บทที่ 2 บทที่ ๑ (๑)
จิตใจของนางหญิงผู้นี้ช่างต่ำทราม โสมม แลกักขฬะเหลือเกิน
ภายในใจของพ่อครูคันศรบังเกิดถ้อยคำหยาบโลนต่อสตรีงามเมืองตรงหน้า ท่านรู้จักกับพระยาสิงห์ดี ท่านผู้นั้นเป็นคนมากตัณหามากทรัพย์สมบัติ แลมีชะตาต้องตายตก ตระกูลย่อยยับทันทีที่รับหญิงนางนี้เข้ามาในบ้าน
ชีวิตจักดับสูญ วอดวาย บ้านมิเป็นบ้าน จักทุกข์ระทมเพราะถึงเขามิลงของให้ นางหญิงนี่ก็จะไปกว้านหาหมอครูทำเสน่ห์แลหมอผีประกอบพิธีกรรมฆ่าเมียเอก พรากลูกพรากแม่ด้วยการจากตายอยู่ดี ใจมันริษยาเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เห็นใครได้ดีไปกว่าตนเป็นมิได้
อีนังหญิงอัปปรีย์จัญไร คอยดูเถิด ถ้ามิใช่เพราะพระยาสิงห์เคยมีบุญคุณต่อเขาแล้วละก็... คงมิยอมทนลงไปเกลือกกลั้วกับหญิงใจต่ำพรรค์นี้เป็นเด็ดขาด
เมื่อดวงตาหวานหยาดเยิ้มนั้นช้อนสายตาสบมองเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเล็บก้อยในระหว่างที่ทำพิธีทำของเสน่ห์ เขารู้ได้ในทันทีว่าหล่อนมีความต้องการในเรื่องใด แล้วก็เอื้อนเอ่ยออกมาได้ตรงใจความเสียด้วย
“ถ้าหลง จักทำเช่นไร” หญิงสาวแทบตีปีกบิน แสดงสีหน้าเปี่ยมเสน่ห์อย่างปิดไม่มิด หล่อนมันร่านราคะ โสมมมิสมกุลสตรี ทำหน้าตาปานนี้คงจักคิดว่าตนเองกำลังตกเป็นที่รักของเขาอยู่ละสิ
ไม่มีวันเสียหรอก นังหญิงใจหยาบช้า หญิงเช่นนางแค่เพียงผ้าขี่ม้า (ผ้าอนามัย) ใช้แล้วทิ้งยังมิพอ
“เดี๋ยวอีกสามวันข้าก็จักต้องตกเป็นของเจ้าพระยาสิงห์แล้ว”
“...”
“งั้นคืนนี้... พ่อครูซื้อตัวข้าดีหรือไม่เจ้าคะ?”
“งั้นก็ดีเสียสิ” ท่านนิ่งไปชั่วอึดใจ มิได้เสียดายเบี้ยพดหรือกระไร หากแต่เสียดายที่ต้องมาเสพของต่ำก็เท่านั้น ในใจนั้นนึกเหยียดหยันหญิงเช่นนางไม่รู้กี่ถ้อยวาจา “กูซื้อตัวมึงคืนหนึ่ง จนถึงเช้าวันพรุ่ง”
“พ่อครู” เสียงสาวหยาดเยิ้ม ค่อยๆ หมอบคลานอย่างมีจริตไปหาท่านที่นั่งเปลือยอกนุ่งซิ่นอยู่หลังหิ้งบูชาองค์ฤาษีแลของขลังต่างๆ นานา ฝ่ามือเล็กค่อยๆ นาบลงกับท่อนขาแกร่งของพ่อครูคันศร ขยับนวดเป็นจังหวะยั่วเย้าอีกฝ่าย
