บทที่ 8 Chapter 7
“ร้านหมั่นโถวนี่นา แสดงว่าคุณย่าต้องผ่านมาแถวนี้แน่นอน” ชายหนุ่มรีบเดินตรงไปที่ร้าน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับกับที่กิ่งฉัตรเดินออกไปพอดี เขาปรายตามองหญิงสาวด้วยความรู้สึกอยากเอาคืน แต่การหายไปของคุณย่าทำให้ครูซไม่สามารถตามไปตอแยหาเรื่องกิ่งฉัตรได้
“ขอโทษนะครับ มียายแก่ๆ แต่งตัวดูดี เดินมาซื้อหมั่นโถวไหมครับ” ครูซก็คือครูซ เขาเป็นคนไม่เรื่องมาก ถามไม่คิดตอบไม่เคยตรงคำถาม กวนประสาทคนรอบข้าง เพื่อปกปิดสิ่งที่ขาดหาย เพราะชายหนุ่มขาดบิดามารดาให้ความอบอุ่น ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่คุณนายเรไรตามใจหลานชายจนเขาแทบเสียคน
“ถ้าจะให้ตอบ คงต้องนั่งนึกทั้งวัน เพราะลูกค้าแต่ละคน มีตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงคนแก่ แต่ไม่รู้นะว่ามีใครบ้าง เพราะไม่ได้สังเกตขนาดนั้น ขอโทษจริงๆ นะคะ ที่เราให้คำตอบคุณไม่ได้”
“อ่อ... ยายใส่เสื้อสีอะไรวะ” ชายหนุ่มพยายามนึก แต่ก็นึกไม่ออก เพราะเขาเองก็ไม่ได้สังเกตสีเสื้อของผู้เป็นย่า
“แล้วคนที่ใส่แว่นตา คนแก่ๆ ที่ใส่แว่นตาน่ะ ท่าทางผู้ดี พูดจาไพเราะพวกคุณจำลูกค้าไม่ได้เลยรึไง” ครูซพยายามที่จะอธิบายท่าทางรูปลักษณ์ รวมทั้งชุดที่คุณยายของเขาสวมใส่ แต่ไม่ว่าชายหนุ่มจะพูดยังไง ทุกคนในร้านต่างก็จำลูกค้าที่มาซื้อหมั่นโถวไม่ได้
“โธ่พ่อคุณ! จะคุยอีกนายไหมฉันจะซื้อของ” ลูกค้าอีกคนของร้านโวยวายเสียงดัง เพราะมีคนต่อคิวรอให้ครูซพูดจบประโยค แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคุยไปเรื่อย
“ขอโทษครับ ขอโทษนะครับ” แต่อย่างน้อยก่อนจะเดินออกไปจากร้าน ชายหนุ่มก็ยังมีมารยาทรู้จักกล่าวคำขอโทษคนที่ต่อแถวรอ
ทางด้านลูคัส เขาเริ่มร้อนรนใจ เพราะในเวลานี้ใกล้มืดค่ำเต็มที ไม่รู้ว่าคุณยายจะเป็นตายร้ายดียังไง ครั้นจะกลับไปรอที่บ้านก็ไม่ได้ เขาจึงสั่งให้มาลิคนำลูกน้องมาช่วยค้นหา แต่ไม่สามารถทำได้เต็มที่ เพราะกลัวมังกรจะสงสัย
ในเวลานี้ครูซได้เดินทางกลับบ้าน เพราะเขาเชื่อว่าผู้เป็นย่า จะต้องกลับมาหลังจากที่นางพอใจ หลังเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศนอกบ้าน นานแค่ไหนแล้วที่คุณนายเรไรไม่ได้ออกไปข้างนอก
บางครั้งทรัพย์สินเงินทองก็ไม่ไดช่วยอะไร ถ้าหากชีวิตต้องอยู่ในคฤหาสน์ที่ไร้สีสัน นั่นคือเหตุผลที่ครูซเบื่อ เขาไม่ชอบนายแพทย์อย่างลูคัส ที่มักจะเคร่งครัดจริงจังกับชีวิตในทุกเรื่องจนเกินไป
หลังจากหลบไปใช้ความคิด เพื่อตรึกตรองสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับชีวิตของเธอ แก้วกานดาได้ตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน พลางนึกถึงงานที่เหมันต์เสนอให้มานามบัตร เธอคงต้องทำตัวให้ชินกับสถานที่เสียงดังแบบนั้น แต่เรื่องใหญ่กว่างานในผับ คือหญิงสาวไม่รูว่าจะบอกมารดายังไงดี กนกคงไม่ยอมให้ทำงานเสี่ยงอันตรายเช่นนี้แน่
“ใครกัน มานั่งอยู่ในบ้าน เวลาพลบค่ำแบบนี้” หญิงสาวค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องรับแขก ซึ่งมีเฟอร์นิเจอร์เก่าๆ แต่ก็ดูสะอาดสะอ้าน
