บทที่ 4 ยัยเปิ่นเอ้ย
นับตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ขิมยังไม่เคยโดนคนแปลกหน้าที่รู้จักกันไม่ถึงครึ่งวันกระเตงเธอขึ้นบ่าแบบนี้เลย
...หมอนี่คือคนแรก .. แถมยังอุ้มซะสำเร็จด้วย เพราะเธอดิ้นไม่ได้จนกระทั่งมาถึงที่หมาย ตุบ! คือรถคันเดิม ที่เธอปีนขึ้นมาเมื่อเช้า
" โอ้ยเจ็บนะ "
" กระแทกกับเบาะแค่ทำเป็นร้อง ถ้าร่วงหล่นพื้นเมื่อกี้จะหนาว หนักแทบตาย ดิ้นอยู่ได้ "
เคลบ่นอุบ ก่อนจะปิดประตูใส่ ไม่ทันที่ขิมจะโวยคืน
" แล้ว.."
ปัง!
" อ๊ะ "
เล่นเอาร่างงามเจ้าของแผลถึงกับเงิบ มาต่ออีกทีก็ตอนที่เขาขึ้นมานั่งอีกฝั่งนึงข้ามแล้ว
" แล้วใครสั่งให้คุณอุ้มเล่า!"
" ไม่มี!"
" ก็แล้ว..."
เอิ่ม ดูคำตอบเขาสิ แบบนี้ขิมจะไปถูกได้ยังไง ทำเอาเจ้านางขากรรไกรค้าง เงียบกริบเป็นปลิดทิ้ง เปลี่ยนมานั่งกอดอกแทน แล้วมาอ้าปากค้างอีกที เพราะประโยคนี้
" รัดเข็มขัดด้วย"
" ห๊ะ.."
" ผมหิวข้าว เผื่อผมโมโหคันข้างหน้า เผลอเหยียบเบรคกะทันหันเข้า "
..หมอนี่นี่มัน...
" แล้วอย่าด่าในใจนะ เพราะมันจะทำให้ผมหัวร้อนได้เช่นกัน "
พรวด!!
" O.O"
"แน่ะ ตาเท่าไข่ห่าน แสดงว่านินทาผมอยู่ นิสัยไม่ดีเลยเด็กคนนี้"
" อะไรของคุณเนี่ยคุณเคล คิดเองเออเองอยู่ได้ ถนัดนักเหรอ ใส่ร้ายคนอื่นเขาเนี่ย "
ขิมตอกกลับทันควัน เพราะเคลเผลอมาจี้ต่อมแทงใจดำของเธอเข้า ทว่า เขาเปล่าหันมาหรี่ตามองเพราะเรื่องนี้นะ แต่เพราะชื่อเขาต่างหาก
" รู้จักชื่อผมได้ไง "
" คะ? " ที่ทำขิมชะงักไป
" สืบมาเหรอ "
" ป๊าวค่ะ!"
" เฮอะ.."
ก่อนทั้งคันรถจะเงียบ เพราะขิมไม่กล้าแหยมเขาอีกเลย เธอรู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้เขาขั้นเทพเกินไปแล้ว พูดอะไรมักรู้หมด ประมาณว่า...ไม่เป็นนักจิตวิทยา ก็ชีวิตโชกโชนอะ..
..ร้านอาหาร...
แกรก..
เคลดึงเบรคมือขึ้นทันทีเมื่อมาถึง ก่อนจะหันไปถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
" เดินไหวไหม "
" ที่นี่ที่ไหนคะ " ในขณะดูเหมือนว่าเธอกำลังจะงง
" คุณตอบให้มันตรงคำถามสิ "
เอิ่ม.. กับประโยคนี้ ...นี่โมโหหิวใช่มะ... เธอคิด
" ถ้าไหวก็ลง "
" ค่า...เดินไหวค่า กำลังจะทำตามคำสั่ง หาที่ลงแปป.."
