บทที่ 1 แลกหัวใจด้วยรัก บทที่ 1

เธอต้องเข้มแข็งมากแค่ไหนกับการที่ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อชดใช้ความแค้นให้ชาครินทร์ด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส เธอไม่เคยรู้อดีตของเขา แต่เมื่อกลายเป็นเจ้าสาวที่ถูกทิ้งเธอก็จะต้องมีชีวิตอยู่เพื่อหัวใจอีกดวง เพื่อที่จะบอกยอดดวงใจของเธอว่า ป๊ะป๋ายังรักหนูน้อยไม่เคยเปลี่ยนแปลง

“นัดพบกับมันกี่ครั้งแล้วอัยย์...บอกพี่ว่านัดพบมันมากี่หนแล้ว หรือไม่ชอบใช้ผู้ชายคนเดียวถึงได้เที่ยวร่านไปหาผู้ชายคนใหม่ ติดใจอะไรมัน...อ้อ...หรือว่าเบื่อรสชาติผัวเก่า อยากลองของใหม่แต่ไม่มีโอกาสถึงได้แอบไปลักกินขโมยกินกันที่อื่น!”

ฉาด!!! อัยย์ญาดากลั้นใจรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายดันมือหนาออกแล้วตวัดฝ่ามือลงบนหน้าเข้มเต็มแรง หญิงสาวฉวยจังหวะที่เขาชะงักงันผลักอกกว้างออกแล้ววิ่งตรงไปยังประตูทว่าไม่ทันคนตัวใหญ่ที่วิ่งตามมาและคว้าตัวเธอไว้ได้

“กรี๊ด!!...ปล่อยอัยย์...พี่โอมปล่อย!”

“คิดจะไปไหนอัยย์...พี่ไม่ให้เธอไป...ไม่ให้เธอไปไหนทั้งนั้น!”

“ไม่!!”

อัยย์ญาดาต้องพบกับความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตเมื่อชาครินทร์ บรินรามพิพัฒน์ เจ้าบ่าวหายตัวไปในวันแต่งงานโดยไม่รู้เลยว่าเจ้าสาวของเขาตั้งท้องได้เดือนกว่าโดยที่ไม่มีใครรู้ หญิงสาวเก็บตัวและคลอด น้องเอ๋ย ลูกสาวหน้าตาน่ารักที่ถอดพิมพ์พ่อมาอย่างกับแกะ

ห้าปีหลังจากนั้น โชคชะตาทำให้เธอได้พบกับ เขา อีกครั้ง เจ้าบ่าวที่หนีเธอไปในวันแต่งงานผู้สร้างบาดแผลใหญ่ไว้ในหัวใจของหญิงสาว ทว่าอยู่ในสถานะที่แตกต่างกัน เมื่อชาครินทร์คือเจ้าของรามพิพัฒน์ กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่ที่มีโรงแรมหรูในเครือมากมาย เธอไม่รู้ว่าทำไมชาครินทร์ถึงโหดร้ายกับเธอนัก พบกันเขาทำราวกับเธอเป็นสิ่งไร้ค่าและต่ำต้อยไม่พอยังต้องแบกรับความปวดร้าวซ้ำสองเมื่อเขาพยายามจะยื้อแย่งลูกสาวตัวน้อยที่ชอบเรียกเขาอย่างฉอเลาะว่า ป๋าโอม

บทที่ 1 ปมอดีต

“น้องเอ๋ย...ลูกนั่งรอแม่จ๋าตรงนี้นะคะ”

เจ้าของใบหน้ารูปไข่ใต้กรอบเรือนผมยาวดำขลับเป็นมันเงารวบตึงไว้ด้านหลังเผยความงามหมดจดไร้เมคอัพบนแก้มใส นัยน์ตากลมโตเป็นประกาย จมูกเล็กรั้นรับกับริมฝีปากเป็นกระจับเคลือบกลอสสีชมพูอ่อนภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวแต่งระบายและกระโปรงยาวเลยเข่าทำให้ร่างเล็กบอบบางดูเรียบร้อยปราศจากความจัดจ้านก้มลงเอ่ยเสียงนุ่มกับเด็กหญิงตัวน้อยผิวขาวอมชมพูในเสื้อสเว็ตเตอร์เนื้อบางและกางเกงยีนส์ลายการ์ตูนซึ่งทั้งสองยืนตรงโถงทางเดินภายในตึกด้านหน้าห้องติดป้าย ฝ่ายบุคคล เด็กหญิงแก้มอิ่มเงยหน้าขึ้นถามว่า

“แม่จ๋าจะไปไหน?”

“แม่จ๋าจะเข้าไปยื่นเอกสารสมัครงานในห้องนี้ค่ะ”

“อืม...”

