บทที่ 5 รสสวาทอาเขย 5
สายตากลมโตหลุบมองเป้ากางเกงตุงๆ แล้วหน้าแดงซ่าน มันตุงซะขนาดนั้นคงพร้อมออกศึก แต่ศึกรบมีอันต้องล่มเพราะเธอคนเดียว
ธามไทเห็นแววตาคู่นั้นก็กระตุกมุมปาก ในขณะที่เธอมองแต่เป้ากางเกงของเขาอย่างอยากรู้อยากเห็น เขาก็เลยลอบกวาดตามองเรือนร่างสวยๆ ของเธอบ้าง
วันที่ไปรับดูเหมือนจะผอมบางกว่าวันนี้ การได้กลับมาอยู่กับบิดาคงทำให้เธอมีความสุขขึ้นมาก รูปร่างถึงได้อวบขึ้นดูมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าเดิม หน้าอกหน้าใจพุ่งชันขนาดไม่ใหญ่มากแต่ไม่เล็กเลยทีเดียว เอวกิ่วน่าจะประมาณ 24 นิ้วเห็นจะได้ ส่วนสะโพกถ้าได้ลองกระแทกสักครั้งคงรู้ว่าดีหรือเปล่า
“เลิกสำรวจเป้ากางเกงฉันได้หรือยัง”
ลรันดาแทบจะถอยหลังกรูด เพราะอยู่ๆ ร่างสูงก็มาหยุดใกล้แค่ลมหายใจขวางกั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทันรู้ตัว เธอมัวแต่มองท่อนเนื้อแล้วกะขนาดด้วยสายตา เธอไม่เคยเห็นของจริงนอกจากของเด็กชายตัวน้อย ไม่เคยเห็นภาพจากสื่อใดๆ ทั้งสิ้น เรียกว่าเธอบริสุทธิ์ผุดผ่องทั้งร่างกายและหัวใจ
“ออกไปห่างๆ ทำไมต้องขยับมาจนชิดด้วย”
“ก็ฉันเห็นเธอไม่สนใจหน้าฉันเลยนี่นา สนใจแต่ไอ้จ้อนฉัน หรือว่า...” ธามไทยื่นหน้าเข้าหา “อยากทำความรู้จักกับมัน ก็ได้นะ ฉันไม่สนหรอกว่าเธอจะเป็นใคร”
“บ้า! อาปูนบ้าที่สุด อยากเป็นสมภารก็อยาก อยากจะกินหลานเมียก็อยากหรือไงกัน ทุเรศที่สุด นี่หรือคนที่คุณพ่อไว้ใจขนาดฝากลูกชุบเอาไว้” ลรันดาผงะหนี แต่ติดฝ่ามือที่ยกขึ้นดันแผ่นหลังเธอไว้ เธอจึงยกมือยันอกกว้างของเขาโดยอัตโนมัติ
“ฉันเป็นคนกินไม่เลือกซะด้วยสิ เด็กๆ อย่างเธอน่าเคี้ยวจะตาย นมก็ใหญ่ ตูดก็งอน มีเนื้อมีหนังน่าฟัดจะตาย”
“อาปูน! ปล่อยลูกชุบนะ อย่ามาทำแบบนี้กับหนู ไม่กลัวหนูจะเอาไปฟ้องพ่อหรือไง” เธอเอาพ่อมาอ้าง คิดว่าเขาจะกลัวแต่ไม่เลย ธามไทหัวเราะในลำคอ
“หึ หึ ทำไมต้องกลัวล่ะ เขาฝาก...ปลาย่างเอาไว้กับแมวเองช่วยไม่ได้”
“น่าเกลียด ทุเรศ”
“ถ้าเธอยังไม่บอกว่ามาทำไม ฉันจะถือว่าเธอคิดถึงก็เลยแรดอยากให้ฉันเอา”
“กรี๊ดดด อาปูนบ้า!” ลรันดาผลักธามไท ได้ผลอาหนุ่มของเธอยอมปล่อย แล้วเขาก็ทำท่าทางเหมือนรังเกียจเธอ เดินห่าง เบะปาก มองเธอด้วยหางตา
“เด็กยังไงก็สู้ผู้ใหญ่เป็นงานไม่ได้หรอก หึ” แถมยังดูถูกเธอให้ได้อายจนอยากหาปี๊บคลุมหัว
ลรันดาพยายามสงบใจเพื่อพูดเรื่องที่ทำให้เธอต้องเข้ามายืนในห้องนี้
