บทที่ 2 จูบนั้นสำคัญไฉน (60%)
ถึงแม้มาเฟียหนุ่มจะขึ้นชื่อลือชาเรื่องความโหด ดิบ เถื่อน ดุดันและเฉียบขาด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คะแนนนิยมในสายตาของสาวๆ ทั้งประเทศลดน้อยถอยลง ในเมื่อทรัพย์สินที่เขาถือครองมีมูลค่ามหาศาล นอนกินนอนใช้ทั้งชาติก็ยังไม่หมด แถมเขายังเป็นทายาทตระกูลดังอย่างดิมิเทียส ซึ่งถ้าใครได้เป็นสะใภ้ของตระกูลนี้ ไม่เพียงชูคอสุขสบายไปทั้งชาติ ยังมีแต่คนนับหน้าถือตาและเกรงขามในบารมีอีกด้วย
แม้วัยของเขาได้ล่วงเลยมาจนจะถึงเลขสี่อยู่รอมร่อ แต่อายุก็ไม่ได้เป็นตัวผลักดันให้มาเฟียหนุ่มใหญ่คิดที่จะมีลูกมีเมียเช่นเดียวกับผู้ชายในวัยเดียวกัน ตั้งแต่รักครั้งแรกไม่สมหวังเขาก็ไม่คิดที่จะมองหญิงใดหรือคบใครจริงจังอีกเลย สำหรับมาร์เวลผู้หญิงก็เป็นได้แค่วัตถุทางเพศที่เคลื่อนที่ได้ มีไว้เพียงปลดเปลื้องอารมณ์ความต้องการทางร่างกายชั่วครั้งชั่วคราว ไม่มีอะไรสลักสำคัญมากไปกว่านั้น เพราะคิดแบบนี้ทำให้มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศสยังคงครองตัวเป็นโสดมาจวบจนกระทั่งทุกวันนี้ ไม่มีความคิดที่จะแต่งงาน หรือมีเมียเป็นตัวเป็นตนกับเขาสักที
ในทางตรงข้าม ถ้าเขาต้องการผู้หญิงคนไหนเพียงแค่เอ่ยปาก พวกหล่อนก็พร้อมที่จะเปลื้องผ้าพลีกายให้เขาด้วยความเต็มใจ เพราะการได้ขึ้นเตียงกับมาร์เวล ดิมิเทียส มหาเศรษฐี มาเฟียผู้หล่อเหลาและทรงอิทธิพลเพียงครั้ง ก็ทำให้พวกหล่อนได้ทั้งเซ็กซ์อันยอดเยี่ยมและค่าตอบแทนจำนวนมหาศาล ซึ่งมันถือว่าคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม เหมือนถูกล็อตเตอรี่แล้วพ่วงด้วยรางวัลแจ็คพอต
แต่คนอย่างมาร์เวลก็หาตัวยากยิ่ง เขาไม่ชอบปรากฏกายหรือทำตัวเด่นในที่สาธารณชน ไม่ชอบเข้างานสังคม และที่สำคัญเขาไม่ชอบเป็นข่าว ถึงแม้เขาจะมีธุรกิจใหญ่โตอยู่เป็นหลักแหล่งและเป็นที่รู้จักกันดีของคนทั่วไป โดยเฉพาะในหมู่นักท่องราตรี แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวหรือนิตยสารใดเลย แต่ถ้าหากมีใครกล้าเอาข่าวเขาไปเขียนในทางเสียๆ หายๆ วันรุ่งขึ้นสำนักพิมพ์นั้นก็เป็นอันต้องปิดตัวลง จึงไม่มีใครอยากจะตอแยกับมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลอย่างมาร์เวล ดิมิเทียส ถึงแม้จะขึ้นชื่อเรื่องความเด็ดขาดและถึงลูกถึงคน กระนั้นสาวน้อยใหญ่ก็ไม่หวั่นที่จะเข้ามาชายตาชะมดชะม้อยให้เมื่อมีโอกาส
