บทที่ 4 การฝึกฝนที่เลือดตาแทบกระเด็น 1
เช้าวันรุ่งขึ้น จิวชงหยวนคิดว่าจะได้ตื่นขึ้นมาที่ห้องของตัวเอง ภายในคอนโดหรูของชั้นที่สามสิบเก้าดั่งเช่นเคย แต่ที่ไหนได้กลับเป็นกระท่อมหลังเดียวกับเมื่อวานนี้ไม่มีผิด วันนี้จิวชงหยวนถูกปลุกให้ตื่นแต่เช้าและฝึกฝนการคัดเลือกสมุนไพรที่มีหลายพันชนิดจนจำแทบไม่หวาดไม่ไหว อีกทั้งต้องดมกลิ่นทำเอามึนงงกันไปข้างหนึ่ง และยังโชคร้ายสูดดมหญ้าพิษเข้าไปแล้วชักงออย่างน่าอนาถเสียอีก
ช่วงบ่ายถูกบังคับให้ไปฝึกวรยุทธกับลู่เฟย แต่เจ้านั่นกลับไม่ได้สอนอะไรนอกจากให้นั่งสมาธิ นั่งจนจะไปเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ก็ยังสัมผัสไม่ได้ถึงลมปราณที่ลู่เฟยพูดถึงสักนิด
วันเวลาผ่านไปถึงหนึ่งอาทิตย์ที่ต้องปฏิบัติฝึกฝนซ้ำๆ อยู่แบบนี้ ในที่สุดวันนี้เขาก็สามารถสัมผัสสิ่งแปลกปลอมภายในร่างกายคล้ายกับความร้อนที่ช่องท้อง จึงค่อยๆ บังคับมันให้ไหลไปตามจุดบังเถียนตามที่ลู่เฟยบอก
แม้จะโดนบ่นว่าโง่มาหนึ่งอาทิตย์อย่างน่าเจ็บใจ ในที่สุดวันนี้เขาก็จับสัมผัสลมปราณได้ ตอนนี้เขารู้สึกเบาสบายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หวังว่าวันนี้คงไม่โดนเจ้านั่นด่าว่าโง่อีกหรอกนะ
“ในที่สุดก็ทำได้สักที นึกว่าจะโง่นานกว่านี้เสียอีก”
ลู่เฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มจนทำให้คนที่นั่งสมาธิอยู่ภายใต้น้ำตกมองตามอย่างหงุดหงิด แทนที่จะให้ไปนั่งที่เงียบๆ แต่กลับให้มานั่งอยู่ใต้น้ำตก ได้ยินแต่เสียงน้ำตกกระทบหิน จนทำให้สัมผัสลมปราณได้ช้าแบบนี้ ทว่าสิ่งที่ได้รับตามมากลับเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย เขาสามารถแยกเสียงต่างๆ โดยรอบภายในระยะทางสามสิบเมตรได้ และนี่คงเป็นจุดประสงค์ของคนสอน จะอภัยให้ก็แล้วกัน...
นับตั้งแต่ฝึกลมปราณสำเร็จ จิวชงหยวนก็ถูกฝึกวรยุทธอย่างเหี้ยมโหดติดต่อกันมานานนับหนึ่งเดือน ในช่วงเช้าจะถูกปลุกมาแยกสมุนไพรและเริ่มผสมยารักษาต่างๆ จนเชี่ยวชาญ แม้จะเหนื่อยจะง่วงแค่ไหนก็ไม่มีเวลาพักแม้แต่น้อย เดิมทีฝึกยุทธช่วงบ่ายกลายเป็นว่าเลยเวลาไปเกือบสว่างทุกวัน สรุปได้นอนแค่ชั่วยามเดียวแค่คิดก็เหนื่อยจนแทบอยากจะตายอีกรอบ
หนึ่งเดือนถัดมา จิวชงหยวนต้องเรียนรู้การใช้พิษจนพิษพวกนั้นเข้าซึมร่างกายจนแทบเอาชีวิตไม่รอด และยังต้องคิดค้นยาแก้พิษเอง เพราะอาจารย์บอกว่าประสบการณ์จะสอนให้เราประสบความสำเร็จ แต่ในความคิดของเขาอาจารย์โรคจิตเสียมากกว่าที่ชอบเห็นเขาเจ็บปวด
ลู่เฟยเองก็อย่าได้ดูถูกเชียว เห็นหน้ายิ้มๆ ตลอดเวลากลับลงมือเด็ดขาดเหี้ยมโหดจนตอนนี้บาดแผลเต็มร่างกาย ทว่ามันก็หายไปกับยาวิเศษที่คิดค้นขึ้น เพราะไม่อยากเจ็บตัวนานจึงทำให้เขาเชี่ยวชาญยารักษาและยาแก้พิษ จนเดี๋ยวนี้ไม่มีพิษชนิดไหนทำร้ายเขาได้อีกต่อไป
