บทที่ 4 ตอนที่2
ชีวิตของฉันก็ไม่มีอะไรมากนอกจากอยู่กับจินตนาการ แต่สถานะของฉันไม่โสดนะคะ ฉันมีแฟนแล้วและฉันก็รักแฟนของฉันมากด้วย แต่แฟนฉันเขาเป็นดารานักแสดงหนุ่มที่กำลังโด่งดังเป็นพลุแตกอยู่ในตอนนี้ เรารู้จักกันได้สองปีแล้วไม่สิ ฉันรู้จักเขามาก่อนที่เขาจะรู้จักฉันต่างหากอีก เพราะฉันน่ะเป็นแฟนคลับตัวยงของเขา
ส่วนเขาเพิ่งจะรู้จักฉันก็เมื่อตอนที่ฉันไปเที่ยวกองถ่ายและไปเดินสายโปรโมตละครที่นำบทนิยายของฉันไปสร้างเป็นละครน่ะ และฉันที่ชื่นชอบเขาอยู่แล้ว เลยทำให้ฉันสนิทและได้คบหากับพระเอกหนุ่มฮอตคนนั้น จนมาถึงปัจจุบันแต่สถานะของเราก็ต้องเก็บเป็นความลับเพราะเขาเป็นดาราแถวหน้าของเมืองไทยส่วนฉันเป็นแค่นักเขียนธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งฉันรู้ดีว่าฉันไม่มีอะไรอาจเอื้อมเขาได้เลยสักนิดเดียว
คอนเสิร์ตวง THE PRINCE
21:30น.
หน้าเวที
ในโซนราคาบัตร สองหมื่นห้าพันบาท…
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดก”
ฉันเอามือปิดหูทั้งสองข้างที่รู้สึกแสบแก้วหูกับเสียงกรีดร้องของเหล่าบรรดาแฟนคลับที่พากันยืนแออัดเบียดเสียดเป็นปลากระป๋องอยู่ด้านหลังของฉันและแรงกระแทกที่ดึงดันเข้ามาทำให้ร่างของฉันแนบชิดไปกับขอบของเวที นี่เหรอราคาบัตรสองหมื่นห้าพันบาทโอ้มายก๊อดดดดด!!!มันเป็นบัตรวีไอพีไม่ใช่เหรอไงฟ่ะ!!
มันผิดจากจินตนาการที่ฉันวาดฝันไว้มากเลยนะ ว่ามันจะเป็นบัตรนั่งชมการแสดงอย่างสบายๆน่ะ แต่นี่อะไร!!!
ทั้งอึดอัดทั้งหนวกหู ร่างของฉันจะแทบจะเละเป็นปลากระป๋องอยู่แล้วเนี่ย ยัยลูกหว้าก็เอาแต่ยกมือที่มีป้ายไฟเขียนว่า ท่านไดร์ฟขาาา..โชว์เด่นหราอยู่และดีดดิ้นร่างเล็กของเธอไปมา ฉันนี่ถึงกับต้องยกยาดมตรานกเอี้ยงบินขึ้นมาสูดดมแทบจะทันที อากาศถึงจะเป็นที่ลานกว้างมีพื้นที่เป็นร้อยไร่โปร่งโล่งแต่มันไม่ได้มีอากาศถ่ายเทเพราะคนมันเยอะมากจนจะแย่งอากาศกันหายใจอยู่แล้วเนี่ย!
พรึบ
“ฉันจะเป็นลม….”ฉันเอ่ยกระซิบที่ข้างหูของยัยลูกหว้าแต่เธอก็หันมาทำหน้างงเหมือนไม่ได้ยินที่ฉันพูด เพราะเสียงซาวด์เช็กเครื่องดนตรีผสมกับเสียงกรีดร้องกลบเสียงของฉันไปเสียสนิทเลย
“ฉัน-จะ-เป็น-ลม”ฉันเลยพยายามพูดเน้นทีละคำเพื่อบอกยัยลูกหว้าไปใหม่ให้เธออ่านปากฉันแทน แต่เธอก็ยิ่งทำหน้างงเพิ่มขึ้นไปกว่าเดิมอีกจนกระทั่งเธอเลิกให้ความสนใจฉันและหันไปมองบนเวทีที่ทุกคนก็มองตรงไปยังบนเวทีและเสียงกรีดร้องดังสนั่นหวั่นไหวก็เพิ่มทวีคูณดังขึ้นกว่าเดิม
จนคราวนี้ ฉันรับไม่ไหวแล้วจริงๆ หูฉัน ฉันสงสารหูของฉัน!!
