บทที่ 4 แค่ธาตุอากาศ

“พี่พาร์ท!!!!!!!!” ฉันร้องอย่างดีใจและวิ่งเข้าไปกอดพี่ชายด้วยความคิดถึง

“คิดถึงจังค่ะ” และแน่นอน ไม่ได้เจอกันนานมันต้องหอมแก้มซ้ายขวา ให้หายคิดถึงเสียหน่อย

“ญี่ปุ่น!” พี่พาร์ทเอ่ยเสียงดุ มือดันหัวน้องออกจากตัว

“ก็ญี่ปุ่นคิดถึง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ขอกอดหน่อย” คนตัวเล็กไม่ยอมพยายามจะกอดพี่ชาย แต่คนพี่กลับเอาแต่ผลักไส

“โอ้ ลืมไป” แล้วตามันไปสะดุดกับใครบางคนที่ยืนทำหน้านิ่ง

“โอเค ไม่กอดแล้วก็ได้ ไม่คิดมากใช่ไหมเธียร” ฉันหันไปยิ้มให้น้อง

“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นหนูตบ!” เธียรทำหน้าจริงจัง

“นี่พี่เอง พี่ญี่ปุ่นไง” ฉันทำหน้าอ้อน

“ฮึ...หนูล้อเล่น กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ คิดถึงจัง” ร่างบางโผเข้ากอดฉันทันที

“เมื่อวาน พี่ก็คิดถึงเราแล้วน้องพลอยเป็นไงบ้าง เห็นโมจิบอกตัวจริงน้องน่าฟัดมาก”

“อยู่กับคุณแม่ค่ะ พอดีวันนี้หนูมาเรียนรู้งานกับพี่พาร์ท” เธียรหันไปยิ้มให้พี่พาร์ทที่ยืนนิ่งมือล้วงกระเป๋า คนอะไรขี้เก๊กไม่เลิก มีดีแค่หล่ออย่างที่เธียรว่าจริง ๆ พี่ชายฉัน

“เข้าไปข้างใน อารออยู่” พี่พาร์ทพูดเสียงตึง ๆ แล้วคว้ามือดึงเมียเดินกลับเข้าไปในห้อง

“เขาเป็นอะไร” ฉันหันไปถามโมจิ

“......” ตัวเล็กส่ายหัวแล้วจูงมือพี่สาวเข้าไปในห้อง แต่ทว่า...พอก้าวขาเข้าไปในห้องเท่านั้นแหละ จากที่ยิ้ม ๆ ต้องอารมณ์เสียทันที เขามาทำอะไรที่นี่

“ญี่ปุ่น มาลูกนั่งตรงนี้” แดดดี้เรียกให้ฉันไปนั่งใกล้แล้วมันตรงข้ามกับที่ ที่พี่แบงค์นั่ง และถ้าจำไม่ผิดผู้ชายที่นั่งข้าง ๆ เขาคือผู้ชายที่เข้าหาเมื่อคืน ถึงมันจะมืดแต่ก็พอจำได้ และผู้ชายคนนั้นเห็นหน้าฉันเขาก็หน้าซีดลงทันที แสดงว่าเขาก็จำได้เหมือนกัน

แต่คนที่นั่งนิ่งคือพี่แบงค์ เขาดูไม่ตกใจดูเฉย ๆ แต่ก็ดีเหมือนกัน ยังไงก็ไม่ได้สนใจอะไรเขาแล้วนิ ก็แค่ธาตุอากาศ แต่ก็คงจะเป็นอากาศที่เป็นพิษ เห็นหน้าขรึม ๆ แล้วหงุดหงิด เฮ้อ...

“นี่ นิธิภัทร์ เขาเป็นวิศวกรและเป็นหัวหน้าแผนกดูแลเครื่องกลทุกเครื่องในโรงงาน” แดดดี้เอ่ยขึ้น

“สวัสดีครับ” เขาเอ่ยทักทาย

“ค่ะ!” ก็เชิดใส่ไปสิคะ สนใจอะไร

“แดดดี้โมจิขอตัวไปข้างนอกนะคะ โมจิจะไปหาอะไรกิน” น้องเดินมากระซิบแด๊ด

“.....” แด๊ดพยักหน้า และเอามือลูบหัวน้อง ก่อนโมจิจะเดินออกไป

“ตัวเล็ก ของพี่ด้วย”

“ได้ค่ะ แต่รอนานหน่อยนะ โมจิจะไปรับขุนศึกด้วย” ฉันยักคิ้วให้น้อง ก่อนจะหันกลับมาสนใจที่แด๊ดพูด

“ทุกคนคงจะรู้แล้วใช่ไหมว่าที่เรียกมาวันนี้คืออะไร” แด๊ดมองหน้าพี่แบงค์

“ครับ” เขาพยักหน้า ก่อนเลขาพี่พาร์ทจะเอาเอกสารมาแจก เหมือนทุกคนจะรู้เรื่องทุกอย่างยกเว้นฉัน แดดดี้จะทำอะไรของเขากันนะ

