เป็นเจ้าของฝีมือแปลงโฉมดังเอ็ดตะโรขึ้นเสียก่อน

“ทุกคนที่นี่ให้ฉันแต่งหน้าให้ก็ดีใจจนน้ำตาเล็ดแบบนี้ทุกคนนั่นแหละย่ะ แต่หล่อนดูจะพึงพอใจในผลงานของฉันมากที่สุด เห็นน้ำตาซึมตลอดเวลาเลย”

พุดแก้วฝืนยิ้ม รีบกะพริบตาเร็วๆ และรีบสมอ้าง

“เจ๊ฝีมือยอดเยี่ยมที่สุดเลยค่ะ”

กระเทยเฒ่าตัวแทบลอย ยิ้มจนแก้มแทบปริ

“พอเถอะไม่ต้องชมอะไรฉันแล้ว ฉันเอียนกับคำชมพวกนี้แล้วรู้เอาไว้ด้วย แต่งหน้าทำผมให้ใคร คนนั้นก็ชมตลอด”

พุดแก้วก้มหน้านิ่ง หัวใจเต็มไปด้วยความปวดร้าว ใจหนึ่งก็อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เสียงหนึ่งค้านขึ้น และมันก็ตรึงฝ่าเท้าของหล่อนให้อยู่กับที่ บังคับให้ก้มหน้ารับกรรมต่อไปอย่างไม่มีทางหลีกหนีได้

“มามะ มาแต่งตัวได้แล้ว... อีกเดี๋ยวจะต้องขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีแล้วนะหล่อนน่ะ”

ใช่... ฟิลลิปเดินมาบอกหล่อนเมื่อสิบนาทีที่ผ่านมาว่าขาดนักร้อง ดังนั้นหล่อนจึงต้องทำหน้าที่เป็นตัวแทนของนักร้องคนที่ลาไป

หญิงสาวลุกขึ้นยืน เดินตามร่างของกะเทยเฒ่าไปด้วยท่าทางไร้วิญญาณ จนถูกดุเข้าจนได้

“ทำหน้าเหมือนถูกบังคับให้มาขายตัว ไหนว่ายอมสมัครใจทำเองยังไงล่ะ”

คู่สนทนาจ้องหน้าหล่อนเขม็ง มองอย่างคาดคั้นจับพิรุธ

“ไนต์ คาร์ตันมีกฎเหล็กว่าไม่ฝืนใจใคร กลับไปซะถ้าไม่เต็มใจ”

“พุด... พุดเต็มใจค่ะ พุดเต็มใจจริงๆ”

พุดแก้วรีบปั้นยิ้ม คว้ามือของคู่สนทนาเอาไว้

“ฉันไม่เชื่อ”

“ที่เห็นพุดเศร้าก็เพราะว่า...”

สมองที่ไม่เคยฉลาดเลยของหล่อนพยายามคิดหาข้อแก้ตัว และสิ่งที่คิดได้ก็หวังว่ามันจะช่วยให้หล่อนไม่ถูกจับโยนออกไปจากที่นี่

“เพราะว่าอะไร?”

กะเทยเฒ่ากระชากเสียงถามดุดัน

“เพราะว่าพุดพึ่งอกหักมาค่ะ สามีของพุดทิ้งพุดไปมีผู้หญิงคนใหม่ พุดก็เลย... เสียใจมาก”

“แล้วก็เลยประชดด้วยการมาขายตัวที่นี่ซะเลย”

พุดแก้วก้มหน้าให้กับคำพูดของคู่สนทนา และไม่คิดจะโต้เถียงใดๆ

“ถ้าเต็มใจมาแบบนี้ ก็รีบใส่เสื้อผ้าเร็วเข้า ใกล้ถึงเวลาขึ้นเวทีเต็มทีแล้ว”

เสื้อรัดรูปสีเหลืองทอง กับกางเกงขาสั้น ไม่สิ... มันแทบจะมองไม่เหมือนกางเกงขาสั้นเลย เพราะมันน่าจะเรียกว่ากางเกงชั้นในแบบเต็มตัวมากกว่า พุดแก้วมองเห็นแล้วก็หน้าซีดเผือด ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก

“ชะ ชุดนี้หรือคะเจ๊”

กะเทยเฒ่ามองชุดในมือก่อนจะเงยหน้ามามองหน้าหล่อน

“ก็ใช่น่ะสิ ทำไมโป๊น้อยไปใช่ไหม”

“ไม่... ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ คือมัน... โป๊เกินไป”

“โป๊เกินไป...?! ไม่มั้ง นี่เป็นชุดที่โป๊น้อยที่สุดแล้ว เห็นชุดนั้นไหม สีแดงน่ะมีแต่บรากับจีสตริงปิดตรงนั้นเอาไว้นิดเดียว หรือจะเอาชุดนั้น”

พุดแก้วมองตามสายตาของคู่สนทนาไปแล้วก็ต้องห่อปากด้วยความตกใจ จากนั้นก็ส่ายหน้าดิก

“ไม่... ไม่ค่ะเจ๊ พุด... พุดเอาชุดนี้ก็แล้วกันค่ะ”

มือขาวสะอาดรีบดึงชุดมากอดเอาไว้ ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความขบขันของคู่สนทนา

“นี่ถ้าไม่บอกว่ามีผัวมาก่อน ฉันนึกว่าหล่อนยังซิงอยู่น่ะเนี้ย”

แก้มนวลแดงก่ำ พลางรีบส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่... ฉันไม่ซิงตั้งนานแล้วล่ะเจ๊”

“นั่นสิ ไม่มีสาวบริสุทธิ์ที่ไหนจะมาสมัครทำอาชีพนี้หรอก”

กะเทยเฒ่าหัวเราะคิกคัก จากนั้นก็เดินออกไปจากห้องแต่งตัว แต่กระนั้นก็ยังตะโกนเร่งเข้ามาตลอดเวลา

“เร็วๆ เข้านะ เดี๋ยวไม่ทัน”

“ค่ะเจ๊”

พุดแก้วก้มลงมองชุดในมืออีกครั้งด้วยความอดสู ตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวเป็นตนหล่อนแต่งกายไม่ผิดจากแม่ชีผู้ถือศีล ชุดที่โป๊ที่สุดที่เคยสวมใส่คือชุดสีทองในค่ำคืนนั้นที่พบเจอกับไทโรน คาร์ตัน แต่วันนี้... วินาทีนี้หล่อนกำลังจะสวมชุดนี้... ไม่สิ ต้องเรียกว่าเศษผ้าถึงจะถูก ต้องสวมไอ้เศษผ้าพวกนี้ขึ้นไปยืนให้ผู้ชายกลัดมันทั้งหลายจ้องมอง

น่าอดสู น่าอับอาย แต่ก็ต้องทำ...

“ช่อ... พี่จะพยายามรักษาลมหายใจของตัวเองเอาไว้ เพื่อที่เราจะได้พบกัน ในวันที่พี่ทำงานนี้สำเร็จ”

หยาดน้ำตาพาลจะไหล แต่พุดแก้วที่ไม่อยากถูกกะเทยเฒ่าดุด่าเอาอีกจึงต้องรีบกะพริบไล่มันให้กลับเข้าไปอยู่ภายในอก จากนั้นก็กัดฟันสวมเศษผ้าที่เป็นสัญลักษณ์ของโสเภณีเข้ากับเนื้อตัวของตัวเองด้วยหัวใจที่แสนขมขื่น

และไม่ช้า... กระจกเงาก็สะท้อนภาพของอีตัวหน้าใหม่อย่างชัดเจน

บทก่อนหน้า
บทถัดไป