บทที่ 2 บทที่ 1 ฝันร้าย 50%
บทที่ 1 ฝันร้าย
สามปีต่อมา
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าที่ก้าวเดินดังก้องในโสตประสาทจนร่างบอบบางที่นอนนิ่งบนเตียงสั่นเกร็ง ร่างกายแข็งค้างทว่าสั่นเทาจากความหวาดกลัว ดวงตากลมโศกหลับแน่น กัดริมฝีปากจนเลือดซิบ มือที่แนบข้างลำตัวกำเข้ากันจนเส้นเลือดปูดโปน หัวใจเต้นแรง และเร็วจนลมหายใจเข้าออกแทบขาดห้วง กลัว… ความกลัวจากสิ่งที่หล่อนไม่อาจมองเห็น หรือ… ไม่ต้องการมองเห็นมันสั่นประสาทจนร่างทั้งร่างกระตุกเกร็ง
“ลิน!” เสียงเรียกดังก้อง ทว่ากระแสเสียงนั้นเกรี้ยวกราด ‘ลิลลา’ หัวใจแกร่งไกว หวาดกลัวเหลือเกินว่าจะถูกใครคนนั้นพรากบางสิ่งที่หล่อนซุกซ่อนเอาไว้ กลัวจนหัวใจเหมือนจะขาดแม้เพียงได้ยินเสียงของเขา เสียงที่หล่อนไม่มีวันลืมว่าครั้งนึงเจ้าของของมันทำร้ายเหยียบย่ำหล่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแหลกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี
“ลิลลา!” เขายังคงเรียกหาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกวาด ทว่าอ่อนลงเล็กน้อย ในกระแสเสียงนั้นเหมือนโหยหา ทุกข์ตรม แต่ทำไมล่ะ หล่อนร้องถามในใจทั้งที่ยังหลับตาแน่น เขาจะโหยหาหล่อนทำไม ในเมื่อวันนั้นเมื่อครั้งอดีตเขาผลักไส เหยียบย่ำ รวมไปถึงทำลายหล่อนด้วยสองมือแข็งแรงคู่นั้นอย่างเลือดเย็น
“ไม่!” เสียงที่บีบเค้นออกมาแหบแห้งพร่าสั่นเมื่อไม่อาจห้ามน้ำตาที่ไหลทะลักเอ่อล้นจากหัวใจที่อ่อนล้าสุดจะทานทน ทำไมกันนะยิ่งหลีกหนี หลบเลี่ยงกลับต้องพบเจอเขาในทุกๆ ที่ แม้กระทั่งความฝัน… ฝัน!
“พี่จิณ!” ดวงตากลมโศกเบิกโพรง ดวงหน้าหวานเปียกชื้นด้วยคราบเหงื่อ ครั้นเมื่อลืมตาสิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าของเขา… ผู้ชายที่หล่อนเข้าใจว่าอยู่ในฝัน ร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีดำดวงหน้าโกรธเกรี้ยวก้าวเดินเข้ามา สองมือยกขึ้นก่อนพุ่งเข้ามาหาหมายจะพรากผลาญลมหายใจหล่อนไป เสี้ยววินาทีนั้นลิลลาเห็นดวงตาคู่คมเรืองรองไปด้วยไฟโทสะ ในนั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้นอย่างท้วมท้น กระทั่งหล่อนรู้สึกเหมือนลมหายเหือดหาย แรงบีบบนลำคอแน่นขึ้น แน่นขึ้น จนลมหายใจขาดห้วง หล่อนไขว่คว้า ปัดป่ายสองมือน้อยเพื่อปลดปล่อยพันธะแข็งแรงราวคีมเหล็กบนลำคอ
