บทที่ 7 คุณเลิกกับฉันเพื่อเขางั้นเหรอ?

หญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงผู้ป่วย ขาขวายังคงเข้าเฝือกอยู่ การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างทุลักทุเลและยากลำบากยิ่งนัก แต่เธอก็ยังคงดื้อรั้นและหยิ่งทะนง พยุงตัวด้วยไม้ค้ำยันลงมายืนบนพื้น หลายปีมานี้ เธอชินชาเสียแล้วกับการต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ต้องพึ่งพาตัวเองเสมอ

ตลอดสามปีที่คบหากับธราธิป แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีเพียงใด แต่ตราบใดที่เป็นเรื่องที่เธอจัดการเองได้ หรือทำได้ด้วยตัวเอง เธอก็จะไม่มีวันไปรบกวนหรือแม้แต่จะพึ่งพาธราธิปเป็นอันขาด

เธอชินกับการอยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้เสียแล้วจริงๆ

โชคดีเหลือเกินที่เธอเป็นคนเข้มแข็งและพึ่งพาตัวเองมาโดยตลอด เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาที่แท้จริง เธอถึงสามารถคิดหาวิธีและผ่านพ้นมันไปได้ด้วยตัวเอง

อัญญารัตน์พยุงร่างออกมาจากห้องน้ำอย่างยากลำบาก ทันทีที่ออกมาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนตระหง่านอยู่ในห้องพักผู้ป่วย

เล่นเอาเธอตกใจจนสะดุ้ง

ชายหนุ่มจับสังเกตสีหน้าที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเธอได้ จึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแต่นุ่มนวลชวนฟังว่า "ผมทำให้คุณตกใจเหรอครับ?"

"ก็ไม่เชิงค่ะ" อัญญารัตน์ส่ายหน้า "ฉันแค่ไม่คิดว่าคุณจะโผล่มาเงียบๆ อีกครั้ง"

ที่แท้ก็เป็นพ่อของเด็กชายตัวน้อยเมื่อกี้นี้เอง

เดิมทีเธอก็รู้สึกพอใจกับท่าทีเย็นชาห่างเหินของเขาอยู่หรอก แต่จู่ๆ เขาก็โผล่มาโดยไม่ได้รับเชิญแบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกต่อต้านขึ้นมานิดๆ

ชายหนุ่มมองเห็นอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนในแววตาของเธอ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเล็กน้อย "ผมชื่อทินกรครับ ห้องจัดเลี้ยงงานหมั้นของคุณอัญเมื่อวาน เป็นของผมเอง"

อัญญารัตน์ถึงกับบางอ้อ ที่แท้เขาก็มาเพื่อแสดงความรับผิดชอบนี่เอง

ไฟไหม้ห้องจัดเลี้ยง เจ้าของสถานที่ย่อมต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว

น้ำเสียงของทินกรเปลี่ยนเป็นทางการและจริงจังขึ้นมาทันที "เหตุการณ์ไฟไหม้ห้องจัดเลี้ยง จนทำให้คุณอัญติดอยู่ในกองเพลิงและขาขวาหัก ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในโรงพยาบาล ทั้งค่าห้องพัก ค่ารักษาพยาบาล ค่าจ้างพยาบาลพิเศษ ค่าอาหาร และค่ากายภาพบำบัด ผมจะเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด นอกจากนี้ คุณอัญยังสามารถเรียกค่าชดเชยสำหรับรายได้ที่ขาดหายไป ค่าทำขวัญ และค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดกับงานหมั้นจากผมได้เลยครับ"

"ไม่จำเป็นหรอกค่ะ" อัญญารัตน์ตอบเสียงเรียบ "คุณทินกรรับผิดชอบแค่ค่ารักษาพยาบาลของฉันก็พอแล้ว"

ทินกรได้ยินดังนั้นก็จ้องมองเธอ แววตาไหววูบเล็กน้อย

อัญญารัตน์ยืนนานเกินไปจนขาเริ่มชา จึงเผลอขยับตัวนิดหนึ่ง

ทินกรสังเกตเห็นอาการของเธอ จึงรีบถามขึ้นว่า "ให้ผมช่วยไหมครับ?"

อัญญารัตน์ยกไม้ค้ำยันขึ้น ก้มหน้าไม่มองเขา พลางค่อยๆ ขยับตัวไปข้างหน้า "ไม่เป็น..."

"ว้าย!"

