บทที่ 9 9
เต๊ง เต๊งงงง ตัวฉันนั้นมีชื่อว่าจุไรพร เป็นสาวงามทรามสมร งามงอนน่ารัก จะเรียกพี่จุนก็ย่อมได้ แต่หากเรียกป้า ฉันโกรธนะจ๊ะ เอิงเอย…”
มินชยาอ้าปากค้าง นึกรู้ในทันที…ไม่ผิดแน่ หญิงคนนี้เป็นบ้า !
“ช่วยแกะผ้าที่มัดมือมัดเท้าให้ฉันหน่อยจะได้ไหมคะ” แม้รู้ว่าอีกฝ่ายสมองไม่สมประกอบ เธอก็ยังไม่วายลอง‘เสี่ยง’ขอร้องดู
“หืม ?” จุไรพรหรี่ตาลง ก่อนตะโกนลั่นจนคนที่นอนบนเตียงสะดุ้งเฮือก “เหวยๆ จะบ้าหรือไร ให้ฉันแก้มัดให้เจ้างั้นรึ ฝันไปเถอะ…!”
เมื่อรวบรวมขวัญกำลังใจที่กระเจิดกระเจิงไปได้แล้ว เธอก็เริ่มตะล่อม “น่านะ ดูสิ ฉันโดนมัดไว้ ไม่สงสารฉันบ้างเลยหรือ”
“ไม่สงสาร” ตอบโดยไม่ต้องคิด กระทืบเท้าปึงปัง ชี้หน้า หญิงสาวราวจะคาดโทษ “ความผิดเจ้านั้นไซร้มีมหันต์ ต่อให้ตกนรกขุมที่ 8 ก็ไม่มีวันล้างบาปได้หมด เจ้าทารุณเด็กตัวน้อย คิดหาเงินกับเด็ก ช่างชั่วช้าสามานย์ยิ่งนัก เอิงเอย…” ตบท้ายด้วยลูกเอื้อนเลียนแบบลิเก
มินชยาขมวดคิ้ว แม้ท่าทางและน้ำเสียงจะเหมือนคนสติไม่ดี แต่เธอกลับรู้สึกว่าสมองของจุไรพรรับรู้ดีทุกอย่าง…
“ฉันไม่ได้ทำร้ายเด็กคนนั้นนะ ฉันไปช่วยแต่โดนเข้าใจผิด ฉันจะทำร้ายเด็กที่น่ารักลงคอได้ยังไงกัน เชื่อฉันได้ไหม นะคะพี่จุน”
“เชื่อรึ เป็นไปไม่ด้าย คุณทัศนัยเป็นคนบอกเองว่าเธอนั้นไซร้เป็นคนลักพาตัวน้องไปรไป เอิงเอย…”
“ฉันไม่รู้จักคนที่ชื่อทัศนัยนั่นเลยนะ แล้วทำไมเขาต้องป้ายสี ใส่ความฉันด้วย” เธอพูดอย่างร้อนรน อดีตเจ้านายของเธอก็ชื่อ ‘ทัศนัย’เหมือนกัน แต่เธอคิดว่าคงบังเอิญชื่อคล้ายกันมากกว่า เพราะทัศนัยที่เธอรู้จักเป็นคนใจดีมีศีลธรรม ไม่มีทางกล่าวหาคนอื่นลอยๆโดยไม่มีหลักฐานแบบนี้หรอก
“เขาคนนั้นคือคุณพ่อที่แท้จริงของน้องไปร โอ้…ช่างน่าสงสารเด็กน้อยเหลือหลาย เกิดมาอาภัพเพราะพ่อแม่รักสนุก ฝ่ายหญิงทิ้งลูกไว้ให้คุณทัศนัยดูแล ส่วนตัวเองก็แต๊ดแต๋กลับไปใช้ชีวิตเป็นโสดตามเดิม คุณเป้เลี้ยงดูน้องไปรมาตั้งแต่เยาว์วัย จึงไม่แปลกที่จะทั้งรักทั้งเอ็นดูแม่หนูคนนี้ พอหลานสาวโดนจับตัวไปจึงโกรธแค้นชิงชังเจ้าโจรถ่อยจนแทบกระอักเลือด