ชายหนุ่มกัดฟันแน่น เขามิได้แค่เพียงทานทนต่อพิษสตรีได้ แต่สามารถปลุกกำหนัดให้ตนเองทั้งที่มิได้รักมิได้ชอบพอได้ทันใจด้วย ฝ่ามือหนาคว้าหมับที่ข้อแขนเล็ก รั้งให้ไปสู่ห้องนอนลับด้านหลังเรือนไทยใหญ่
ซิ่นลวดลายวิจิตรฉบับล้านนาถูกปลดออกด้วยฝ่ามือของแม่แพรว ดวงหน้าหญิงสาวนั้นแนบอยู่ข้างซอกขาแกร่งของพ่อครู เขาหลุบตาลงมองหยันอย่างนึกเดียดฉันท์ ยิ่งหยันยิ่งขึ้นเมื่อนางประโลมโคมเรียวลิ้นปลุกความผงาดของท่อนจันทน์เขา ดูดเลียซุกไซร้ชโลมกลิ่นกายหญิงชั่วให้คาวโลกีย์
ไร้เสียงครางครวญด้วยความรู้สึกดี เขาเพียงต้องการให้หล่อนรู้ว่าหล่อนเป็นเพียงเบี้ยล่างอันต้อยต่ำ ต้องตกเป็นทาสสวาทของชายอยู่ร่ำไป เหมือนดั่งที่นางคิดจักฆ่าหญิงสาวที่ท่านเคารพรักอย่างเช่นคุณหญิงวาดรัก
“อื้ม... ลึงค์พ่อครูหอมหวานยิ่งนักเจ้าค่ะ” เสียงปรนเปรอสวาทของหญิงชั้นต่ำดังเคล้าคลอเสียงดูดอมฉ่ำน้ำลายของหล่อน พ่อครูแหงนหน้าขึ้นมองขื่อไม้สักด้านบน ด้วยบังเกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้น ถึงเขาจักครองพรหมจารีย์ ยึดถือศีล ๘ แต่เขาก็ยังคงมีความรู้สึกราวกับปุถุชนธรรมดาทั่วไปเฉกเช่นเดิม ยิ่งอีกฝ่ายปรนเปรอบำเรอได้ช่ำชอง ปลดกำหนัดจนมาถึงจุดหนึ่ง เขาจึงเผลอตัว ปล่อยวารีสีขาวขุ่นเปรอะเปื้อนอุ้งปากบาง
หล่อนเพียงแลบลิ้นเลียขอบปากของตนเองลิ้มชิมรสชาติของน้ำกามรีอย่างยั่วยวน พ่อครูคันศรจดจ้องมองร่างอรชรที่อยู่ต้อยต่ำกว่า ฝ่ามือหนากุมปลายคางมนแน่นขนัดจนหล่อนเบ้หน้าอย่างรู้สึกเจ็บ ปลดดอกลำดวนช่อหนึ่งที่กลัดบนมวยผมสวยออกจนเส้นผมยาวสยายระจนถึงสะโพกผาย
เขาขยับเข้ามาชิดอีกนิด พร้อมกับกัดฟันกระซิบชิดกลีบปากนวลของหล่อนที่หยัดยิ้มหวานยั่ว
“กูจักมิปรนเปรอกระไรให้มึงทั้งนั้น แม้กระทั่งการสอดปากเข้าดูดดื่ม จงวางใจเถิด จักมิมีทางสาวไส้มาถึงตัวมึง ว่ากูกับมึงได้เสียกันก่อนวันที่พระยาสิงห์จักมาไถ่ตัว”
“...”