หนูน้อยเอามือแหย่รูหูและนิ่วหน้าก่อนหันไปมองบานประตูด้านหลังแล้วหันกลับมายังร่างบอบบางตรงหน้าอีกครั้ง

“เมื่อกี๊ แม่จ๋าก็บอกน้องเอ๋ยแบบนี้”

“แต่ที่นี่เป็นที่ใหม่นะคะ แม่จ๋ามาสมัครงานที่ใหม่ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะคะ”

อัยย์ญาดาย่อตัวลงพลางจับไหล่บอบบางของอรินลดาไว้ หนูน้อยทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจซึ่งเธอก็รู้ดีว่าลูกสาวอายุเพียงสี่ขวบกว่าคงเหนื่อยที่ต้องติดสอยห้อยตามแม่มาสมัครงานตามโรงแรมต่าง ๆ ซึ่งวันนี้เธอตระเวนพาลูกไปด้วยไม่ต่ำกว่าห้าแห่ง แต่มันก็จำเป็นเพราะแม่ของเธอนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทำให้เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องพาลูกไปตามที่ต่าง ๆ ซึ่งมันคงปลอดภัยกว่าการจะทอดทิ้งให้ลูกสาวตัวเล็กอยู่บ้านเพียงลำพัง และสำหรับตัวเธอเองถึงจะเหนื่อยแค่ไหนหากก็ต้องยิ้มเข้าไว้แต่อรินลดาถอนหายใจและทำหน้ามุ่ย อัยย์ญาดาจูบหน้าผากลูกน้อยก่อนบอกว่า

“เสร็จจากที่นี่เราจะกลับบ้านกันนะคะ แม่จ๋าสัญญา”

“แม่จ๋า...น้องเอ๋ยหิวขนม”

“ค่ะ...เสร็จแล้วแม่จ๋าจะพาน้องเอ๋ยไปกินขนมอร่อยๆ แล้วเรากลับบ้านกันนะคะ”

อรินลดาพยักหน้าและวิ่งไปนั่งบนเก้าอี้หน้าห้องนั้นแต่โดยดี อัยย์ญาดายืดลำตัวขึ้นยืนและก้มลงมองซองเอกสารสีน้ำตาลในมือด้วยความหวังเล็ก ๆ หลังตระเวนยื่นใบสมัครงานเป็นเลขานุการมาแล้วหลายแห่งเป็นเวลานับเดือนแล้วแต่ก็ยังไม่มีที่ไหนตอบรับ บางแห่งสัมภาษณ์แต่กลับไร้วี่แววโทรกลับซึ่งหนึ่งในเหตุผลที่เธอไม่ได้รับการพิจารณาอาจเป็นเพราะว่าเธอมีเรือพ่วง

อลินลดา หรือน้องเอ๋ย

ลูกสาวคนเดียวและเป็นสิ่งเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่จากหมอกควันแห่งความรัก เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความผูกพันจากเถ้าถ่านความฝันที่ไม่เคยมอดดับแม้ว่า ใครคนนั้น คนที่ทิ้งเธอไปกลางคันในวันแต่งงานตอนอัยย์ญาดาอายุเพียงสิบแปดจะไม่เคยติดต่อกลับมา ไม่เคยกลับมาให้เห็นหน้าและไม่เคยรู้ว่าได้ทิ้งเชื้อไฟแห่งความผูกพันไว้กับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งทุกคืนวันต้องอยู่ท่ามกลางความเดียวดาย หวั่นกลัวและหัวใจแตกสลายเมื่อถูกว่าที่เจ้าบ่าวทอดทิ้งไป เหลือเพียงโซ่ทองเส้นน้อยที่ยึดเหนี่ยวหัวใจของอัยย์ญาดาไว้เพื่อให้เธอมีลมหายใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อลูกเพียงคนเดียว

ร่างเล็กบางก้าวเข้าไปในห้องทำงานฝ่ายบุคคลซึ่งในขณะนั้นมีผู้หญิงอายุประมาณยี่สิบปลาย ๆ นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวใหญ่เพียงคนเดียวเงยหน้าขึ้นมองอัยย์ญาดาที่ยกมือไหว้และเอ่ยว่า

“สวัสดีค่ะ...คือ...ดิฉันมาสมัครงานค่ะ”

“หืมม์?” อีกฝ่ายเลิกคิ้วและก้มลงดูเวลาบนหน้าจอมือถือ “สมัครงานเหรอคะ...ตอนนี้เกือบห้าโมงแล้วนะคะเนี่ย ออฟฟิศปิดแล้วล่ะค่ะ”

“รบกวนรับใบสมัครงานไว้หน่อยได้ไหมคะ คือว่า...ดิฉันพึ่งมาจากอีกโรงแรมน่ะค่ะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ”

บทถัดไป