เธอบอกเสียงเป็ด ประโยคหลังพึมพำคนเดียว ก่อนจะหาที่พยุงตัวเอง ทำเอาเคลกลั้นที่จะส่ายหน้าเอาไว้ไม่อยู่ เขามองท่าทางเหงอะๆหงะๆของขิม ถึงกับอมยิ้ม แล้วเดินไปช่วยพยุงภายหลัง
" เชิญค่ะ..^^"
ในจังหวะพนักงานเดินมาต้อนรับพอดี ก่อนทั้งคู่จะพากันเดินไปนั่งตรงโต๊ะว่างริมน้ำ
" ชอบทานอะไรเป็นพิเศษไหม ที่นี่อาหารอร่อยนะ เอาสิ.. ผมเลี้ยง " เคลผายมือเชื้อเชิญ ในจังหวะขิมพึมพำ
" ก็แหงอะสิ ร้านอย่างกับภัตตาคารแบบนี้ใครจะเลี้ยงคุณไหว.."
" ว่าไงนะ"
" อ๊ะ..เปล่า.."
" เมื่อเช้าสมองกระแทกฟุตบาทด้วยเหรอ" เคลถาม ขิมถึงกับงง
" ทำไมคะ "
" ถึงได้เพี้ยนอยู่นี่ไง หลายครั้งแล้วนะ ที่ผมสังเกตุเห็นคุณคุยกับหน้าอกของตัวเอง "
" ห๊า.."
กับคำถามนี้ ที่ทำเอาพนักงานรอรับออเดอร์หลุดขำไปด้วย ก่อนจะเอาปิดปากสำรวมหลังนึกขึ้นได้
" นี่คุณ!"
" สั่งสิ พี่เขารอนานแล้ว "
" ชิ.."
" ชอบกินอะไรเป็นพิเศษ จัดเลยครับ "
เคลบอกย้ำ แทรกในจังหวะที่ขิมกำลังจะพูดพอดี ก่อนจะมาชะงักซะเองก็ตรงเมนูนี้ ที่คนสั่งโคตรจะเปิ่น แกล้งเขาไม่ดูสถานที่
" เอา ..ผัดผักบุ้งไฟแดง ไข่เจียวกรอบๆ แล้วก็เอ่อ..ยำปลากระป๋องเผ็ดๆ อย่างละจานค่ะ ^^"
" หะ!"
เคลถึงกับเงียบกริบ ปั้นหน้าขรึมไม่พูดอะไรต่อ หลังจากที่ขิมสั่งอาหารแบบนั้น เขารู้เธอแกล้งให้เขาขายหน้า ทว่า ไม่เป็นไร สำหรับเขาเรื่องแค่นี้มันจิ๊บๆ
" ตามเธอว่านั่นล่ะครับ ข้าวอีกสองจาน "
ก่อนเคลจะปิดเมนูตรงหน้าตัวเองแล้วหันไปพยักหน้าให้พนักงาน ที่ตอนนี้มีความอึ้งอยู่เต็มพิกัด
" คะ..ค่ะๆ "
ตอบรับคำอย่างเลี่ยงไม่ได้ น้อมหัวให้พลางเดินคอตกออกมา ในขณะเคลหันไปมองขิมตาเขียว แต่เธอกลับยักไหล่ ยิ้มกว้างยียวน
" ฮึ.."
ทว่ามีเหรอ เคลจะสะท้กสะท้าน เขากำลังคิดจะเอาคืนยังไงให้สาสม
... เด็กคนนี้จะแก่แดดเกินไปแล้ว....
..สิบนาทีผ่านไป.. อาหารยกมาเสิร์ฟ เรียงรายลงตรงหน้า ก่อนขิมจะห่อปากร้องฮู้ด้วยความฟิน พลางจ้วงใส่จานตัวเองอย่างไม่เกรงใจคนตรงหน้า
"ฮูย.. ไม่เกรงใจละน้า.."
วินาทีนี้เชื่อไหม ความคิดของเคลเปลี่ยนไปทันที เขาไม่ได้มองว่าขิมเป็นเด็กเสียมารยาท แต่กลับมองว่าเธอเป็นคนง่ายๆ ไม่ได้มีอีโก้ หรือยึดติดกับอะไรเหมือนผู้หญิงทั่วไปที่เขารู้จัก เสียอย่างเดียวก็ตรงที่ว่า เธอจะหัวเสียทุกครั้ง หากมีใครมาทำลายสมาธิเธอ
...อาทิเช่น การกวนประสาท...
