บทที่ 1 บทที่ 1

“อะไรนะคะเสี่ย จะให้น้ำหวานไปเต้นโยกซ้ายโยกขวาโยกหน้าโยกหลังยั่วยวนอารมณ์เปลี่ยวของแขกทั้งหัวหงอกหัวดำอยู่บนเวทีน่ะนะ ไม่เอาหรอกค่ะ” เสียงใสๆ ของผู้หญิงสาวหน้าตาสะสวย ไม่แพ้รูปร่างงดงาม ดังลั่นออกมานอกห้องผู้จัดการร้านและเป็นเจ้าของร้านด้วย

“เอาน่าน้ำหวาน มันไม่ได้ยากเย็นอะไรหรอก ถ้านังเกดมาทำงานเสี่ยก็คงไม่ต้องมาขอร้องหนูแบบนี้หรอก” เสี่ยมานพบอก

วันนี้นักเต้นโคโยตี้สาวที่ชื่อการะเกดลาป่วยหนึ่งวัน ตำแหน่งที่การะเกดเคยยืนอยู่บนเวทีก็ว่างเปล่า ไม่มีใครทำแทนได้ นอกจากพีรกานต์ มธุดำรง สาวสวยวัย 21 ปีคนนี้

“น้ำหวานเต้นไม่เป็นหรอกค่ะ อย่ามาเกลี้ยกล่อมเสียให้ยากเลย”

“ก็หนูเคยเป็นแดนเซอร์มาก่อนนี่นา น่านะ ช่วยเสี่ยหน่อยเถอะ แค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น หนูก็รู้ว่าตำแหน่งของการะเกดนั้นอยู่หน้าสุด ถ้าว่างไปแขกก็จะว่าเราได้ ดีไม่ดีแขกอาจจะหายหมดอีก ร้านเราก็จะขาดรายได้นะหนูน้ำหวาน” เสี่ยมานพพยายามพูดจาเกลี้ยกล่อมหญิงสาว

“ฮึ แล้วทำไมเสี่ยไม่ลองถามคนอื่นดูล่ะคะ หนูเห็นแต่ละคนเวลาแขกชวนออกไปดิ้น ก็โยกซ้ายโยกขวาอย่างเมามันนี่นา” ใบหน้าสวยเฉี่ยวงอง้ำ มือบางยกขึ้นกอดอกอย่างตั้งแง่

“แหม...ก็พวกนั้นไม่มีใครสวยเท่าน้ำหวานสักคนนี่ น่านะ เอางี้วันนี้เสี่ยจะเพิ่มค่าแรงให้น้ำหวานอีกเท่าตัวเลย ตกลงมั้ย”

พีรกานต์หันขวับมามองเสี่ยมานพตาโต เงินเป็นสิ่งที่หญิงสาวปรารถนายิ่งนัก แต่ต้องได้มาอย่างบริสุทธิ์ไม่ใช่เอาตัวเข้าแลกเหมือนอย่างคนอื่นๆ

“ค่าตัวรีเซฟชั่นอย่างน้ำหวานได้วันละ 500 บาท ฉะนั้นวันนี้น้ำหวานก็ต้องได้ 1,000 บาท ใช่มั้ยคะ” พีรกานต์ถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ

“ใช่ ตกลงหนูน้ำหวานจะช่วยเสี่ยแล้วใช่มั้ยจ๊ะ” เสี่ยมานพถามอย่างมีความหวังขึ้นมาทันที

“ก็ได้ค่ะ แต่แค่วันนี้วันเดียวเท่านั้นนะคะ”

“จ้ะ”

จากนั้นพีรกานต์ก็ลุกขึ้นตรงไปที่ห้องแต่งตัว แล้วหยิบชุดของการะเกดที่อยู่ใน ล็อกเกอร์และไม่ได้ ล็อกกุญแจออกมาใส่

“แขกผู้มีเกียรติทุกท่านโปรดทราบ ขณะนี้ได้เวลา...โค...โย...ตี้” ดีเจประกาศขึ้น ก่อนจะเปิดเพลงแดนซ์กระจายหลุดโลกตามมา โคโยตี้สาวสวย 4 คนก็ออกมาวาดลวดลายบนเวที

พีรกานต์โยกย้ายส่ายสะโพกด้วยท่าทางที่ยั่วยวนสุดฤทธิ์ หญิงสาวงัดฝีมือจากการที่เคยเป็นแดนเซอร์เก่าออกมาใช้ชนิดที่เรียกว่าเกือบทุกกระบวนท่าก็ว่าได้ ดวงตาคู่งามสอดส่ายไปที่แขกในร้านเกือบทุกโต๊ะ แต่หญิงสาวไม่ได้มองเปล่า หากกำลังเชิญชวนเรียกร้องแขกทุกคนให้ต้องย้อนกลับมาที่ร้านนี้อีก ความที่วันนี้ภายในร้านนั้นมีแขกแน่นขนัด ทำให้หญิงสาวไม่รู้ตัวว่ามีดวงตาคมกริบสีนิลเนื้อดีจ้องเขม็งมาที่เธอตลอดเวลา