การรักษาแบบใช้สมุนไพรโบราณทำให้เขาอดคิดถึงอดีตไม่ได้ หากต้องรักษาคนป่วยอาการสาหัสและไม่มีเครื่องมือแพทย์แบบในยุคปัจจุบันเขาจะทำอย่างไรดีนะ
แต่นี่มันเป็นข้อผิดพลาดอย่างมหันต์ เพราะเหมือนอาจารย์จะล่วงรู้ความคิดเขา ได้พาสัตว์จำพวกลิงมาให้เขาทดลองจนเหนื่อยแทบใจจะขาด วันดีคืนดีลากมนุษย์มาแต่ไหนก็ไม่รู้มาให้รักษา ทั้งเป็นโรคหัวใจเอย โรคสมองตีบ โรคภูมิแพ้ แม้กระทั่งเนื้องอก
แต่ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จและอาจารย์ก็พาคนพวกนั้นกลับไปยังที่จากมา ทว่ายังไม่ทันได้พักหายเหนื่อยก็โดนลู่เฟยลากไปฝึกวรยุทธ มันเหนื่อยจนน้ำตาแทบกระเด็น ตอนนี้วิชาตัวเบาของเขานับว่าเร็วพอตัว แต่มันกลับเป็นเพียงเด็กอนุบาลของลู่เฟยทำให้ต้องมาวิ่งเล่นไล่จับกันอยู่นี่ไง
แฮกๆๆ
จิวชงหยวนหายใจอย่างเหนื่อยหอบ เมื่อมาหยุดอยู่ใต้น้ำตกที่ห่างไกลจากที่พักถึงสิบลี้ ทว่ากลับต้องสะดุ้งเมื่อเห็นร่างใครบางคนยืนเหยียบผิวน้ำอย่างแผ่วเบา
“มาช้า” ลู่เฟยกล่าวกับคนที่ยืนหอบอยู่ไม่ห่างด้วยรอยยิ้มบางๆ สองมือยืนไขว้หลังเดินไปมาอยู่บนผิวน้ำ จิวชงหยวนหรี่สายตามองอาจารย์ที่เขาไม่เคยเรียกว่าอาจารย์สักครั้ง เจ้าตัวก็ไม่ได้บ่นเสียด้วย แถมยังดูชอบใจเสียอีกที่เขาเรียกลู่เฟยคล้ายกับว่าโลกนี้ไม่มีใครเรียกชื่อตนมาก่อน
“ใครจะไปเร็วเหมือนเจ้ากัน” จิวชงหยวนตอบกลับอย่างเหนื่อยๆ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เขาก็พยายามทำตัวให้เข้ากับคนที่นี่ และการพูดจาก็เปลี่ยนไป จากผมเป็นข้าและจากคุณเป็นเจ้าหรือท่านตามความเหมาะสม แต่คนตรงหน้าเหมาะที่จะเป็นเพื่อนเขามากกว่าอาจารย์เสียอีก
“ข้ามาตามปกติ แต่ใครใช้ให้เจ้าคลานเหมือนเต่ากันล่ะ” จิวชูหยวนได้แต่มองตามอย่างเจ็บใจ เร็วขนาดนี้ยังว่าเขาช้าเหมือนเต่า ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนคงยิ่งกว่าหอยทากเป็นตะคริวเสียอีกกระมัง
“ช่างเถอะข้าขี้เกียจเถียงเจ้าแล้ว วันนี้จะให้ข้าทำอะไร” จิวชงหยวนเอ่ยถามอย่างตัดบท
“เดินบนผิวน้ำให้ได้เหมือนข้า” คำตอบที่ได้รับทำให้จิวชงหยวนกระโดดลงไปผิวน้ำอย่างรวดเร็ว ทว่าผิวน้ำกระเพื่อมไหวไปมามิอาจนิ่งเฉยได้ แม้จะโคจรลมปราณไปที่เท้าเท่าไรก็มิอาจทำได้
“เจ้าต้องใจเย็น” คำเตือนสั้นๆ พร้อมเดินเป็นตัวอย่างทำให้จิวชงหยวนทำหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย ก่อนจะพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง แต่คำพูดคำจาที่กวนอารมณ์ตลอดของลู่เฟยทำให้อดคิดถึงนพดลเพื่อนสนิทไม่ได้เพราะทั้งคู่นั้นมีนิสัยที่คล้ายกันนัก