" อ่าวคุณ ..ไม่ทานเหรอ รึทานไม่ได้ "
เธอไม่ได้แคร์ด้วยซ้ำ ว่านี้น่ะมันคือภัตตาคารอาหารหรู เสมือนอยากกินอะไรก็ได้ที่อยากจะกิน เพราะเป็นคนจ่ายเงิน
" กินสิ หิวจะแย่อยู่แล้ว "
เคลไม่ได้จำใจพยักหน้าเพื่อจะเอาชนะ ก็อยากจะกินมันจริงๆนั่นแหละ เขาไม่ได้รังเกียจอาหารเหล่านี้
เขารู้ดี..มันอร่อยอีกแบบนึง สำหรับคนชั้นกลาง เป็นอาหารที่ทำง่ายและรวดเร็วทันใจ สมัยตอนเป็นทหารเกณฑ์เขาก็เคยทานมันมาแล้ว ตอนนั้นแย่งกันกับเพื่อน เขาคิดว่ามันสนุกมาก มาคราวนี้ กับผู้หญิงคนนี้
... เขารู้สึกว่ามัน... ..เจ๋งกว่า...
เสร็จภารกิจเลี้ยงข้าวปลอบขวัญของเคล เขาก็อาสามาส่งขิมที่หอ ในขณะที่ไม่ได้ตั้งใจจะประคองเข้าไปจนสุด ทว่า เธอนั้นเดินไม่ได้ ยิ่งนานแผลที่เป็นยิ่งตึง ลำบากเคลต้องพาไปส่ง และนั่นก็คือปัญหาที่เริ่มจะเกิดขึ้น เคลมั่นใจแล้วร้อยเปอร์เซ็น
ขิมเป็นเด็กต่างจังหวัดที่มาอยู่ที่นี่จริงๆ แต่มาอยู่กับใครนั้นตรงนี้เขาไม่รู้ เพราะไม่ได้ไปส่งเธอถึงห้อง มันคงจะดูไม่งามหรอกมั้ง หากนักธุรกิจอย่างเขาที่มีชื่อเสียงในหมู่สาวๆพอควร จะอุ้มผู้หญิงขึ้นหอ
“ ขอบคุณมากค่ะ “
ขิมยกมือไหว้ ก่อนจะหมุนตัวเตรียมจะขึ้นขั้นบันไดเมื่อมาถึง ทว่า จังหวะนั้นเคลฉวยแขนเธอไว้ซะก่อน
“ เดี๋ยวครับ..”
“ คะ?”
ซึ่งเป็นการกระทำที่ขิมงงมาก ก่อนจะมาเข้าใจก็ตรงคำถามนี้
“ ชื่ออะไร “
นั่นถึงกับทำให้ขิมอมยิ้มน้อยๆทันที ช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูงกว่า
“ ไม่บอกค่ะ “
“ หืม..” ก่อนเคลจะเลิกคิ้ว บ่งบอกถึงความไม่เข้าใจ
“ ทำไม?”
“ เพราะเดี๋ยวเราก็ไม่เจอกันแล้ว “
“ รู้ได้ไง “
“ คะ?”
“ รู้ได้ยังไงว่าจะไม่ได้เจอกันอีก “ เคลถาม ขิมถึงกับขมวดคิ้ว ไปต่อไม่ถูก
“ จะเจอได้ยังไงกันคะ ในเมื่อเราไม่มีอะไรติดค้างกัน “
“ ก็ใช่ เราอาจจะไม่มีอะไรติดค้างกัน แต่ถ้าผมอยากจะเจอคุณอีกล่ะ มาหาที่นี่ได้ไหม “
“ ห๊ะ!! “ กับคำถามนี้ที่เล่นเอาขิมกึ่งขำกึ่งเขิน
“ ตลก ..อะไรของคุณเนี่ย “
“ เปล่า ผมก็แค่ถาม ว่ามันจะได้ไหม “
“ แล้วจะมาเจออีกทำไม ..จีบหนูเหรอ? ”
ขิมแกล้งลองเชิงถาม แต่ทว่า ดูเหมือนเคลจะไม่เล่นด้วย หน้าเขาขรึมเกินไป แล้วก็...
