บทที่ 8 พี่ชายจิ่งฝาน

บทที่ 8

พี่ชายจิ่งฝาน

วันนี้ซาลาเปาขายหมดเกลี้ยง ตงตงเลยเก็บร้านเร็ว

ถังเหวินกับซานหลัวเฉินเห็นตงตงยกโต๊ะเก็บเข้าโรงเตี๊ยมก็ไม่กล้านั่งต่อ

ตอนนั้นเอง ถังเหวินเดินเข้ามายืนข้างๆ เด็กสาวแล้วถาม

“ตงตง เจ้าอยากเก็บโรงเตี๊ยมนี้ไว้จริงหรือ พ่อข้าบอกว่าค่าซ่อมบำรุงไม่ใช่น้อยๆ เลย เจ้ามีเงินขนาดนั้นเชียว ขายทิ้งไม่ดีกว่าหรือไง”

“ท่านถามอย่างนี้ หมายความว่าอยากเห็นบ้านข้าหมดตัว อยากให้ท่านพ่อข้าไม่มีทางเลือกหรือ”

“แต่งกับข้าไม่ดีตรงไหน บ้านข้ารวย เลี้ยงดูเจ้าได้”

ตงตงอ้าปากเตรียมแย้ง ทันใดนั้น เสียงทุ้มของจางไคเฮ่อพลันดังขึ้นข้างหลังเด็กหนุ่ม

“แต่ข้าไม่ยกนางให้เจ้า พอใจรึยัง”

“เหวอ!” ซานหลัวเฉินตกใจจนหลุดเสียงร้อง ก่อนจะรีบร้อนไปยืนหลบไกลๆ

ถังเหวินเองก็ถึงกับผงะ

“ท่านอาจาง!?”

จางไคเฮ่อเพียงแค่ปรายตามองเด็กหนุ่มทั้งสอง แล้วไปช่วยตงตงเก็บโต๊ะ

สมัยที่กุ้ยฉินยังมีชีวิตอยู่ ถังเหวินกับซานหลัวเฉินก็มาโรงเตี๊ยมตระกูลจางเป็นประจำ กุ้ยฉินเข้าใจความคิดของเด็กหนุ่ม การที่พวกเขามาป้วนเปี้ยนรอบๆ ตัวลูกสาวเพราะอยากสนิทด้วย แม้วิธีการนั้นจะผิดก็ตาม

กุ้ยฉินเป็นคนใจดี เลยมักจะเตือนเด็กหนุ่มอยู่เสมอ ‘บุรุษที่ดี ห้ามรังแกสตรีที่ชอบนะ ไม่เช่นนั้นจะถูกเกลียดมากกว่าถูกรัก’

นิสัยของถังเหวิน ชอบแสดงความรู้สึกทางตรงกันข้าม แม้จะฟังคำเตือนของกุ้ยฉิน แต่ยังคงเลือกวิธีเรียกร้องความสนใจด้วยการรังแกเด็กสาว

ด้วยความที่มีชนักติดหลัง พออยู่ต่อหน้าจางไคเฮ่อ เด็กหนุ่มทั้งสองจึงหวาดกลัว พากันหนีออกไป

จางไคเฮ่อกับตงตงมองตามหลังเด็กหนุ่มทั้งสองแล้วส่ายหัวด้วยความเอือมระอาพร้อมกัน สักพัก ตงตงถึงค่อยหันมาถามบิดา

“ข้าคิดว่าท่านพ่อจะนอนอยู่บ้านเสียอีก”

“ข้าไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ถึงขั้นต้องให้ลูกสาวหาเลี้ยง”

คำตอบของท่านพ่อทำเอาตงตงหัวเราะแห้งๆ

ถึงพูดแบบนั้น แต่จางไคเฮ่อก็ขังตัวเองในห้อง ปล่อยให้ลูกสาวหาเลี้ยงตั้ง 2 เดือนไม่ใช่หรือ

“ถ้าวันนี้เจ้าขายซาลาเปาไม่หมด ข้าต้องไม่มีทางเลือก ส่งเจ้าให้ไปแต่งกับถังเหวินหรือ”

จู่ๆ จางไคเฮ่อก็กล่าวอย่างประชด ทั้งยังดีดหน้าผากนางทีหนึ่ง

ตงตงกุมหน้าผากด้วยสองมือ ร้อง “โอะ!!” ด้วยความเจ็บ

“วิธีขายของเจ้าไปเรียนรู้มาจากไหน ช่างเจ้าเล่ห์เสียจริง”

ตงตงมองท่านพ่อตาคว่ำเพราะยังเจ็บหน้าผากอยู่ “ว่ากันว่า คนเรามักเปลี่ยนตามสถานการณ์ ข้าก็ต้องเรียนรู้การขายตามสถานการณ์สิเจ้าคะ”

“เป็นกิ้งก่ารึไง เปลี่ยนสีเร็วนักเชียว”

“ก็แหม...” ตงตงทำปากยู่

จางไคเฮ่อถอนหายเฮือกใหญ่ให้กับลูกสาว

ไม่นานนัก สองพ่อลูกก็เก็บของเสร็จแล้วพากันกลับบ้าน

จางไคเฮ่อสะพายตะกร้า มือหนึ่งหิ้วของ

ตงตงนั้นเดินตัวปลิวเพราะวันนี้มีคนช่วยถือของ

ในจังหวะที่กำลังเดินผ่านตรอกแห่งหนึ่งที่เป็นทางลัดกลับบ้าน ท่านพ่อยื่นแขนออกมาขวางตรงหน้ากระทันหัน

ตงตงชะงักเท้า เงยหน้าถามท่านพ่อ

“อะไรหรือ”

“ข้างหน้าเหมือนจะมีคนตีกัน”

ตงตงยื่นหน้าไปมอง เห็นชายวัยรุ่น 3 คนกำลังรุมซ้อมคนคนเดียว

พอมองไปที่คนถูกซ้อม ทันใดนั้นตงตงพลันรู้สึกว่าคุ้นหน้า

“พี่จิ่งฝาน?”

