บทที่ 6 6

หญิงสาวร่างระหงในอาภรณ์สีขาวสะอาดตา เสื้อเกาะอกสีขาว เอวลอยจนเห็นหน้าท้องแบนราบ และกระโปรงยาวแนบพลิ้วกรอมข้อเท้า ทำให้เธอดูโดดเด่นที่สุดในผับแห่งนี้

สายตาของผู้ชายหลายคู่กำลังมองมาทางเธออย่างแทะโลมราวกับว่าเธอเป็นสินค้าชิ้นหนึ่งที่พวกเขาอยากทดลองใช้

แต่ดูเหมือนหญิงสาวที่ตกเป็นเป้าสายตาจะไม่สนใจใครเลย เพราะเธอยังคงทำงานของเธอต่อไปอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง หน้าเรียวเชิดขึ้นสูงอวดลำคอระหงราวจะบอกเป็นนัยๆว่าคนอย่างนาวิกา…มีความมั่นใจในตัวเองสูง ไม่หวั่นไหวต่อสายตาของใครง่ายๆหรอก

มีหลายต่อหลายคนที่เรียกเธอไปหาถึงที่โต๊ะ แล้วพูดจาเป็นเชิงเชิญชวนให้เธอยอมเข้าโรงแรมด้วยเพื่อแลกกับจำนวนเงินก้อนใหญ่ บางคนยิ่งซ้ำแล้วใหญ่…ถึงขนาดอยากได้เธอไปเป็นเมียน้อย โดยสัญญาว่าจะให้เธอได้ในทุกสิ่งที่เธอต้องการ ไม่ว่าจะเป็นรถ บ้าน หรือที่ดิน

แต่…เธอไม่สนใจข้อเสนอของพวกตัณหากลับเหล่านั้น เธอปฏิเสธไปชนิดไม่รักษาน้ำใจจนแขกหลายคนถึงกับออกอาการไม่พอใจ

นาวิกาเชิดคอให้สูงขึ้นเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของตัวเองให้กลับมาเต็มร้อยเหมือนเก่า

ก็จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อเธอสวย ผู้ชายหลายๆคนก็ต้องอยากเชยชมเป็นธรรมดา แต่อย่าหวังเลยว่าเธอจะสนใจพวกไก่แจ้ทั้งหลายพวกนี้ ไม่มีวันเสียหรอก!

เมื่อหลงตัวเองเสร็จแล้ว ขาเรียวก็ก้าวฉับๆเดินไปเสิร์ฟน้ำเมาตามโต๊ะต่างๆด้วยสีหน้าที่เริ่มดีขึ้น ดวงตากลมโตเป็นประกายวิบวับยามเมื่อต้องกับแสงไฟที่เธอเห็นจนเริ่มจะชินตา

ทำงานต่ออีกไม่นาน เจ๊เจ้าของผับที่ชื่อสวยสมก็เดินมาสะกิดไหล่เธอยิกๆ

“มีอะไรเหรอคะ”  นาวิกาหันมาถามอย่างงงๆ

“ไปดูแลแขกโต๊ะนู้นหน่อยสิ” สวยสมทำท่าบุ้ยปากไปทางโต๊ะที่มีผู้ชายหัวล้านคนหนึ่งนั่งอยู่ แถมคนหัวล้านที่มีผมแซมตามข้างกกหูยังมองมาทางเธอด้วยสายตาหวานฉ่ำอีกต่างหาก

“เอ่อ ให้ฉันไปเหรอคะ” หญิงสาวชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างงงๆ

“ใช่ ไปเลย” สวยสมดันแผ่นหลังของเธอให้ออกเดิน สายตาเจ้าเล่ห์ของเจ้าของผับทำให้นาวิการู้สึกสะกิดใจอย่างประหลาด ก่อนที่ความรู้สึกนั้นจะเริ่มจางลงไปเมื่อเธอจำใจต้องเดินไปหาแขกหัวมันวับคนนั้นอย่างไม่เต็มใจ

“มาดื่มด้วยกันสิจ๊ะน้องสาว” คนหัวล้านเชิญชวน เล่นเอานาวิกาแทบอยากจะอ้วก … วัยขนาดนี้น่าจะเป็นลุงของเธอได้แล้วล่ะ ไม่น่ามาเรียกเธอว่าน้องสาวเลย ฟังแล้วขยะแขยงชอบกล