“อึก ปะ ปล่อย” น้ำเสียงที่เปล่งแหบโหยเหมือนลมหายใจที่ใกล้เหือดหาย มือไม้ที่เคยปัดป่ายปกป้องตนเองอ่อนแรง ก่อนดวงตาคู่หวานโศกจะปรือมองผ่านม่านน้ำตา เปลือกตาหนาหนักค่อยๆ ปิดลง ทว่า… ในเสี้ยววินาทีที่หล่อนกำลังจะจมดิ่งลงสู่ห้วงนิทราในพิภพยมราชนั้น เสียงหัวเราะเหี้ยมเกรียมก็ดังก้องสะท้อนไปมาสนั่นหวั่นไหวในห้วงสติที่เหลืออันน้อยนิด
“ฮะ ฮะ ฮ่า”
ทำไมกันนะ… หล่อนทวงถามเพียงในใจ ทำไมชีวิตของผู้หญิงคนนึงต้องพบเจอเรื่องราวเลวร้ายมากมายถึงเพียงนี้ ทำไมหล่อนต้องเจอเขา รู้จักเขา และถูกเขาทำร้ายในวันนั้น ทำไมทุกสิ่งที่เลวร้ายต้องประเดประดังสาดซัดเข้ามาในชีวิตของหล่อนมากมายถึงเพียงนี้ด้วย
ทำไม…
ทำไมนะหรือ… หล่อนยังไม่อาจหาคำตอบให้ตนเองได้ ทำได้เพียงแค่นหัวเราะเสียงแหบให้ชะตาชีวิตสุดแสนรันทดของตนเอง หัวเราะให้กับความทุกข์ที่ถูกสาดซัดเข้ามามากมายเหล่านี้ด้วย ทว่าในความทุกข์เหล่านั้นหล่อนยังมีใครอีกคนที่รอคอยอ้อมกอดอันอบอุ่น และความรักบริสุทธิ์จากผู้หญิงโชคร้ายคนนี้อยู่…
“ระ รัก อึก กานต์รัก”
“ลิน” มือหนาแข็งแรงแตะเบาๆ ที่ไหล่เล็ก ก่อนขยับโยกเพื่อเรียกคนนอนหลับบนโซฟาสีเบทตัวยาว สีหน้าซีดเซียวกับคำพูดเพ้อที่ฟังไม่ได้ศัพท์ทำให้ ‘แขก’ ที่หวังใจจะมาเยี่ยมเยียนน้องสาวแทบเข่าทรุด
“ลิลลา!” ร่างแน่งน้อยแน่นิ่งไม่ตอบรับ หนำซ้ำเสียงพร่ำเพ้อยังแหบโหยลมหายใจเข้าออกเร็วแรงจนน่าหวั่นใจ
‘กีรติ’ ใจหาย มองใบหน้าอ่อนเยาว์ในอ้อมแขนแล้วมองใบหน้าหวานโศกเหงื่อพราวระยับสลับกัน หัวใจคนเป็นพี่เริ่มวิตกด้วยรู้ดีว่าน้องสาวมักฝันร้ายอยู่เสมอ ฝันที่เจ้าตัวไม่ยอมบอกว่ามันเรื่องราวเป็นเช่นไร แต่เขาก็สังเกตได้ว่าน้องสาวเริ่มมีอาการเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน อาการย่ำแย่ลงทุกวันจนกระทั่งลิลลาต้องเข้าพบจิตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
“ลิน” ครั้งนี้ชายหนุ่มเรียกพร้อมนั่งลงที่ริมโซฟา มือซ้ายเขย่าไหล่น้องสาวรุนแรงขึ้น มือขวายังคงโอบอุ้มหลานชายวัยสองขวบเอาไว้แนบอก ใบหน้าอ่อนเยาว์ขาวละเอียดเอนซบไหล่กว้าง ส่งเสียงอ้อแอ้เหมือนต้องการปลุกเรียกมารดาไปด้วย
“ลิลลา!”
เฮือก!