พอเด็กสาวโพล่งออกมา จางไคเฮ่อก็ลดมือลง ขมวดคิ้วแล้วทวนคำ

“จิ่งฝานหรือ?”

…..

…..

จิ้งฝาน ชายหนุ่มอายุราว 21-22 ปี เคยทำงานเป็นเสี่ยวเอ้อของโรงเตี๊ยมบ้านจาง จิ้งฝานมีนิสัยซื่อๆ ถึงจะไม่ค่อยฉลาด แต่กลับมีใจรักงานบริการ ที่สำคัญคือซื่อสัตย์ต่อนายจ้าง

หากตงตงจะจ้างพนักงานสักคน คงเลือกจิ่งฝานเข้าทำงานคนแรก

เด็กสาวเงยหน้ามองท่านพ่อ ปากเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มเรียกบิดา

“ท่านพ่อ”

“เอ้อ เข้าใจแล้ว”

จางไคเฮ่อตอบรับลูกสาว ก่อนจะวางซึ้งนึ่งกับตะกร้าที่สะพายบนหลัง เดินเข้าไปทางกลุ่มวัยรุ่นพวกนั้น

“พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่ มันเกะกะผู้อื่นรู้หรือไม่”

จางไคเฮ่อไม่เพียงใช้น้ำเสียงขึงขัง ยังขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ

วัยรุ่นทั้งสามที่รุมซ้อมจิ่งฝานตกใจถึงกับวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิง

เมื่อคนพวกนั้นไปแล้ว จางไคเฮ่อก็พยุงจิ่งฝานขึ้นจากพื้น

“เป็นอะไรหรือไม่”

ชายหนุ่มร่างผอมเงยหน้าขึ้น เบ้าตากับมุมปากของเขาเขียวช้ำ ทั้งร่องรอยเก่าและใหม่ เห็นปุบก็รู้ทันทีว่าเขาไม่ได้ถูกซ้อมครั้งแรก จางไคเฮ่อมองอีกฝ่ายด้วยสายตานึกสงสาร

ขณะเดียวกัน จิ่งฝานพอเห็นว่าคนมาช่วยคือจางไคเฮ่อ ก็ผุดรอยยิ้มซื่อๆ ออกมาทันที

“เถ้าแก่จาง ขอบคุณขอรับ”

“ข้าไม่ใช่เถ้าแก่แล้ว อีกอย่าง หากจะขอบคุณก็ไปบอกตงตงเถอะ นางรู้ว่าเป็นเจ้าตั้งแต่แรก” จางไคเฮ่อพูดพลางชี้ไปที่เด็กสาว

จิ่งฝานมองตามปลายนิ้ว พอเห็นตงตงยืนอยู่ไม่ไกล เขาก็โบกมือตะโกนเรียกอย่างดีอกดีใจ

“ตงตง!”

ทั้งสองคนเดินกลับมาหาตงตง

“พี่จิ่งฝานเจ็บมากหรือไม่ ว่าแต่ ท่านมาทำอะไรตรงนี้หรือ”

จิ่งฝานส่ายหน้า “ไม่เจ็บหรอก พอดีเลย ข้ากำลังจะไปรอเจ้าที่บ้าน”

“พี่จิ่งฝานมาหาข้าหรือ ทำไม”

นางถามพร้อมชี้หน้าตัวเอง

จิ่งฝานก้มหน้าลง จิ้มนิ้วเล่นด้วยท่าทีเขินๆ

“คือว่า…ข้าอยากมาของานกับเจ้า”

“ข้า…งาน?”

“ข้าได้ยินว่าซาลาเปาของเจ้าขายดีมากๆ ก็เลย…” จิ่งฝานพูดได้แค่นั้นก็เงียบ ผ่านไปสักครู่ ค่อยเอ่ยขึ้นมาใหม่ “จริงๆ แล้ว ข้าอยากกลับมาทำงานกับโรงเตี๊ยมตระกูลจาง ข้าไม่เคยลืมที่นั่นเลย น้ากุ้ยฉินดีกับข้ามาก ถ้าไม่จำเป็น ข้าไม่ออกไปทำงานที่อื่นหรอก”

ตอนที่โรงเตี๊ยมตระกูลจางเริ่มขาดทุน พนักงานคนอื่นๆ ต่างทยอยกันออก หากเป็นตงตงก็เลือกทำแบบนั้นเหมือนกัน

ดังนั้นตงตงคิดว่าการตัดสินใจของจิ่งฝานไม่ใช่เรื่องที่ผิด

“ท่านอย่าคิดมาก ก่อนจะพูดเรื่องทำงาน พวกเราเข้าบ้านก่อนเถอะ”

ตงตงปลอบใจจิ่งฝานพร้อมกับตัดบทในประโยคเดียวกัน

บทก่อนหน้า
บทถัดไป