เธอยังพูดไม่ทันจบประโยค เท้าก็ลื่นพรืด ไม้ค้ำยันหลุดจากมือกระเด็นไปไกล ร่างทั้งร่างหงายหลังล้มลงไป

ทว่าความเจ็บปวดที่คาดไว้กลับมาไม่ถึง

ทินกรพุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว รับร่างของเธอไว้ในอ้อมกอดได้อย่างมั่นคง

ในขณะที่ยังตกใจจนขวัญเสีย อัญญารัตน์ที่ซุกอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้จันทน์ที่สะอาดสะอ้าน และยังได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวเร็วและหนักแน่นจากอกของเขา

วินาทีนั้น ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดก็ผุดขึ้นในใจ

ไออุ่นจากอ้อมกอดนี้ สัมผัสจากท่อนแขนคู่นี้ ช่างคุ้นเคยเหลือเกิน

เธอยิ้มเยาะตัวเอง ส่ายหน้าไล่ความคิดที่ไม่ควรเกิดขึ้นออกไป

แล้วรีบขยับตัวจะลุกขึ้น

นับตั้งแต่เกิดเรื่องนั้นขึ้น เธอก็ไม่เคยชินกับการใกล้ชิดกับใครอีกเลย

ตลอดสามปีที่คบกับธราธิป เขารู้ดีว่าเธอเคยผ่านเรื่องราวเลวร้ายอะไรมา ซึ่งทำให้เธอรังเกียจการถูกเนื้อต้องตัวระหว่างชายหญิงเป็นอย่างมาก ดังนั้นต่อให้พวกเขารักกันแค่ไหน เรื่องที่ใกล้ชิดที่สุดที่เคยทำก็มีเพียงแค่การจับมือเท่านั้น

ในตอนนั้นธราธิปมีเธออยู่เต็มหัวใจ เขาเคารพทุกความคิดและการตัดสินใจของเธอ

แต่ทว่า... ใครจะรับประกันได้ล่ะว่าใจคนเราจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง?

ชายหนุ่มคงสัมผัสได้ถึงแรงต่อต้านจากเธอ จึงค่อยๆ คลายวงแขนที่โอบกอดเธอออก เปลี่ยนเป็นเพียงแค่ช่วยประคองเธอไว้ห่างๆ

อัญญารัตน์กลับมายืนตัวตรงได้ในที่สุด

แต่เพราะไม้ค้ำยันตกอยู่ที่พื้น ตอนนี้เธอจึงไร้ที่ยึดเกาะ ร่างกายเริ่มโอนเอนทำท่าจะล้มลงไปอีกครั้ง

ทินกรเห็นดังนั้น จึงตัดสินใจช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวทันที

อัญญารัตน์หวีดร้อง "ว้าย" ออกมาด้วยความตกใจที่ตัวลอยขึ้นจากพื้น สัญชาตญาณสั่งให้เธอรีบคว้าคอของทินกรไว้แน่น

พอได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้ อัญญารัตน์ก็รู้สึกทันทีว่าท่าทางของทั้งคู่ดูสนิทสนมกันเกินไป จึงรีบปล่อยมือออก

ใบหน้าของเธอแดงซ่านขึ้นมาทันตาเห็น

ทินกรรับรู้ได้ถึงทุกการกระทำและอารมณ์ของผู้หญิงในอ้อมแขน

เขาดูออกว่าเธอต่อต้านเขา

ดูท่าเธอคงไม่อยากจะข้องแวะกับเขามากนัก หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะล้มลงไปขายหน้าอีก เธอคงไม่มีทางยอมให้เขาอุ้มแบบนี้แน่

เอาเถอะ ระยะทางไปถึงเตียงผู้ป่วยก็แค่นิดเดียว อุ้มเธอเดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว

เธอแค่อดทนกับการสัมผัสนี้เพียงไม่กี่วินาทีก็พอ

อัญญารัตน์กุมมือประสานกันไว้แน่น ก้มหน้าเม้มปากเงียบกริบ

ราวกับกำลังอดกลั้น อดทนต่อการถูกอุ้มในช่วงเวลาสั้นๆ นี้

ทินกรก้าวเท้าพาอัญญารัตน์ไปที่เตียง

ทันใดนั้นเสียงตวาดลั่นก็ดังมาจากหน้าประตู "พวกคุณทำอะไรกันน่ะ!"