“คือตอนนี้ลูกสาวผม ณิชาภัทร โชติฐิติเมธานนท์ เรียนจบออกแบบดิไซเนอร์มา และผมกับผู้บริหารคนอื่น ๆ” แด๊ดหันไปมองพี่พาร์ทที่ไม่พูดอะไร แค่พยักหน้ารับให้แด๊ดพูดต่อ

“ได้ตกลงว่าเราจะเปิดโรงงานผลิตเสื้อผ้าแฟชั่น ควบคู่กับเครื่องเพชร แต่อย่างที่รู้ ๆ ว่าทุกคนยังใหม่กับเรื่องนี้ และนี่คือแบบแผนทั้งหมดที่ผมจัดทำขึ้น” ทุกคนเปิดเอกสารตรงหน้าดูรวมถึงฉัน ในนั้นมันมีแผนธุรกิจซึ่งแด๊ดเขาได้วางกลไกการตลาดไว้เป็นอย่างดี และถ้าเดาไม่ผิดแดดดี้เขาสร้างโรงงานให้ฉันผลิตเสื้อผ้าแบรนด์ตัวเอง เพราะเงินทุนทุกบาทแด๊ดเป็นคนจ่ายเอง!

“แต่สิ่งที่ผมขาดตอนนี้คือเครื่องกล และผมอยากให้คุณ มารับผิดชอบตรงนี้ คุณนิธิภัทร์ รวมถึงลูกน้องของคุณทุกคน” แด๊ดจ้องหน้าพี่แบงค์ที่ยังใช้ความคิดอยู่กับเอกสารตรงหน้า

“ว่าไง” แด๊ดเดินเข้าไปใกล้เขา

“ครับ ผมไม่มีปัญหา” แต่เขากลับมองมาที่ฉัน และแน่นอนฉันไม่สนใจ อยากมองก็มองไปสิ ว่าแต่แด๊ดเขาเอาจริงเหรอ ทำไมแด๊ดถึงน่ารักแบบนี้ นี่มันคือความฝันของฉันเลยนะ

“กูว่ากูจำได้แล้ว” ...ดนัยพูดเสียงกระซิบ

“.....” แบงค์นั่งเงียบ

“น้องคนที่บอกชอบมึง สมัยเรียนกูจำได้แล้ว ตอนนั้นว่าสวยแซ่บแล้ว ตอนนี้แม่งโคตรแซ่บ ว่าแต่ทำไมเขาดูไม่สนใจมึงเหมือนเมื่อก่อน” ...ดนัยทำหน้าครุ่นคิด พูดกระซิบเพื่อน ระหว่างที่กันต์ชี้แจงรายละเอียดต่าง ๆ

“......” แต่เขาก็ต้องเงียบเมื่อเจอสายตาเลือดเย็นคู่นั้นของเพื่อนจ้องหน้า

“ทุกคนเข้าใจแล้วใช่ไหม พาร์ทเสร็จแล้วถ้าไม่ได้ไปไหนอาขอคุยด้วย” แด๊ดหันไปมองพี่พาร์ทที่กำลังดูเอกสาร

“ครับอา แต่ต้องคุยตอนนี้เพราะอีก 1 ชั่วโมงผมมีประชุม”

“งั้นก็ไปตอนนี้เลย ส่วนคุณผมฝากบอกรายละเอียดเรื่องเครื่องจักรที่เราคุยกันก่อนหน้านี้กับลูกสาวผมด้วย ส่วนลูก ถ้าอยากได้อะไรก็บอกคุณนิธิภัทร์ ไว้แด๊ดคุยงานกับพี่เสร็จเดี๋ยวมาหา” แล้วแด๊ดก็เดินออกไปทันที

“จดทันใช่ไหม” พี่พาร์ทหันไปถามเมีย

“ไม่ทันเลย” เธียรทำหน้าบึ้ง

“เธอนี่มันจริง ๆ เก็บของ” พี่พาร์ทถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายแล้วเดินออกไป เธียรก็ได้แต่ทำหน้ามุ่ยเก็บของแล้วเดินตามออกไป แต่แอบเห็นนะว่าพี่พาร์ทยืนรอเมียที่หน้าห้อง แล้วมีจูบปลอบกันด้วย เก๊กจริง ๆ เลยพี่ชายฉัน

“มองอะไรคะ ไม่เคยเห็นคนสวยเหรอ แล้วยังอยากจีบอยู่ไหม” ฉันหันไปจ้องหน้าเพื่อนพี่แบงค์ที่เอาแต่มอง