“ส่วนค่าของ... จงจ่ายด้วยเรือนกายของมึงเสีย”
ฝ่ามือหนาที่กำรอบลำคอขาวผ่องนั้นบีบแน่นขึ้นทุกชั่ววินาที สะสมความคั่งแค้นที่มีลงสู่ผิวกายขาวละออ แต่หญิงสาวกลับกดรอยยิ้มชั่ว หล่อนชอบรสรักที่รุนแรง เพราะอีกฝ่ายเป็นชายที่หญิงเกือบค่อนพระนครต่างหมายปอง แม้ว่าเขาจักมีท่าทีปฎิเสธผู้หญิงทุกคนที่เข้าหา และใช้ชีวิตอยู่กลางป่าไพรก็ตาม
เหมาะสมกับหญิงที่ชำนาญกับป่าอย่างเธอนัก
บัดนี้อีแพรวคนนี้กำลังจะได้ขึ้นครูแล้วสิหนา
มิจำเป็นต้องจูบ มิจำเป็นต้องกอด มิจำเป็นต้องเล้าโลมหรือกระทำการใด อีแพรวก็จักขึ้นทำเองทุกอย่างเลย รูปงามขนาดนี้ แถมยังเสน่หาหล่อนอย่างเหลือร้ายจนยอมให้แลกเรือนกายแทนค่าครู
“มิจำเป็นต้องแลกศักดิ์ศรีของพ่อครูดอกเจ้าค่ะ... เพียงแค่ยอมให้ข้าตกเป็นของท่าน ก็เหลือบุญคุณเต็มที” หล่อนเอ่ยวาจาไร้ยางอายออกมา แค่เพียงได้ขึ้นครู นางยอมทุกอย่าง อย่างไรสุดท้ายก็จะได้อำนาจเงินตราสมปรารถนาในวันสองวันอยู่แล้ว
สิ้นประโยคนั้น พ่อครูคันศรจึงผลักร่างอรชรลงจนแผ่นหลังขาวใสไร้สิวฝ้าแนบกับพื้นไม้เย็นเฉียบ ฉีกซิ่นงามราคาถูกจนขาดวิ่น จับนางแยกแข้งแหกขา สอดใส่ลึงค์ใหญ่โตที่กำลังแข็งชูคอเต็มที่เข้าสู่ช่องพรหมจารีย์ของหญิงสาว หากแต่เยื่อบางเช่นนั้นสำหรับหญิงงามเมืองเช่นนี้คงขาดสลายไม่มีชิ้นดีไปนานแล้ว
เรือนกายสองร่างบดเบียดเสียดสีไปด้วยราคะสวาทจนพื้นไม้ลั่นเอี๊ยดอ๊าด แต่พ่อครูคันศรกลับมีสีหน้าบึ้งตึงตลอดกิจกรรมนั้น แม้ตัณหาจะพัดโหมกระหน่ำ แต่ทว่าใจของท่านยังชัดแจ้งว่าเกลียดชังหญิงแพศยาคนนี้มากแค่ไหน
กว่าจะรู้สึกตัวอีกที ดวงวิญญาณแม่แพรวกลับถูกสวมรอยเข้าร่างด้วยวิญญาณสาวยุคปัจจุบันอย่างแพรวพราว อดีตนางร้ายอันดับท็อปต้นๆ ของประเทศไทยในยุคสมัยใหม่ ดวงตาสีรวงข้าวลืมตาโพลงขึ้นมา รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในความฝัน ลมด้านนอกพัดแรงจนเกิดเสียงต้นไม้ไหวโบก
หล่อนโกยลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ราวกับตายแล้วเกิดใหม่ก็ไม่ปาน
ไม่ได้ตายจริงๆ สินะ ภาพที่หล่อนตกสลิงลงมาเสียชีวิตคงเป็นเพียงแค่ความฝัน และตอนนี้เธอกำลังเริงสวาทกับนับสิบอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นแสนคุ้นเคย แพรวพราวแหงนคอขึ้นประกบริมฝีปากจูบพ่อครูคันศรทันทีจนเขาลืมตาโต เอวสอบกระแทกกระทั้นลึกขึ้น ในขณะที่หญิงสาวสะคราญน่าชิงชังนั้นโอบรอบคอแกร่งท่านไว้แล้วแอ่นสะโพกสวนกลับ
“อื้มมม แฮ่ก สิบ... แรงอีกสิคะ” เสียงหวามกระซิบยั่วเมื่อผละกลีบปากออกมาจากชายหนุ่ม พ่อครูคันศรไม่นึกแปลกใจที่หล่อนจักพลั้งเผลอโพล่งชื่อชายใดที่เคยซื้อตัวออกมา มันคือการปรนเปรอที่ผิดพลาดตามประสาโสเภณี เขามองเหยียดหยัน แต่นั่นกลับทำให้แพรวพราวในร่างใหม่นั้นขบริมฝีปากตนเองอย่างเร่าร้อน
นับสิบซาดิสต์ขึ้น การมองหยันหล่อนเช่นนั้น ทั้งที่ปกติใครๆ ต่างก็เชิดชูแพรวพราวมากมาย นี่มันเร้าใจเป็นบ้า ที่เธอยอมคั่วกับนับสิบ เพราะลีลาของเขาเวลาอยู่บนเตียงนั่นต่างกับภาพลักษณ์ที่แสดงต่อสื่อต่างๆ ว่าเป็นผู้ชายลุคอบอุ่นแสนดี
“ร่านสวาทยิ่งนัก” เสียงทุ้มเอียงไปกระซิบข้างหูทำทีเหมือนโลมเล้าด้วยถ้อยคำหยาบโลน เขามิได้ทนุถนอมเรือนกายหล่อนสักเท่าไหร่ กลับกันเขายิ่งรุนแรงใส่อารมณ์เต็มที่จนร่างเล็กอรชรนั้นโคลงเคลงไปมาเหมือนเรือสำเภายามถูกคลื่นยักษ์ถาโถมจนเรือใกล้ล่มพร้อมจมลงสู้ก้นมหาสมุทร
ทำไมน้องสิบถึงใช้ภาษาโบราณแบบนั้น?