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด”
“สวัสดีครับ….พวกเราวง THE PRINCEครับ^_^”เสียงทุ้มละมุนของผู้ชายเอ่ยขึ้นนั่นยิ่งทำให้สาวๆต่างพากันอ่อนระทวยไปตามๆกันยกเว้นฉันคนหนึ่งแหละ
เพราะฉันจะตายอยู่แล้วเนี่ย ไม่มีอารมณ์ไปอ่อนระทวยให้ใครหรอก
“กรี๊ดดดดดดดท่านไดร์ฟขาาาาาาาาาาาาาาา”หูฉันแทบจะแตกแก้วหูแทบจะแตกแล้วเนี่ยกับเสียงกรีดร้องของยัยลูกหว้าที่ดังสนั่นหวั่นไหวกว่าชาวบ้านเขา
พรึบ
“ฉันจะไม่ทน!”ฉันพูดเสียงเข้มขึ้นพลางเอามือปิดหูและค่อยๆเดินแหวกฝูงชนที่พากันรุมทึ้งเบียดเสียดกันจนไม่สามารถจะมีทางเดินได้ กว่าจะผ่านไปได้จนถึงทางออกมันช่างทุลักทุเลด้วยความลำบากเสียจริงๆ แต่ฉันทนอยู่ตรงนี้ไม่ไหวแล้วนี่ไม่ใช่ที่ของฉัน!!!!!
ฉันมาทำอะไรที่นี่….ฉันโอดครวญอย่างคนที่หมดอาลัยตายอยาก….เห้อ!
เงินสองหมื่นห้าพันบาทของฉันT^T
หลังเวที
ไดร์ฟ ดรัณภพ….
10นาทีก่อนขึ้นแสดง…..
“ติดตั้งไมค์พร้อมนะ….”เสียงของโปรดิวเซอร์ประจำวงของพวกเราเอ่ยขึ้นถามทีมงาน ผมที่นั่งทอดสายตามองออกไปยังเบื้องหน้าของผมก็ต้องหันกลับมามองยังหน้าตาของโปรดิวเซอร์ที่จัดการชี้แจงรายละเอียดให้พวกเราฟัง
“น้ำไหม…ไดร์ฟ?”เสียงเป็นห่วงพร้อมกับขวดน้ำเปล่าถูกยื่นส่งมาตรงหน้าของผม ผมก็เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าผู้จัดการของวงเราด้วยสายตาเรียบเฉย
“นายเป็นอะไร…มองดูเงียบๆนะ…”
“เปล่าครับ….”ผมตอบสั้นๆก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและเดินไปรอสแตนบายที่ด้านหลังเวทีเพื่อจะเตรียมตัวขึ้นคอนเสิร์ต ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมเป็นอะไร รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ ทั้งๆที่มันคือสิ่งที่ผมรักและสิ่งที่ผมทุ่มเทมาเกือบทั้งชีวิต แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
“ฮ่าๆๆๆ…ฉันว่าวันนี้แฟนคลับฉันต้องเยอะมากแน่ๆ^_^”
“หึ….ของฉันต้องเยอะมากกว่าเว้ย!”เสียงพูดคุยกันดังขึ้นอย่างสนุกสนานอารมณ์จากเพื่อนร่วมวงของผมฟีฟ่าและธามไฟท์เอ่ยหยอกล้อกันตามประสาเพื่อนกันรวมถึงผมด้วยที่เป็นเพื่อนกับพวกมัน เมื่อก่อนจะมีผมร่วมวงอยู่ด้วยแต่ตอนนี้ผมกลับไม่อยากพูดคุยกับใครเลย….สักคนเดียว
“เห้อ…..”ผมถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายและหันหลังให้สองคนนั้นและมุ่งหน้าเตรียมขึ้นเวทีเพื่อทำการแสดงที่ทุกครั้งผมขึ้นไปมันจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้ร้องเพลงและได้เต้น ผมชอบร้องเพลงและการแต่งเพลงเป็นที่สุดแต่ตอนนี้มันได้เปลี่ยนไปหมดแล้วจริงๆ ผมไม่รู้สึกมีความสุขเหมือนทุกครั้ง สมองของผมมันตีบตันจนคิดเนื้อเพลงและทำนองเพลงใหม่ๆไม่ได้อีกแล้ว….
“ต่อไปนี้เราจะพบกับ….. THE PRINCE”
“นำวงมาโดยไดร์ฟ…ฟีฟ่า….ธามไฟท์”
“กวิน….และเอพริ้ว…..”
“ไปสู้ๆพวกเรา….”เสียงของผู้จัดการเอ่ยให้กำลังใจพวกเราทั้งห้าคนโดยที่ทุกคนก็หันไปยิ้มและทำท่าไฟท์ติ้งผิดกับผมที่เดินขึ้นเวทีอย่างคนที่ใจร่องรอย ทำให้คนที่อยู่ด้านหลังของผมมองผมด้วยสายตางุนงงและแปลกใจเพราะทุกครั้งก่อนขึ้นเวทีในการทำท่าไฟท์ติ้งกันจะมีผมรวมอยู่ในนั้นด้วย