“มะ...ไม่กล้าครับ แค่จะกินเหล้ายังให้เพื่อนเลี้ยง ผมคงไม่มีปัญญา กูไปก่อนนะแบงค์” แล้วเขาก็เดินออกไปทันที และในห้องก็เหลือแค่เราสองคน พร้อมความเงียบจนวังเวง

“อยากรู้อะไร” เขาเอ่ยเสียงแข็ง

“แล้วมีอะไรจะพูดล่ะ พูดมาสิ” ฉันพูดอย่างไม่ได้สนใจ เปิดเอกสารทำความเข้าใจในส่วนที่ยังไม่เข้าใจ

ตึก ตึก ตึก

“มันจะมีเครื่องสองแบบ เครื่องแรกใช้กับผ้าทอโรงงาน และเครื่องที่สองใช้กับผ้าทอมือ กลไกการทำงานสองเครื่องนี้จะคล้าย ๆ กัน แต่จะต่างกันตรงที่เครื่องที่สองจะทำงานช้ากว่าใช้กับงานทอมือ ส่วนเรื่องเย็บปัก ผมขอเสนอให้ใช้แรงงานคน เพราะจะมีความละเอียดกว่า” เขาพูดและเดินเข้ามาใกล้ ฉันก็ไม่ได้อะไร ก็ฟัง ๆ ไปแต่ที่เขาพูดมันก็มีเหตุผล ซึ่งก็เป็นความคิดที่ใช้ได้เลย

“แล้วตรงส่วนนี้ล่ะ เขาทำกันยังไง แล้วถ้าจะไปดูด้วยตัวเองต้องไปที่ไหน” แต่สิ่งที่ฉันสนใจคือภาพที่เขาแต่งชุดชาวเขากำลังทอผ้า และผ้ามันก็ดูสวยมาก

“นี่!! ว่าไงไม่ได้ยินที่ถามเหรอ”

“อึก” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อเงยหน้าขึ้นกำลังจะถามเขา แต่เขากลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แล้วปากเรามันก็ประกบกันพอดี

เพียะ!!!

“ไอ้บ้า!” มือเล็กตบหน้าเขาอย่างแรง ก่อนจะลุกหนีเดินออกจากห้อง

หมับ!!

“ฮื่อ!! ปะ...” แต่มือหนากลับคว้าข้อมือเล็กไว้ ร่างเล็กถูกกระชากดึงเข้าไปกอด ก่อนเขาจะประกบปากจูบอีกครั้งอย่างแรง

“ฮื่อ” สองมือดันแผงอกแกร่ง ทั้งทุบทั้งตี แต่ยิ่งฉันดิ้นทุบตีเขาแรงเท่าไร เขายิ่งบดจูบขยี้ริมฝีปากอย่างหนักหน่วงจนมันเจ็บไปทั่วทั้งบริเวณ!

“ปล่อยนะเจ็บ” คนตัวเล็กหยุดนิ่ง เอ่ยเสียงเบาก่อนเขาจะหยุดและค่อย ๆ ผละปากออก

“ถ้าตบฉันจูบ!” เขาพูดขู่เมื่อมือเล็กง้างมือกำลังจะตบ

“ไม่ได้ขู่ หรือจะลองดูก็ได้”

พรึบ!

ร่างเล็กถูกดึงเข้าไปกอดอีกครั้ง ไม่ได้ฉันจะยอมเขาไม่ได้ เดี๋ยวเขาจะคิดว่ายังมีใจให้เขาอยู่

“ถ้าพี่จูบอีก ญี่ปุ่นจะถือว่าพี่รักญี่ปุ่น เอ๊ะไม่สิพี่ต้องรักแล้วแหละถึงได้เจอหน้าแล้วจูบเอา ๆ เพิ่งจะกลับมาถึงเมื่อวาน ทำไมคะคิดถึงเหรอ” มือเล็กลูบวนที่หน้าอก พูดเสียงออดอ้อน ทำท่าทางยั่วยวน

“อย่าเงียบสิคะ บอกแล้วไงว่าอยากจูบก็บอกดี ๆ เนี่ยเห็นไหมปากเลอะหมดแล้ว” นิ้วเรียวเขี่ยเกลี่ยริมฝีปากหนา ที่เลอะไปมา พร้อมกัดปากยั่วยวน

“อย่ามาทำตัวทุเรศกับฉันแบบนี้!”

พรึบ!!

ร่างเล็กถูกผลักอย่างแรง

“ฮึ...” ฉันได้แต่ส่ายหัวมองหน้าเขา แล้วเดินเข้าไปหา พร้อมใช้มือลูบไล้ใบหน้าหล่อ ๆ

“ทำตัวทุเรศแต่ก็มีคนอยากจูบ มันดีออก” ก่อนที่จะเดินออกจากห้อง ตรงไปยังห้องทำงานพี่พาร์ททันที โดยที่ไม่หันกลับไปมองไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย...

บทก่อนหน้า
บทถัดไป