“ ขอเบอร์หน่อย “ พร้อมกับมือที่แบออกมา
" คะ..คุณ..”
“ เอาโทรศัพท์มาสิ จะกดเบอร์ให้ “
“ คุณโอเคไหมเนี่ย “
เจ้าของร่างบางหน้าตาจิ้มลิ้ม แต่ปากแรงใช่ย่อย ถึงกับอ้าปากค้าง ตาเบิกกว้าง อย่างไม่อยากจะเชื่อหูทันที
“ ผมโอเคสิ “
“ มาจีบเด็กอย่างหนูเนี่ยนะ “ ชี้นิ้วตรงอกตัวเอง
“ นี่..อย่ามัวแต่มึนได้ไหมครับ เอาโทรศัพท์มา “
“ ห๊ะ..”
และคำถามนี้อีกคำถาม ที่ทำขิมงงไปใหญ่ ในขณะมือเผลอล้วงโทรศัพท์ออกมาถือไว้ นั่นทำให้เคลสามารถฉกเอาไปได้เฉยเลย
“ ก็แค่เนี้ย “
“ อ๊ะ”
ติ้ด ติ้ด ติ้ด
ก่อนจะกดปุ๋มรวดเดียวจบ แล้วยื่นกลับมาให้
“ อะ..นี่เบอร์ผม “
“ ...”
“ ไว้มีตำแหน่งว่างเมื่อไหร่ แล้วจะโทรมาเรียกนะ “
พลางหมุนตัวเดินไปทันที ไม่ทิ้งจังหวะให้ขิมได้คุยต่อ
“ อะ ..เอ่อ..” ปล่อยเธอให้ยืนกระพริบตาปริบๆ อยู่ภายหลัง
" อะไรของเขาวะนี่..คนบ้าอะไรลึกลับชะมัด "
มันคงจะเป็นเรื่องปกติ ที่อยู่ดีๆขิมจะนอนไม่หลับขึ้นมา หลายครั้งที่เธอเปลี่ยนท่านอนนับไม่ถ้วน ถอนหายใจเฮือกๆ เสมือนกำลังขัดใจอะไรอยู่
“ ไอ้หมอนั่น...”
ในตาเธอมีแต่ภาพเคลื่อนไหวของเคลเต็มไปหมด ทั้งเสียงอบอุ่นนั่นที่ฟังสบายหู กับการกระทำที่คนแรกพบปกติเขาไม่ทำกัน ซึ่ง..มันทำเธอหงุดหงิดชะมัด
“ โอ้ย..อะไรเนี่ยขิม “
จนกระทั่งพรีมที่นอนกันอยู่ข้างๆกัน ตื่น ยันตัวขึ้นมาชะโงกถามเสียงฉุน
“ เฮ้อ..เปล่า “
“ พลิกไปพลิกมาหลายรอบแล้วนะ “
“ ฉันนอนไม่หลับน่ะ “
“ อย่าบอกนะว่าเครียดเรื่องงานที่ยังหาไม่ได้น่ะ ขิม...แค่แกรอดมาได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว “
อันที่จริงเธอเจ็บแผลด้วยแหละ เพียงแต่เหตุผลนี้มันมีน้อยกว่าหน้าเคลที่แว้บเข้ามาในโซนประสาทเธอนิดนึง ซึ่งมีเป็นระยะๆ ซะน่าขนลุก
“ โอ้ย บ้าเอ๊ย! “
“ หืม...อะไรของแกน่ะ “
ในขณะพรีมตอนนี้งงไปหมดแล้ว เธอขมวดคิ้วเข้าหาหันเป็นโบว์ ก่อนจะเอี่ยวตัวไปเปิดไฟตรงหัวเตียง
“ โวยวายอะไร เจ็บแผลเหรอ”
“ คงงั้นมั้ง “
“ อ่าวแล้วนั่นจะไปไหน “
“ กินน้ำ “
เป็นจังหวะเดียวกับที่ขิมลุกออกมาพอดี เธอเดินตะแผลกๆมาจนกระทั่งถึง กินน้ำอย่างที่ว่าเสร็จก็เดินเข้าห้องน้ำ โดยไม่วายถือโทรศัพท์มาด้วย
“ ฉันล่ะงง..”