“ค่ะ” เธอจำใจต้องทรุดกายลงนั่งพร้อมรับแก้วที่มีน้ำสีอำพันบรรจุอยู่มาดื่มลงคอ

“น้องนี่สวยมากเลยนะจ๊ะ พี่ชื่อบุญรอด” พ่อหนุ่มไก่แจ้แนะนำตัวเอง เล่นเอานาวิกาแทบอยากจะกรี๊ดออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ

โอ้ พระเจ้า…นายคนนี้ทั้งหัวล้าน พุงยื่น มีทองเส้นโตคล้องที่คอ มาดเหมือนอาเสี่ยแบบนี้ ไม่น่าชื่อบุญรอดเลย น่าจะชื่อ‘ขุนช้าง’มากกว่า

“แล้วน้องชื่ออะไรจ๊ะ นกกาใช่ไหม”

แน่ะ นอกจากจะหน้าเหมือนตัวละครในวรรณคดี (ขุนช้าง) แล้ว เขายังรู้ดีในเรื่องของคนอื่นอีกด้วย

“ใช่ค่ะ” หญิงสาวตอบอย่างประหยัดคำพูด พลางยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบต่อด้วยท่าทางเซ็งๆ

“หนูนี่หน้าตาเหมือนนางเอกเลยนะจ๊ะ”

“จริงเหรอคะ” คราวนี้หูของเธอเลยเริ่มกระดิกขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้รับคำชม

“จริงสิ ผิวแทนๆ หน้าตาออกไทยๆเหมือนนางในวรรณคดีเลย” หนุ่มบุญรอดยังคงหยอดคำหวานต่อไปจนนาวิกาเริ่มอารมณ์ดี จะว่าไปแล้ว…นายบุญรอดนี่ก็นิสัยดีนะ

“เหมือนนางในวรรณคดีเชียวเหรอคะ”

“ใช่จ้ะ เหมือนนางพิมพาเลย” บุญรอดยิ้มกริ่ม แต่นาวิกากลับหน้าบึ้งอย่างไม่พอใจ

“เหรอคะ แต่ฉันไม่อยากเป็นนางพิมพาหรอกนะ”

“อ้าว ทำไมล่ะ” บุญรอดถามอย่างสงสัย

“ก็เพราะว่าพิมพาต้องกลายเป็นเมียขุนช้างน่ะสิคะ”

“อ้าวเหรอ ฮะๆ” บุญรอดผู้ที่ยังไม่รู้ตัวว่าโดนนาวิกาแอบตั้งฉายาให้ในใจว่า‘ขุนช้าง’หัวเราะออกมาอย่างขบขัน ก่อนจะชวนหญิงสาวคุยเรื่องอื่นๆไปเรื่อยๆ ในขณะที่เธอเองก็จิบแอลกอฮอล์ในแก้วจนหมด

เมื่อดื่มจนหมดแก้วแล้ว หญิงสาวก็รู้สึกมึนหัวอย่างบอกไม่ถูก ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเบลอ สมองเตือนเธอว่า…เธอโดนวางยา!!

“ในแก้วเหล้าที่ฉันกินเข้าไป…มันมีอะไร” เธอถามออกมาด้วยเสียงที่ขาดเป็นห้วงๆ แต่ยังไม่ทันจะได้รับคำตอบ นาวิกาก็ฟุบหน้าหมดสติคาโต๊ะเข้าเสียก่อน

“หึ” บุญรอดกระตุกยิ้มอย่างสมใจ ก่อนจะลุกขึ้นมาอุ้มร่างบางแนบอกแล้วพาเธอออกไปจากผับด้วยท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง โดยไม่รู้เลยว่า…มีสายตาคมกริบของใครบางคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลคอยจับตามองมาโดยตลอดตั้งแต่แรกแล้ว ก่อนที่ศิวาจะถอนใจเฮือกแล้วลุกขึ้นเดินออกไปนอกผับอย่างเงียบเชียบ!!

ท่ามกลางความรู้สึกเลือนราง เธอรู้สึกเหมือนกำลังโดน…ฮิปโปทับ!

นาวิกาขยับกายอย่างอึดอัด ยิ่งพยายามผลักไส ฮิปโปตัวนั้นก็ยิ่งรัดเธอแน่นมากขึ้นจนหญิงสาวรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก

เมื่อสติเริ่มกลับมา ภาพตรงหน้าก็เริ่มชัดเจน เธอจึงเห็นบุคคลที่เธอคิดว่าเป็นฮิปโปได้อย่างถนัดตา

บทก่อนหน้า
บทถัดไป