บทที่ 1 บทที่1.
“มาแล้วจ้า” เสียงใสๆ จากหญิงสาวร่างเล็กบอบบางนามว่า อรุณนารี ผู้มีใบหน้ารูปหัวใจน่ารัก ดวงตากลมโตสดใสเปล่งประกายดุจยามเช้า จมูกเล็กๆ นั้นมีเหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายริมฝีปากบางน่ารักจิ้มลิ้มยิ้มแย้มอย่างคนอารมณ์ดีเป็นนิจนั้นส่งยิ้มหวานหยดให้หญิงสาวร่างสูงระเหิดระหงตรงหน้าที่บัดนี้หน้าสวยเริ่มหงิกงอ
“ไงแม่แมงปอทำไมวันนี้มาช้านักล่ะ แกรู้มั้ยวันนี้ฉันต้องเป็นแม่ค้าขายต้นไม้ให้หล่อนจนเมื่อยไปหมดแล้วนะเนี่ย”
เสียงบ่นกระปอดกระแปดดังมาจากปากของหญิงสาวร่างสูงโปร่งสมส่วน ใบหน้ารูปไข่นวลเนียนนั้นประดับด้วยดวงตากลมโตดำขลับวาววับจมูกโด่งเชิดอย่างคนดื้อรั้น ริมฝีปากรูปกระจับอิ่มแดงเรื่ออย่างคนสุขภาพดีล้อมกรอบหน้าสวยด้วยผมซอยสั้นทันสมัยรับรูปหน้าคล้ายดาราเกาหลีที่กำลังฮิตเธอคือ เนตรนารา สาวสวยสุดเท่อารมณ์ติสต์ ซึ่งตอนนี้หน้าสวยเริ่มหงิกงอเพราะวันนี้ลูกค้าเข้าร้านแต่เช้าทั้งร้านกาแฟและร้านต้นไม้จนเธอหัวหมุน
“ทำไมน้า...ฉันต้องมาช่วยแกด้วย ทั้งๆ ที่วันนี้มันวันหยุดฉันน่ะ”
“ฉันแวะไปส่งน้องอิ่มอุ่นแล้วก็เอาไอ้สีเทาเข้าอู่น่ะแก ขอโทษจริงๆ ว่ะ” อรุณนารีตอบเพื่อนสาวคนสวยพลางยิ้มให้อย่างน่ารักแบบว่าขอโทษนะจ๊ะเพื่อนสาว “ยัยอ้อนไปเชียงใหม่ตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว ไปตั้งอาทิตย์แน่ะแก ฉันก็ต้องดูลูกน่ะ” เธอบอกเพื่อนซึ่งก็พยักหน้าเข้าใจในเหตุผล
ลูกสาวที่พูดถึงนั้นคือ น้องอิ่มอุ่น เด็กหญิงอัจฉรียาพร เด็กหญิงตัวกลมป้อมตาโตปากนิด จมูกหน่อยแก้มแดงเหมือนเชอร์รี่ ผมหยิกสลวยวัยห้าขวบซึ่งเป็นแก้วตาดวงใจของคนทั้งบ้านลูกสาวของ อโนมา หรือ อ้อน คุณแม่ยังสาวซึ่งไปเป็นวิทยากรพิเศษในงานเทศกาลอาหารไทยพื้นเมืองที่เชียงใหม่ เนื่องจากหญิงสาวเป็นอาจารย์สอนทำอาหารแสนสวยที่มีลูกศิษย์มากมายโดยเฉพาะลูกศิษย์ที่เป็นชายทั้งที่โสดไม่โสดพ่อบ้านเมียเผลอและไม่เผลอที่ขยันมาสมัครเรียนกันไม่เว้นแต่ละวัน
อโนมานั้นเป็นสาวน้อยจากภาคเหนือ พ่อแม่รับราชการตำแหน่งเล็กๆ อยู่ในส่วนราชการของจังหวัด แต่ด้วยความที่รักดีเรียนเก่งเธอจึงสามารถสอบชิงทุนจากรัฐบาลได้เรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐบาลและได้มาเจอกันในวันรับน้องถึงแม้เรียนคนละคณะแต่ด้วยชะตาต้องกันและนิสัยความชอบที่เหมือนกันทำให้ทั้งสองเข้ากันได้ง่ายและด้วยวาทศิลป์และรอยยิ้มอันแจ่มใสจริงใจของอรุณนารีที่ชักชวนอโนมาให้มาอยู่ด้วยกันที่บ้านสวนย่านชานเมืองได้ไม่ยาก เพราะใครๆ ก็หลงรักรอยยิ้มพิมพ์ใจของแม่แมงปอตัวน้อยที่ขยันยิ้มประจบอยู่ทุกวัน
“ไม่คิดบ้างหรือว่านี่คือฟ้าลิขิตให้เรามาเจอกันและใช้ชีวิตร่วมกัน คิดดูสิขนาดชื่อเรายังขึ้นต้นด้วย อ.อ่างเหมือนกันเลย อโนมา อรุณนารี” คือคำพูดชักชวนของอรุณนารีซึ่งชวนให้อโนมา มาพักอยู่ด้วยกันและอโนมาจะกล่าวล้อเลียนทุกครั้ง
“นี่แมงปอชวนเพื่อนไปอยู่ด้วยที่บ้านเหมือนหนุ่มขอสาวแต่งงานเลย แกแอบรักฉันแบบนั้นรึเปล่าเนี่ย” แล้วคนใจอ่อนอย่างอโนมาก็ได้เข้ามาเป็นสมาชิกของบ้านนับแต่นั้นมาก็เกือบสิบปีแล้ว
“ถึงเชียงใหม่แล้วนะดูแลลูกสาวดีๆ ล่ะแม่แมงปอ แล้วจะเอาขนมอร่อยๆ กลับมาฝาก” อรุณนารีกดดูข้อความในโทรศัพท์เครื่องเล็กของตัวเองแล้วถอนใจ กังวลว่าเย็นนี้รถคันเก่งของเธอจะซ่อมเสร็จทันไปรับลูกสาวตัวน้อยหรือไม่
“วันนี้ไอ้สีเทามันรวนอีกแล้วล่ะแก ไม่รู้จะซ่อมทันไปรับน้องอิ่มอุ่นรึเปล่า” เธอบ่นถึงรถโฟล์คสีเทาคันเก่งของเธอซึ่งเป็นเพื่อนเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยคุณพ่อคุณแม่ยังสาวจนเป็นสมบัติตกทอดมาถึงเธอและก็เป็นพาหนะที่ใช้ดีใช้ทน แต่มาช่วงหลังๆ ขยันรวนบ่อยเหลือเกินเหมือนจะบอกว่ามันแก่เกินไปเสียแล้ว
“เฮ้อ...ทำไงดีเนี่ย”
“เฮ้ย! แก บ่นเป็นยายแก่ไปได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย เดี๋ยวฉันไปรับน้องอิ่มอุ่นเป็นเพื่อนแกก็ได้ เพราะเย็นนี้จะไปธุระแถวนั้นอยู่พอดี”
“จริงเหรอเนตร โห...โชคดีจังเลย ขอบใจแกมากเพื่อนสาว น่ารักมากๆ เลยแก” คนเล็กพูดพลางหยิกแก้มเพื่อนสาวอย่างหยอกเย้าพลางทำหน้าตาให้น่ารักสุดๆ