“ชะ...เอ่อ จาฟาร์ ดูเหมือนท่านจะสนใจนางเป็นพิเศษ” ไฮซาน ดารุส อิสมานี องครักษ์หนุ่มวัย 32 ปี รูปร่างสูงใหญ่ไล่เลี่ยกัน และแต่งกายด้วยชุดสูทสีดำเหมือนกันถามขึ้น เมื่อเห็นชายหนุ่มที่เป็นทั้งเจ้าผู้ครองนครและเพื่อนรัก มองจ้องไปที่ร่างอรชรของโคโยตี้สาวสวยที่อยู่บนเวที

“ใช่ นางสวยยิ่งกว่าหญิงใดที่ข้าเคยเจอมาเสียอีก” จาฟาร์ อับดุล บิน ฮัสซาร์ ชีคหนุ่มวัย 33 ปีตอบ โดยไม่ได้หันมามองไฮซานเลย ดวงตาคมยังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างบางบนเวที

“ถ้าท่านชอบ ข้าจะติดต่อนางให้” ไฮซานอาสา

จาฟาร์ไม่ตอบ แต่ยังคงจ้องมองไปที่ร่างบางไม่วางตา เขาไล่สายตาไปตามเรือนร่างอรชรในเสื้อผ้าน้อยชิ้นนั่น ก็คือเสื้อยืดสีขาวตัวบางเจี๊ยบมองเห็นเข้าไปถึงบราเซียตัวจิ๋วที่ห่อหุ้มทรวงอกอวบงามไว้ไม่มิด แถมยังผูกชายเสื้อเอาไว้แค่ใต้อกอวบเท่านั้น และถ้าเสื้อตัวนั้นเปียกน้ำล่ะก็ มันจะงดงามเพียงใดกัน ผู้เป็นชีคแห่งนครบาร์ยาเนียวาดสายตาลงต่ำผ่านหน้าท้องแบนราบ สะดือเรียวตื้นๆ สะโผกผายงอนงามที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงสีดำยาวแค่คืบ ที่ปิดบังจงอยก้นสวยเอาไว้ไม่หมด ยิ่งเวลาเธอหันหลังและแอ่นก้นยั่วยวน เลือดหนุ่มของเขามันเดือดพล่านจนแก่นกายของเขาปวดหนึบไปหมด

“จะขัดอารมณ์ท่านไปรึเปล่า ถ้าข้าจะบอกให้ท่านลองมองไปที่โต๊ะริมโน้นหน่อย” ไฮซานบอก

จาฟาร์เลิกคิ้วเข้มขึ้น ก่อนจะหันไปมองตามที่ไฮซานบอก

“ดูเหมือนว่าท่านกำลังจะมีคู่แข่งเสียแล้ว” เสียงของไฮซานดังสำทับมาอีก

จาฟาร์มองไปยังโต๊ะที่ไฮซานบอก และได้เห็นชายหนุ่มหน้าตาดีแต่จืดกว่าเขา แต่งกายด้วยสูทภูมิฐานเช่นเดียวกัน กำลังมองจ้องไปยังร่างงามของโคโยตี้คนหน้าสุด คนเดียวกับที่เขามอง ถ้าเป็นชายอื่นที่อยู่ในร้านนี้ จาฟาร์อาจจะไม่สน แต่ผู้ชายคนนี้ดูท่าจะกระเป๋าหนักกว่าใครๆ ในร้าน แต่คงไม่เท่าเขาแน่ และถ้าหญิงงามคนนั้นอยากได้เงินมากๆ ล่ะก็ แน่นอนเขามีคู่แข่งเข้าแล้ว

“ไฮซาน จัดการให้นางมาหาข้า หลังจากที่นางลงจากเวที” จาฟาร์มีคำสั่งให้ไฮซานทันที

และเมื่อจบการแสดงโชว์โคโยตี้ ซึ่งก็กินเวลาจนเกือบร้านปิด พีรกานต์ก็ลงจากเวที โดยการเหวี่ยงตัวลงมาด้านล่าง เพราะจะเร็วกว่าเดินตามกันลงบันไดมา

“หนูจ๋า...ชื่ออะไรจ๊า ต้องการคนเลี้ยงรึเปล่าจ๊ะ เสี่ยมีเงินเป็นฟ่อนเลยนะ รับรองหนูสบายแน่ๆ ไม่ต้องมาทำงานให้เหนื่อยด้วย แค่อยู่บ้านเฉยๆ ก็พอ” เสี่ยหัวล้าน ร่างท้วมเตี้ย เดินเข้ามาประกบพีรกานต์และเสนอสิ่งที่หญิงสาวได้ฟังมาตลอดตั้งแต่เริ่มทำงานที่นี่

บทถัดไป