ภายในคฤหาสน์ซีเลสคอส สตีฟ ซีเลสคอส ชายวัยสามสิบเจ็ดปี รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาเหี้ยมติดจะดุ กำลังทำหน้าเครียดจัด กระวนกระวายจนต้องเอามือไขว้หลังเดินวนรอบห้องทำงาน เมื่อลูกน้องเปิดประตูเข้ามา เจ้าของร่างใหญ่ก็หันขวับแล้วยิงคำถามใส่ทันที
“เป็นไงวะ ได้เรื่องว่าไง?” เสียงติดจะเครียดของสตีฟเอ่ยถามคนที่เพิ่งเข้ามา ถึงงานสำคัญที่ตนได้สั่งให้ไปจัดการเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว ถึงจะให้ลูกน้องมือดีเป็นคนจัดการแต่ก็ยังอดที่จะเป็นกังวลไม่ได้ เพราะคนที่เขากำลังต่อกรด้วยนั้นมีอำนาจและอิทธิพลไม่เเพ้กัน
“รอสักครู่นะครับนาย” มือขวาคนสนิทรีบล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วต่อสายไปหาคนที่สั่งให้ไปทำงานสำคัญทันที
“ว่าไง ชักช้าอยู่ได้พวกมึงนี่” คนที่รอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อชักหงุดหงิด ความใจร้อนพานให้อารมณ์เสียใส่ลูกน้อง
“คนของเราบอกว่า ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับนาย” คนที่เพิ่งวางสายเมื่อได้รับข่าวดีก็รายงานเจ้านายด้วยรอยยิ้มเหี้ยม
“พวกมันไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้ให้ไอ้มาร์เวลตามเจอใช่ไหม” คนที่รู้สึกพึงใจกับคำตอบอยู่ไม่น้อย ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ เพราะไม่อยากจะโดนตลบหลัง
“ครับนาย จะทิ้งไว้ก็แต่ร่องรอยให้มันเอาไว้ดูต่างหน้าเท่านั้นล่ะครับ” ชายหน้าเหี้ยมกล่าวเสียงกลั้วหัวเราะ ด้วยความสะใจ
“ฮ่าๆๆ กูล่ะสะใจจริงๆ โว้ย ป่านนี้ไอ้มาร์เวลมันคงอกแตกตาย ที่รู้ว่าโดนกูต้มจนเปื่อย” สตีฟหัวเราะลั่นด้วยความพออกพอใจ ที่แผนการที่ตนวางไว้สำเร็จไปด้วยดี แถมยังหลอกให้คู่อริอย่างมาร์เวลหลงทางงงเป็นไก่ตาแตก ขนของหนีทิ้งไว้เพียงร่อยรอยให้ช้ำใจเล่น
“แล้วนายจะเอายังไงต่อครับ ของของเราที่ย้ายออกมาจากที่นั่น จะให้เอาไปไว้ที่ไหนครับ” ลูกน้องเอ่ยถามผู้เป็นนาย ถึงของที่ไหวตัวขนออกมาทันก่อนที่คนของมาร์เวลจะไปถึง
“เอาไว้ที่โกดังร้างนั่นแหละ สั่งคนของเราเฝ้าไว้ให้ดี อีกเจ็ดวันเราถึงจะส่งมอบ อย่าให้มีอะไรผิดพลาดอีกล่ะ กูไม่อยากชวดงานสำคัญ” สตีฟสั่งลูกน้องให้เอาของไว้ที่เดิม เพราะเขามั่นใจว่าคนของมาร์เวลจะตามกลิ่นไม่เจอ และเขาก็ไม่มีวันให้ยาเสพติดจำนวนหลายแสนเม็ดไปตกอยู่ในกำมือของมาร์เวลอย่างเด็ดขาด
“ครับนาย” ลูกน้องหน้าเหี้ยมรับคำผู้เป็นนายทันที