ร่างสูงใหญ่ที่กำลังเขย่ากายบางบนโซฟาผงะลุกยืนตามแรงสะดุ้งเฮือกของร่างที่เคยนอนนิ่งเหยียดยาว กีรติเลิกคิ้วสูง ใบหน้าหล่อเข้มจับจ้องมองน้องสาวที่กำลังนั่งหอบหายใจถี่เร็วตรงหน้านิ่ง ครั้นพอเห็นอีกฝ่ายยกมือลูบช่วงอกปอยๆ ก็สาวเท้าเดินเข้าไปหา นั่งลงที่ปลายโซฟาตัวเดียวกันก่อนเอ่ยถาม
“ฝันร้ายเหรอ”
ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมอง ดวงหน้าหมดจดชื้นเหงื่อ ดวงตากลมโศกแดงก่ำมีน้ำตาเอ่อคลอ กีรติถอนหายใจให้ความอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน เขาเป็นห่วงลิลลามาก ห่วงมากเสียจนอยากจะฆ่าไอ้ผู้ชายสารเลวคนนั้นด้วยมือของตนเอง เพราะความระยำที่มันกระทำต่อน้องสาวของเขาเมื่อสามปีก่อนทำให้ทุกวันนี้หญิงสาวที่เคยสดใสมีแต่รอยยิ้มกลายเป็นคนเงียบขรึมเศร้าโศกราวกับคนละคนกัน
“ลิน”
“ลินแค่เหนื่อยค่ะพี่กี้ เลยเผลอหลับไป ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” ร่างบอบบางซูบผอมลงไปทุกวันผละกายลุกขึ้นเดินหลบเลี่ยงเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่มองหน้าเขาอีก ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงมองตามหลังน้องสาวไปจนลับสายตาก่อนจะหันกลับมาถอนหายใจส่ายหน้าให้เจ้าตัวน้อยในอ้อมแขนที่กำลังบ่นงึมงำกับไหล่ของเขาอยู่
“แม่เราเขาไม่สบายใจอะไรทำไมไม่บอกลุงฮึ”
บอกหรือ… ลิลลาไม่เคยเล่าอะไรให้ใครฟัง ไม่เคยเล่าเลย แม้กระทั่งบอกว่าใครคือพ่อของกานต์รัก
“หิวไหมฮึเรา เดี๋ยวลุงชงนมให้”
กีรติลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะพาเจ้าตัวน้อยในอ้อมแขนมายังคอกกั้นสำหรับเด็กที่ทำจากท่อพีวีซีซึ่งเขาต่อเองกับมือ ชายหนุ่มปล่อยหลานชายตัวน้อยลงในนั้น ให้เจ้าตัวเล็กเดินเล่นล้มลุกในเบาะรองนุ่มนิ่มแทนพื้นบ้าน เขามาที่นี่เสมอเมื่อยามว่างหรือเมื่อคิดถึงหลานชายตัวน้อยที่เริ่มจะซนขึ้นทุกวัน
‘กานต์รัก’ เด็กชายตัวอวบอ้วนผิวขาวกระจ่าง ดวงตากลมโตสว่างไสวเหมือนมารดา ทว่าเค้าหน้าของเด็กชายกลับละม้ายคล้ายใครอีกคนที่เขาคุ้นแสนคุ้นแต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก กีรติเคยฉุกคิดหลายต่อหลายครั้งว่าใบหน้าของกานต์รักนับวันจะคุ้นเกินไป คุ้นจนเขาเริ่มกลัวความคิดของตัวเอง
“ลินท้อง ฮึก”
คำสารภาพพร้อมน้ำตาหอบใหญ่เมื่อสามปีก่อนทำให้เขาคลั่งจนเหมือนคนบ้า ลิลลาเดินมาบอกเขาว่าหล่อนท้องในวันที่หล่อนตั้งครรภ์ได้ถึงห้าเดือน และหากไม่จวนตัวเพราะพบเขาโดยบังเอิญจนเขาทันเห็นสภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป หล่อนคงจะเก็บงำ และฝังทุกอย่างไว้กับตนตลอดไป
ปีนี้กานต์รักอายุใกล้ครบสองขวบในอีกสองสัปดาห์ เขาตั้งใจจะพาน้องสาวและหลานชายไปฉลองวันคล้ายวันเกิดให้เจ้าตัวเล็กที่ทะเล ทว่าดูเหมือนมารดาของกานต์รักคงจะไม่ตอบตกลงอย่างแน่นอน