“คุณพ่อไปไหน หนูไปหาที่ห้องทำงานก็ไม่เจอ กำหนดการเดินทางยังไม่ถึงไม่ใช่เหรอ” เธอพูดไม่มีหางเสียง บางทีคนอย่างเขาก็สมควรจะได้กิริยาต่ำๆ กลับไป
“เครื่องจะออกคืนนี้ ทำไมไม่โทร.เข้ามือถือ แล้วเธอมาหาท่านด้วยเรื่องอะไร”
“ถ้าโทร.ติดหนูก็คงไม่ต้องเจอหน้าอาปูนหรอกค่ะ หนูไปเดินห้างฯ ใกล้ๆ แถวนี้ กะว่าจะกลับด้วยกันก็เลยมาที่นี่ แต่ไม่เจอ”
ธามไทดูเวลา
“อาจจะไปสนามบินแล้ว ฉันว่าบางทีเธอก็ความรู้สึกช้านะลรันดา เวลาที่อยู่ด้วยกันก่อนหน้านี้ก็หลายวัน คิดยังไงอยากจะกลับบ้านพร้อมกันวันนี้”
เพราะไม่รู้จะทำอะไร ลรันดาก็เลยออกเที่ยวไปทั่ว ส่วนใหญ่ก็จะเป็นห้างสรรพสินค้า ได้ซื้อของใช้ส่วนตัวมาเยอะเหมือนกันเป็นการฆ่าเวลา และปกติเธอก็ไม่ได้ไปคนเดียว บิดาให้คนขับรถพาไปทุกที่ที่ต้องการไป ยกเว้นเที่ยวกลางคืน ซึ่งลรันดาก็ไม่คิดอยากเที่ยวในสถานที่แบบนั้นเลย
“แล้วทำไมอาปูนต้องด่าว่าหนูตลอดคะ บางเรื่องคุณพ่อก็ไม่ได้บอก งานท่านอาจจะเยอะจนไม่มีเวลาบอก ไม่เหมือนอาปูนหรอกมั้งคะ ว่างงานจนทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงในที่ทำงานได้โดยไม่อายใคร หน้าด้าน”
“จะโทษฉันไม่ได้ นี่มันห้องทำงานส่วนตัวของฉัน และเธอก็ไร้มารยาทเข้ามาเอง ฉันว่าเธอกลับบ้านไปเถอะ คุณพ่อเธอคงรอขึ้นเครื่องอยู่กระมัง ท่านอาจจะปิดมือถือเพราะอยากพักในขณะที่รอบินอยู่ก็ได้”
“ค่ะ ไม่ต้องไล่ หนูก็ไม่คิดอยู่ที่นี่แน่นอน” ว่าแล้วลรันดาก็กระแทกส้นเท้าเดินกลับไปพร้อมกับความผิดหวัง
ผิดหวังจากเรื่องอะไรก็ไม่แน่ใจ ระหว่าง...
ไม่พบพ่อ
หรือเห็นสมภารกำลังงาบไก่วัด
ที่แน่ๆ มันเจ็บจี๊ดชะมัด
ลรันดาเห็นผู้หญิงที่เพิ่งออกมาจากห้องทำงานของธามไท เธอคนนั้นมองมายังเธอด้วยสายตาแข็งกร้าว ถึงเธอจะยังเด็ก ยังไม่เคยมีความรัก แต่เธอแน่ใจว่านั่น...คือสายตาของความหวงแหนที่มองเธออย่างริษยา
แล้วผู้หญิงที่ต้องแข็งแกร่งตั้งแต่เล็กอย่างลรันดาก็เดินเข้าไปหา แม้วัยจะน้อยกว่าหลายปี แต่ความกล้าไม่เป็นรองใคร
“มีปัญหาอะไรหรือคะ” เธอถามตรงๆ
“อย่ายุ่งกับท่านรอง ท่านเป็นของฉัน” ตรีเนตรบอกออกไป ซึ่งมันก็ทำให้ลรันดาถึงกับหัวเราะ
“อาปูนเป็นอาเขยของฉัน คุณเข้าใจความหมายนี้ไหมคะ”
“แต่อาของเธอหายหัวไปกับชู้นานแล้ว อาเขยของเธอตอนนี้เรียกว่าเป็นโสดก็คงไม่ผิด”
“ทะเบียนสมรสยังอยู่ ตราบใดที่อาปูนยังไม่หย่า เธอจะว่าเขาโสดได้ไง”
