บทที่ 4 รสสวาทอาเขย 4
กระแสเสียงอ่อนเอื้อยทำให้เธอใจอ่อน ความรักที่มีให้พ่อกับแม่มากมายเท่าแผ่นฟ้า แต่เมื่อความสูญเสียมาเยือนและเธอต้องขาดแม่ไป ช่องโหว่ในหัวใจก็เกิดขึ้น ครั้นพ่อไม่ค่อยจะมีเวลาให้ความเหงาก็เข้ามาเติมเต็ม
ลรันดาเมื่อครั้งนั้นยังอ่อนด้อยทางความคิด ความเหงาและว้าเหว่ทำให้เธอหลงเตลิดไปกับเพื่อนแย่ๆ และนั่นก็นำพาความทุกข์ใจให้มาเยือนอย่างแสนสาหัส เมื่อบิดาส่งให้ไปอยู่ในโรงเรียนประจำนานถึง 8 ปี หัวใจดวงน้อยๆ เจ็บปวดยังไม่หายก็เลยกลัดหนองเป็นแผลที่ฝังแน่นอยู่กลางใจ
“ให้เวลาลูกชุบ 8 ปีนะคะ”
คุณจักรกฤษคอตก 8 ปีที่ผ่านมาก็นานจนแทบจะหายใจไม่เป็น ไม่มีความสุขเลยแม้แต่วันเดียว หากต้องรอไปอีก 8 ปีก็คงจะ...
“พ่อจะรอจนกว่าหนูจะให้อภัยพ่อ จะนานจนวันตายของพ่อ พ่อก็จอรอ”
ลรันดาเม้มปากลุกขึ้นยืน ดวงหน้าหวานมีแต่ความเย็นชายกเว้นแววตาที่เหลือบไปทางอื่นอย่างปิดบัง คุณจักรกฤษไม่ร้องห้ามแต่พูดต่อด้วยความเป็นห่วง
“ระหว่างที่พ่อไม่อยู่ อาปูนจะมาดูแลหนู ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกอาเขานะลูก”
ลรันดาไม่ตอบรับ และขี้คร้านจะปฏิเสธเรื่องนี้ เธอจึงเดินขึ้นห้องนอนไปเงียบๆ คุณจักรกฤษถอนใจก่อนจะวางช้อนส้อมแล้วดื่มน้ำตาม
“ปูน พี่ฝากลูกชุบด้วยนะ” เขาบอกปลายสายหลังโทร.ติด เมื่ออีกฝ่ายรับปากก็วางหูแล้วขึ้นห้องนอน
ภายในห้องทำงานของรองประธาน บริษัท พี.ดี.ที. จำกัด (มหาชน) ร่างเพรียวราวนางแบบในชุดเดรสสีน้ำเงินกำลังนั่งบนตักกว้างของท่านรองประธาน สองมือตวัดโอบรอบลำคอหนา ริมฝีปากเรียวบางไต่ไปทั่วกกหูใหญ่ เจ้าของร่างสูงใหญ่นั่งนิ่งคล้ายไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทว่าภายใต้ท่าทางนิ่งเฉยความเป็นชายผงาดใหญ่กำลังถูกเบียดบด
“ท่านรองคะ ให้ตรีบริการนะคะ ตรีรับประกันความพอใจ”
“ฟรีไหม ฉันไม่จ่ายค่าตัวให้เธอหรอกนะ”
ตรีเนตรหน้าชาไปนิด แล้วเธอก็ระบายยิ้มอ่อนราวกับเงินไม่มีค่าอะไรมากกว่าความสัมพันธ์ชั่วครั้งชั่วคราวกับท่านรองประธานผู้มั่งคั่ง เขามีเมียอยู่แล้ว แต่เธอไม่แคร์ ไม่สนใจ เมียที่ไม่เคยโผล่หัวมาชายตาแลผัวตัวเองเลย ก็เหมือนดอกไม้ที่อยู่ในถังขยะไร้ความหมาย
“สำหรับท่านรอง ตรีเต็มใจอยู่แล้วล่ะค่ะ ว้าย” เพียงขาดคำ เสียงร้องแหลมก็ดังลั่น
ใบหน้าของตรีเนตรแหงนหงาย พวงผมที่ถูกมัดเป็นหางม้าถูกกระตุกจนเจ็บหนังหัวตาแทบถลนออกมา
เจ็บก็ต้องทน
ยอมก็เพื่อทำฝันให้มันเป็นจริง แม้ว่าฝันนั้นช่างไกลแสนไกลเหลือเกินก็ตาม
แผ่นหลังบอบบางเบียดขอบโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ตรีเนตรเจ็บหลังตรงที่กดกับขอบโต๊ะ ทว่าเธอไม่ร้องขอความเห็นใจและขยับกายให้ท่าทางคลายความเจ็บไปเอง เธอรู้จักเขา ธามไท ภูเบศวร์ ความต้องการของเขาไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่เคยเจอ กระนั้นความรุนแรงที่กลายเป็นความเคยชินกลับทำให้เธอถลาเข้าหาอย่างกระหาย
ถ้าเป็นคนอื่นก็คงพนมมือร้องขอชีวิต แต่ตรีเนตรไม่ต้องการหนี สิ่งที่เธอต้องการก็คือได้อยู่ใกล้อย่างคนรู้ใจ คนรัก คนที่เป็นทุกๆ ความหมายของเขา