“มาพบใครคะ” เพียงแค่ได้ยินเสียงหวานของแก้วกานดา คุณนายเรไรค่อยๆ หันไปทางต้นเสียง พร้อมกับดวงตาลุกวาว เต็มเปี่ยมไปด้วยความดีใจ
“ประกายแก้ว! แม่ประกายแก้วจริงๆ ด้วย หนูแก้วลูกสะใภ้ของฉัน” หญิงสูงวัยลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปโน้มแก้วกานดาเข้ามาสวมกอดเอาไว้ หญิงสาวทำอะไรไม่ถูก เธอเอาแต่ยืนนิ่งยอมให้คุณนายเรไรกอดอยู่อย่างนั้น ซึ่งในเวลานี้น้ำตาของนางได้ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว จนแก้วกานดารู้สึกสงสารจับใจ
“ดะ ดะ เดี๋ยวก่อนค่ะคุณยายขา... หนูชื่อแก้วกานดา ไม่ใช่ประกายแก้ว คุณยายกำลังจำคนผิดหรือเปล่าคะ” เมื่อเห็นว่าหญิงสูงวัยเริ่มร่ำไห้ออกมา จนนางสะอึกสะอื้น แก้วกานดารีบอธิบายตัวตนของเธอออกมาทันที เพราะไม่อยากให้นางเข้าใจผิดมากไปกว่านี้
“ฉันจะจำผิดได้ยังไง ก็หนูแก้วคือผู้หญิงที่ฉันเลือกเอาไว้ หมายมั่นปั้นมือให้มาเป็นสะใภ้ ไลอ้อนยังเคยบอกเลยว่า ฉันตาแหลมที่เลือกประกายแก้วมาเป็นภรรยาของเขา”
“คุณยายนั่งก่อนนะคะ เดี๋ยวแก้วเอาของไปเก็บก่อนแล้วจะมาคุยด้วย”
“ได้สิ อย่าไปนานนะ”
“ไม่นานหรอกค่ะคุณยาย ห้องนอนของแก้วอยู่ใกล้ๆ นี้เอง” แก้วกานดาส่งยิ้มบางๆ ให้กับหญิงสูงวัย จากนั้นเธอจึงได้เอาเอกสารสมัครงานไปเก็บ พลางนึกถึงคำพูดของหญิงสูงวัย ก่อนจะเดินเข้าไปหากนกในครัว
“แม่ค่ะ”
“อ้าว! กลับมาแล้วเหรอลูก ไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวจะได้หายเหนื่อย แล้วค่อยลงมากินข้าวกินปลากัน แม่ทำมื้อเย็นจวนจะเสร็จแล้ว” กนกหันไปส่งยิ้มให้กับลูกสาว ทั้งที่นางเองก็เพิ่งกลับจากทำงานเช่นกัน แต่ก็ไม่บ่นเหนื่อยสักคำ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ เดี๋ยวแก้วช่วย”
“เป็นไงบ้าง พอจะมีที่ไหนโชคดี มองเห็นเพชรน้ำงามในตัวลูกสาวคนนี้ของแม่บ้างหรือเปล่า แก้วทั้งสวยทั้งเก่ง ถ้าไม่มีที่ไหนต้องการ นั่นก็แสดงว่าพวกเขากำลังพลาด ที่ไม่รู้ว่าแก้วมีความรู้ความสามารถมากแค่ไหน”
“เรื่องงานเอาไว้ทานข้าวเสร็จค่อยคุยกันนะคะแม่ ว่าแต่คุณยายที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก ใครกันคะแม่” หญิงสาวพูดพลางหยิบจานขึ้นมา เพื่อเตรียมตักข้าว ซึ่งแก้วกานดาคิดว่ายังไงหญิงสูงวัยก็คงรับประทานมื้อเย็นกับพวกเธอ
“อ๋อ... คุณยายพลัดหลงกับหลานชายของเขาที่ตลาด ทานมื้อเย็นเสร็จแก้วกับกิ่งพาคุณยายไปส่งที่บ้านให้แม่ทีนะลูก” กนกพูดพลางยกอาหารออกไปวางบนโต๊ะ ขณะที่แก้วกานดามองตามหลังมารดาออกไปด้วยความแปลกใจ
“มาแล้วค่ะหมั่นโถวของคุณยาย”
“กิ่งมาพอดีเลย พาคุณยายมานั่งเลยลูก”
“ไปทานข้าวกันค่ะคุณยาย วันนี้กิ่งเกือบมีเรื่องกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ เขาช่างนิสัยเสีย มารยาททราม รวมๆ แล้วมีดีแค่หน้าตา” พอหยิบหมั่นโถวใส่จาน กิ่งฉัตรก็มีท่าทีหน้าบูดหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับ
“ยัยกิ่งพูดอะไรออกมาเกรงใจคุณยายบ้างสิ”