ส่ายหน้าเอือมระอาตัวเอง หลังขึ้นนั่งบนชักโครก ขยี้ผมจนยุ่งเหยิงไปหมด
“ จะไปนึกถึงเขาทำไม จะไปนึกทำไม ทำไมไม่หลับไม่นอนว้า...”
ถึงแม้เธอจะยอมรับว่าเคลเป็นคนมีเสน่ห์มาก และเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอยอมรับว่าหล่อก็เถอะ!
...ทั้งๆอันที่จริง เธอไม่ใช่คนที่จะแพ้ความหล่อง่ายๆแบบนี้เลย...
“ โอย! “
แต่รู้อะไรไหม บางอย่างขิมก็คิดผิด สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิง่ที่เป็นก็ได้ เคลอาจจะดูดีที่สุดในตอนที่เขาทำงาน อาจจะดูเป็นสุภาพบุรุษที่สุดในตอนที่เขานั้นใส่สูท
แต่ทว่า ไม่ใช่ตอนนี้... ที่คนเจ้าชายเขาจะมาอยู่ที่นี่
...ผับไฮโซ ที่มีฉายาว่า อยู่อย่างราชา ศักดินาอย่างฮาเร็ม....
“ วันนี้มีพริตตี้มาใหม่เว้ย “
เสียงเจ้าของผับเดินเข้ามากระซิบกลุ่มของเคล ที่ตอนนี้ต่างพากันตึงกึ่งจะเมาแล้ว สี่คนนรก เดอะแกงค์เสือผู้หญิงที่ใครๆเขาขนานนามกัน ราตรีนี้มาสุมหัวกันอยู่ที่นี่ บนโซฟาสีดำทมิฬนี้จุดอับของผับนี้
“ จริงเหรอวะ เคลสนใจเปล่า เขาเอามาให้มึงลองอีกแล้ว “
ในขณะที่เพื่อนคนนึงหันมาถาม เคลกลับนั่งหมุนแก้วเล่น จนไวน์สีเข้มตรงก้นหมุนไปตามมือ
“ ไม่ล่ะ ไม่มีอารมณ์ “
ก่อนจะตอบเสียงทุ้มหน้าตาย
“ เฮ้ย เป็นไปได้เหรอวะ “
“ ไม่หรอกม้างเคล ที่มึงจะพูดคำนี้ออกมา “
“ วันนี้กูมาแค่เมา “
เขาย้ำ ก่อนจะทำให้พรรคพวกที่นั่งอยู่หรี่ตามามองพร้อมกัน
“ ชี่..ไร้สาระน่า“
“ ของดีน่ะเว้ย สาวมหาลัยปี4 “
ก่อนจะเงียบกรึบกันหมด หลังเสียงเจ้าของผับพูดจบ และเคลเอ่ยคำนี้
“ เฮอะ..ของดีรึวะ? คงสู้คนที่กูเจอมาเมื่อเช้าไม่ได้หรอก ..เด็กปี1ในอนาคต เปรียบเสมือนดอกไม้หอมบนยอดต้น .. และกูก็..กำลังจะเด็ดมันมา “
ซึ่งนั่นผ่านไปประมาณสักสามวิ สิ่งที่เคลบอก ก็ทำให้เสียงครึกครื้นในวงเหล้ามีขึ้นมาอีกครั้ง
“ ฮู้วววว! “
“ก็นึกว่าอะไร ตกใจหมดนึกว่ามึงจะเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นท่านมหา ที่แท้ มันแอบเก็บของดีไว้กับตัวนี่เองเว้ย ฮ่าๆๆ “
“ ไอ้นี่มันร้าย “
ในขณะที่เจ้าตัวอย่างเคล เอาแต่นั่งมองแก้วไวน์ตรงหน้า พลางยิ้มที่มุมปากอย่างคนมีเลศนัย