มือของธามไทกุมต้นคอระหงของตรีเนตร ลูบคลำเหมือนตรวจเช็กสภาพ ก่อนจะออกแรงบีบให้หญิงสาวหน้าเสีย ชีพจรของเธอเต้นตุบตอด ไหปลาร้าของเธอสวยจนน่าจะหักเสียนี่ ธามไทชอบความรุนแรง ยิ่งเห็นสาวๆ ใต้ร่างทรมานก็ยิ่งชอบใจ แต่นั่นก็เกิดกับคนที่ถูกเลือกเท่านั้น คนที่ไม่ใช่ยังไงก็ไม่ใช่
ร่องอกของตรีเนตรไม่ลึกนักเพราะเต้านมของเธอไม่ได้อวบใหญ่ละลานตา ทว่าผิวกายขาวๆ ก็ชวนให้ปลายเล็บต้องกดลึกเป็นทางยาว สาวสวยนักการบัญชีสะดุ้งเฮือก รู้สึกว่าเนื้อหนังมังสาจะเกิดรอยแสบร้อน กระนั้นเมื่อใบหน้าคมจัดก้มต่ำลงมา ริมฝีปากสวยก็แย้มให้เห็นปลายลิ้นแสนหวาน
ธามไทดูดปลายลิ้นของเธอเหมือนมันคือหลอด รสชาติที่ไหลลงคอถามว่าหวานไหม ก็ไม่มาก แต่ความปรารถนาร้อนเร่านั่นต่างหากที่ทำให้เขาต้องดูดปลายลิ้นของเธอ เหมือนมือที่กำลังบีบเต้านมทั้งคู่ สอดเข้าไปในคอเสื้อเพื่อล้วงลึกอย่างกักขฬะ เมื่อเจอก้อนเนื้อแล้วก็บีบแน่นจนหญิงสาวนิ่วหน้า
“เจ็บมั้ย”
“ค่ะ ตรีเจ็บ”
“ดี! ฉันชอบที่เห็นเธอเจ็บ นังผู้หญิงร่าน แรดนักก็ต้องเจ็บแบบนี้ล่ะ”
ถึงจะถูกด่าว่ายังไง ตรีเนตรก็ไม่สะเทือน เธอยอมรับความแรดร่านไม่เข้าใครออกใคร แล้วถ้าไม่ร่านไม่แรดจะได้ในสิ่งที่หวังไหม
ใบหน้าคมจัดกดต่ำ แล้วเรียวปากสีเข้าก็อ้างับเนินอกขาวๆ เต็มแรง
“อ๊ะ ท่านรอง!”
“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น แต่กฎเหล็กของท่านรองประธานมีอยู่ว่า ถ้าไม่ขานรับก็หมายถึงไม่อนุญาตให้ใครเข้า ดังนั้นธามไทจึงไม่ขานรับ แต่ทว่า...
ประตูห้องทำงานถูกผลักเข้ามา พร้อมกับเสียงวี้ดว้ายอย่างตกใจของเลขาหน้าห้อง ธามไทผละห่างจากตรีเนตร นักบัญชีสาวทิ้งตัวลงแล้วลุกขึ้นถอยออกมา ทั้งคู่ไม่มีใครตกใจเท่าคนที่ถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามา
“ลูกชุบ!” เขาไม่คิดว่าลรันดาจะมาที่นี่ และไม่คิดว่าเธอจะปรากฏกายอยู่ในห้องทำงานของเขา แทนที่จะเป็นห้องทำงานของท่านประธานบริษัท
“ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะนะคะอาปูน”
ธามไทไล่ตรีเนตรด้วยสายตา พนักงานสาวสวยก็เดินออกจากห้อง ก่อนจะเดินผ่านร่างอวบอิ่มสมวัยของลรันดาด้วยสายตาดูถูก เพราะตรีเนตรไม่รู้จักลรันดา ถ้าเธอรู้ก็คงไม่กล้าแสดงกิริยาเช่นนี้
รอยบนต้นคอของตรีเนตรทำให้ลรันดาต้องขมวดคิ้ว เธอรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น แต่เรื่องที่จำเป็นต้องฝากรอยนิ้วมือไว้บนคอหราขนาดนั้น เธอว่ามันเกินความจำเป็น และถ้าคนอื่นเห็นก็คงกลัวจนไม่อยากเข้าใกล้
“เธอนี่นิสัยแย่ไม่เปลี่ยนเลยนะ เจ้าของห้องยังไม่อนุญาตก็สาระแนเข้ามา เด็กนิสัยเสีย”
“ยอมรับค่ะ แต่ความเลวของลูกชุบก็คงไม่เท่าสมภารคิดจะกินไก่วัดในห้องทำงานหรอกมั้งคะ นี่คงเป็นสาเหตุที่อาน้ำทิ้งอาปูนไปมีแฟนใหม่”
“นั่นมันเรื่องในครอบครัวฉัน เธออย่าสะเออะรู้ดีไปหน่อยเลยยัยเด็กแก่แดด มาถึงนี่แล้วมีอะไรก็ว่ามาสิ”
ธามไทลุกขึ้นมายืนพิงสะโพกกับโต๊ะทำงานหมิ่นๆ เขากอดอกมองลรันดาด้วยสายตาเป็นคำถาม หากแต่เวลานี้ในใจสาวน้อยกลับคิดถึงเรื่องที่เห็นเมื่อครู่ ถ้าเธอไม่เข้ามาขัดคอ สองคนนี้ก็คงไปถึงไหนต่อไหน