เอิงเอย…เตงเต่งเต๊ง เตงเต่งเตงเต๊งเต่ง….” นอกจากลูกคอแล้ว ยังทำเสียงเลียนแบบเครื่องดนตรีระนาดอีกด้วย ทำให้ มินชยารำคาญหูอย่างบอกไม่ถูก แต่เธอไม่อาจว่ากล่าวอะไรได้ ได้แต่นอนคิด…คิดทั้งๆที่สมองอ่อนล้าไปหมด คนที่จุไรพรเรียก‘คุณเป้’ คงจะหมายถึงปฏิพัทธสินะ
“แล้วตอนนี้น้องไปรอาการเป็นอย่างไรบ้างคะ เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ชะๆๆๆ ช่างกล้าถามนังโจรถ่อย ตอนนี้น้องไปรบาดเจ็บเพราะฝีมือเจ้า ไม่รู้สึกตัวก็เพราะเจ้าไม่ใช่รึ เอิงเอย…”
หญิงสาวใจหายวาบ…เด็กน้อยผู้น่าสงสารคนนั้นมีสภาพใกล้เคียงกับผัก ได้แต่นอนนิ่งๆ ไม่รู้สึกตัว ช่างน่าเวทนาอะไรเช่นนี้ มิน่าละ ปฏิพัทธถึงชิงชังเธอนัก
อย่าว่าแต่หนูน้อยจะน่าสงสารเลย ตอนนี้เธอก็สงสารตัวเองเหมือนกันที่ต้องตกเป็นจำเลยด้วยความผิดที่ตนไม่ได้ก่อ
“ฉัน…เสียใจเรื่องน้องไปร ฉันไม่เคยรู้จักเด็กคนนั้นมาก่อน แต่เห็นเธอโดนขังในโกดัง คิดจะช่วยแต่ไม่สำเร็จ แถมตัวเองยังโดนของแข็งกระแทกที่ท้ายทอยจนสลบอีก พอตื่นมาก็มาอยู่บนเตียงนี้แล้ว เชื่อฉันได้ไหม…ฉันไม่ได้เป็นคนทำร้ายเด็ก” เสียงเธอแผ่วโหย ดวงตาคลอไปด้วยหยาดน้ำ จนจุไรพรชะงัก ทว่าไม่ทันพูดอะไร เสียงเอ่ยถามก็ดังขึ้นเสียก่อน
“แกมายุ่งวุ่นวายอะไรในห้องนี้นังจุน”
วารินทร์เดินเข้ามาพร้อมถาดข้าวต้ม ตอนเดินผ่านหญิงบ้าก็อดไม่ได้ที่จะจิกหางตามองอย่างหยามเหยียด
“ฉันจะเข้ามาทำไมไม่ใช่เรื่องของเจ้าซักกะหน่อย เอิงเอย…” จุไรพรทำท่ารำอ่อนช้อย หมุนตัวหลายรอบจนเวียนหัวติ้วๆต้องทิ้งตัวลงนั่งกองบนพื้น
“บ้าก็อยู่ส่วนบ้าสิ ไม่รู้ว่าคุณเป้นึกยังไงถึงให้คนเพี้ยนๆอย่างแกมาร่วมชายคาบ้านด้วย พลอยจะทำให้คนดีๆหงุดหงิดเพราะไอ้กิริยา ต๊องๆเอ๋อๆของแกกันหมด” วารินทร์บ่นพึม เธอเป็นคนรูปร่างดี แม้หน้าตาจะไม่ถึงขั้นสวยหยาดเยิ้มแต่ก็ถือว่าดูดีไม่น้อยเพราะเธอรู้จักการแต่งหน้าแต่งตัว อีกทั้งยังอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ เป็นสาวสะพรั่งที่สะดุดตาคนหนึ่งเลยทีเดียว