น้ำเสียงของผู้ชายที่คุ้นเคยทำให้อัญญารัตน์ใจกระตุก เม้มริมฝีปากแน่นกว่าเดิม

ชายหนุ่มทำหูทวนลมราวกับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน สายตาเหลือบมองอัญญารัตน์แวบหนึ่ง

ก่อนจะวางร่างของเธอลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลด้วยท่วงท่าที่มั่นคง ไม่ช้าไม่เร็ว

ธราธิปที่โกรธจนเลือดขึ้นหน้าทนไม่ได้ที่ถูกเมินเฉย เขาเดินดุ่มๆ เข้ามาหาทั้งคู่ ชี้นิ้วไปที่หน้าอัญญารัตน์แล้วตะโกนลั่น "อัญญารัตน์! มิน่าล่ะคนเมืองเอเขาถึงลือกันว่าคุณมันร่าน! ที่แท้ชีวิตส่วนตัวก็มั่วไม่เลือกแบบนี้นี่เอง! ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัวบ้างเลยหรือไง!"

อัญญารัตน์เงยหน้าขึ้น ส่งสายตาเย็นยะเยือกไร้ความรู้สึกไปให้ธราธิป

เมื่อวานเป็นงานหมั้นของเธอกับธราธิปแท้ๆ เธอควรจะเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุด

แต่ไฟไหม้ครั้งนั้นกลับทำให้เธอตาสว่าง

ที่แท้ความรักที่ธราธิปมอบให้ ก็เป็นแค่คำลวงที่ฉาบหน้าสวยหรู ในกองเพลิงนั้น เขาถึงกล้าทิ้งเธอไว้อย่างไม่ไยดี แล้วเลือกที่จะเสี่ยงชีวิตไปช่วยนวลนภา

เห็นได้ชัดว่าในใจของธราธิป นวลนภาที่เป็นมือที่สามมีค่ามากกว่าคู่หมั้นอย่างเธอหลายเท่าตัวนัก

แม้อัญญารัตน์จะเจ็บปวดเจียนตาย แต่เมื่อนึกถึงความทรงจำดีๆ ตลอดสามปีที่ผ่านมา

หากธราธิปจะอธิบาย เธออาจจะยอมให้โอกาสเขาแก้ตัว แต่เธอคงไม่มีวันให้อภัย

นั่นคือความคิดของอัญญารัตน์ก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ เมื่อได้เห็นธาตุแท้และปากคอเราะร้ายของธราธิปกับตา เธอรู้สึกว่าขืนยังให้โอกาสธราธิปแก้ตัวอีก ก็เท่ากับเป็นการดูถูกตัวเองชัดๆ

ธราธิปเห็นอัญญารัตน์ไม่สนใจตน ก็หันขวับไปมองทินกร

พอได้เห็นหน้าชัดๆ ธราธิปก็ชะงักไป เขาคาดไม่ถึงว่าผู้ชายที่อุ้มอัญญารัตน์จะมีรูปร่างหน้าตาโดดเด่นขนาดนี้

ยามที่เผชิญหน้ากัน ธราธิปพลันรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากอีกฝ่ายอย่างบอกไม่ถูก

แต่เพียงชั่วพริบตา ธราธิปก็จำได้ว่าผู้ชายตรงหน้าคือนักดับเพลิงคนที่บุกเข้าไปช่วยอัญญารัตน์ออกมาจากกองเพลิงเมื่อวานนี้ ตอนนั้นชายหนุ่มสวมหมวกนิรภัยปิดบังใบหน้า อีกทั้งธราธิปมัวแต่สนใจนวลนภา จึงไม่ได้สังเกตหน้าตาของเขา รู้เพียงแค่ว่าเขารูปร่างสูงใหญ่กำยำมาก

อัญญารัตน์เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "ธราธิป เราเลิกกันเถอะ"

ความสัมพันธ์สามปี ควรจะจบลงเสียที

ธราธิปเจ็บแปลบที่หัวใจ ขมวดคิ้วมุ่น จ้องมองอัญญารัตน์ด้วยแววตาตื่นตะลึง

ธราธิปโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม เขาจ้องเขม็งไปที่อัญญารัตน์ ชี้นิ้วไปทางทินกรแล้วตวาดลั่น "อัญญารัตน์ เบิกตาดูให้ชัดๆ มันก็เป็นแค่นักดับเพลิงกระจอกๆ คนหนึ่ง คุณถึงกับจะทิ้งผมไปหามันเนี่ยนะ?!"

บทก่อนหน้า
บทถัดไป