เปลี่ยนบรรยากาศเหรอ ก็ดีเหมือนกันนะ
“สิบชอบหรือเปล่าละ?” อีกฝ่ายว่าพลางเอื้อมมือมากุมแก้มสาก หล่อนช้อนสายตาขึ้นยั่วยวน พ่อครูคันศรหรี่ตาลงมอง แผ่นอกอวบนั้นถูกฝ่ามือหนากอบกุมขยำจนหล่อนครางเสียดเสียวแทนคำตอบ พ่อครูกดปลายนิ้วลงกับเม็ดบัวสีเข้ม บดบี้อย่างรุนแรงด้วยปลายนิ้วชี้แลนิ้วโป้ง ขยี้สุดแรงจนแพรวพราวชูชัน
“อื้มมม ขอร้อง กระแทกพี่แรงๆ เลยได้ไหมคะ?” หล่อนช้อนสายตาขึ้นเว้าวอน ท่าทางเหลือร้ายแบบมีจริตนั้นทำให้นึกแปลกใจขึ้นมาครามครัน
พ่อครูคันศรชะงักงัน เพราะเท่าที่ได้ยินเขาล่ำลือมา อีแพรวนั้นเป็นลูกสาวบ่าวไพร่ที่ขายลูกไถ่หนี้มาเป็นหญิงงามเมืองในโรงนครโสเภณีที่มีนายโรงทองพัน มหาเศรษฐีที่เป็นนายโรงใหญ่ในพระนครดูแลอยู่ หญิงงามเมืองในที่ของเขาว่ากันว่ามีแต่สาวงามทั้งนั้น อีแพรวเป็นหนึ่งในหญิงที่มีชายจ้องรอจับจองซื้อตัวมากที่สุด แต่มักทนสันดานนางผู้นี้ไม่ไหว ไหนจักของดำที่นางเคยใช้ทำร้ายเมียของพวกเขาจนจับไข้ป่วยหนัก ไปจนถึงแรงริษยาต้องการเป็นหนึ่ง จนกระทั่งพระยาสิงห์หลงใหลจนยอมแม้กระทั้งไถ่ตัวนางผู้นี้ไปเป็นอนุภรรยา เล่าลือกันว่าเวลามีสัมพันธ์สวาท หล่อนจะยั่วยวนทุกหนทางที่มี ไม่มีวันนอนรอออกคำสั่งชายใดให้กระแทกเรือนกายแรงๆ แบบนี้แน่ แม้สุดท้ายผู้ชายพวกนั้นจะกลายเป็นศพลอยอืดมาตามคลองก็เถอะ
ถือเป็นเวรเป็นกรรมของคนที่ได้มันเป็นเมียแท้ๆ
กู... พ่อครูคันศรผู้นี้จักสะกดวิญญาณชั่วช้า รวมถึงจิตสำนึกริษยาโสมมของนางผู้นี้ให้อยู่หมัดเอง



