“แล้วก็อย่าลืม ให้สายของเราตามประกบดูความเคลื่อนไหวของไอ้มาร์เวลด้วยล่ะ” สตีฟหันมากำชับลูกน้องถึงงานที่เขาให้ทำมาตลอดระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ ความเคลื่อนไหวของมาร์เวลคือสิ่งที่เขาจะต้องรู้ และจะต้องรู้ให้แน่ชัดทุกฝีก้าว เพราะนั่นคือตัวกำหนดว่างานของเขาจะลุล่วงไปด้วยดีหรือไม่
“ครับนาย ผมให้คนของเราคอยจับตาดูมันตลอด” ลูกน้องคนเดิมรายงานถึงสิ่งที่ตนสั่งให้ลูกน้องคนอื่นไปทำอีกทอด แต่หารู้ไม่ว่าลูกน้องของตนเพิ่งชะตาขาดด้วยฝีมือคนของมาร์เวลเมื่อชั่วโมงที่แล้ว
“แล้วตอนนี้มันยังอยู่ที่ฝรั่งเศสหรือเปล่า หรือว่ามันสะเออะคาบข่าวไปบอกตำรวจที่ไทยแล้ว ไอ้นี่มันยิ่งชอบเสือกเรื่องชาวบ้านอยู่” สตีฟก็พอจะรู้มาบ้างว่ามาร์เวลทำงานร่วมกับตำรวจของประเทศไทย แต่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าตำรวจผู้นั้นเป็นใคร อีกทั้งก็ยังเกรงว่าตำรวจของไทยจะรู้เท่าทันแผนการที่ตนได้วางเอาไว้ หากเป็นเช่นนั้นเขาคงไม่มีโอกาสได้ส่งมอบของถึงมือลูกค้ารายใหญ่อย่างแน่นอน
“คนของเรารายงานมาว่ามันยังอยู่ที่ฝรั่งเศสครับ ตอนนี้ไอ้มาร์เวลมันกำลังหัวเสียใหญ่เลยครับ” ฟังคำรายงานจากลูกน้องจบ สตีฟก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกรอบ
“ฮ่ะๆๆๆ สะใจกูเสียจริง ไอ้มาเฟียผู้หยิ่งทระนง สุดท้ายมันก็มาเสียรู้กูจนได้” มาเฟียชั่วพูดเสียงกลั้วหัวเราะด้วยความพออกพอใจ เขาแสนจะสะใจเหลือคณาที่มาร์เวลทำพลาดในครั้งนี้ กลายเป็นเขาที่เอาชนะมันได้
“พวกมึงก็อย่าชะล่าใจ หากมันมีการเคลื่อนไหว ต้องรีบมารายงานกูทันที” ถึงแม้จะรู้ว่าของรอดพ้นจากมือของมาร์เวลแน่แล้ว แต่สตีฟก็ยังหวั่นว่าจะโดนคนเหลี่ยมจัดอย่างมาร์เวลตลบหลังเอาได้ จึงต้องออกคำสั่งกำชับลูกน้องให้ติดตามมาร์เวลทุกการเคลื่อนไหว
“ครับนาย” ลูกน้องค้อมหัวรับคำผู้เป็นนาย ก่อนจะออกไปทำตามคำสั่งที่เพิ่งได้รับเมื่อสักครู่
เมื่อเมลิด้า ฟิเลนเซ่ นางแบบสาวสวยและเซ็กซี่ เจ้าของฉายาเซ็กส์ซิมโบลคนล่าสุดของฝรั่งเศส ได้รับการติดต่อจากลูกน้องของมาร์เวล ว่าเขาต้องการพบหล่อนในค่ำคืนนี้ เจ้าของร่างเซ็กซี่ขยี้ใจก็กรี๊ดลั่นห้องด้วยความดีใจจนคอนโดหรูใจกลางกรุงปารีสแทบแตก ก่อนจะบรรจงแต่งองค์ทรงเครื่องมาตามเวลานัดของมาร์เวล เมื่อทั้งสองพบหน้าไม่มีคำทักทายเป็นคำพูด มีเพียงภาษากายที่ถ่ายทอดออกมาเท่านั้น





















































































































