ตั้งแต่วันที่มาสารภาพว่าตั้งครรภ์ ลิลลาก็ไม่เคยพูดถึงพ่อของลูกอีกเลย หล่อนไม่แม้แต่จะเอ่ยถึงสาเหตุที่ทำให้ตั้งครรภ์ด้วยซ้ำ ตอนแรกเขาเข้าใจว่าพ่อของหลานคือไอ้ ‘ปกปักษ์’ อดีตแฟนหนุ่มของลิลลาที่ตั้งใจเข้ามาหลอกลวง และกอบโกยชื่อเสียงเงินทองจากน้องสาวของเขา ใช้ความซื่อใสไร้เดียงสาโดยยืมสิ่งที่เรียกว่าความรักเข้ามาเป็นสะพานในการทำร้ายน้องสาวของเขา ทว่าเขาฉลาดพอจะรู้ว่ามันเลวจึงชิงลงมือจัดการมันก่อน มันถึงได้ทอดทิ้งน้องสาวของเขาในทันที
“ไม่ใช่ค่ะ ถึงปกจะเลว แต่ก็ไม่เลวพอจะทิ้งลินไปเพราะท้องหรอกค่ะ”
ลิลลายอมเปิดปากในวันที่เขาวางแผนจะเข้าไป ‘จัดการ’ ไอ้สารเลวนั่นเพราะเข้าใจว่ามันทิ้งน้องสาวของเขาเพราะหล่อนท้อง และคำสารภาพความจริงข้อนี้ทำให้ผู้ต้องสงสัยถูกลดจำนวนลงไปหนึ่ง ทว่าจนถึงทุกวันนี้เขาก็ยังหาตัวผู้ต้องสงสัยคนอื่นเพิ่มไม่ได้เลย ที่สำคัญการที่ลิลลาแสดงออกอย่างชัดเจนว่า ‘ไม่ต้องการ’ รื้อฟื้นความทรงจำเลวร้ายในอดีตขึ้นมาเป็นตราบาปให้ลูกก็ทำให้เขาเริ่มลืมเลือนเรื่องราวเหล่านี้ลงไปบ้าง ทว่าก็ยังไม่อาจลบมันออกไปได้หมด
กีรติชงนมให้หลานชายเสร็จก็เดินเข้ามานั่งเล่นในคอกกั้นของเจ้าน้อยด้วย เพียงแค่ชายหนุ่มนั่งลงเจ้าตัวเล็กที่นับวันจะอวบขึ้นก็วิ่งเตาะแตะเข้ามาหย่อนก้นลงนั่งบนตักอย่างรู้งาน
“หิวล่ะซิ แม่เราคงทิ้งไว้ตั้งแต่เช้าใช่ไหม”
เขาถามเป็นเชิงบ่นกับเจ้าตัวเล็กเพราะตอนที่เดินเข้ามาในบ้านยังไม่ทันเปิดประตูก็เห็นร่างเล็กจ้อยเดินล้มลุกคุกคลานอยู่บนพื้นจนเข่าแดงไปหมด พอเดินเข้ามาถึงเจ้าตัวเล็กถึงได้วิ่งถลาเข้ามาหาเขาในทันที พอเห็นแบบนี้แล้วคนเป็นลุงก็ยิ่งห่วงใยสองแม่ลูกมากขึ้นไปอีก
“ไปอยู่กับลุงไหมฮึไอ้แสบ” ถามเสียงอ่อนโยนก่อนยกมือลูบไล้ศีรษะเล็กที่กำลังเอนตัวลงนอนบนตักดูดขวดนมมองตาแป๋วเหมือนจะบอกทางสายตาว่า ‘ก็ได้ครับ’ จนคนมองต้องเงยหน้าหัวเราะออกมาเสียงดัง
“หน้าตาเรานี่มันคุ้นมากเลยนะ คุ้นจริงๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน”
“ไม่เคยเห็นหรอกค่ะ”
คำถามของกีรติชะงักเมื่อน้ำเสียงแข็งกระด้างกับใบหน้าเรียบตึงของมารดาเจ้าตัวแสบบนตักร้องตอบมาแทนตั้งแต่หน้าประตูห้องน้ำ ชายหนุ่มถอนหายใจอีกรอบละสายตาจากน้องสาวกลับมาหาหลานชายแล้วเอื้อมมือไปโอบกอดร่างน้อยบนตักตบไหล่ลูบหัวกล่อมคนนอนดูดนมสบายใจเบาๆ
“พี่ก็พูดไปเรื่อย ว่าแต่เรื่องที่พี่ขอเราว่าไง”
ใบหน้าหวานโศกส่ายไปมาแทนคำตอบ ก่อนร่างบอบบางจะเดินไปนั่งบนโซฟาตัวเดิมที่เคยเผลอหลับไปเมื่อเช้า
“ลินกับลูกไม่อยากเป็นภาระของใคร”
“ใครที่ว่าน่ะมันพี่ชายคนเดียวของเรานะ” น้ำเสียงของกีรติค่อนข้างแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย เขาไม่ชอบให้ลิลลาพูดจาตัดรอนเช่นนี้เลยมันทำให้เขารู้สึกแย่มากขึ้นไปอีกที่ตนเองดูแลน้องสาวคนเดียวได้ไม่ดีจนเกิดเรื่องเกิดราวมากมายเช่นทุกวันนี้
“ลินอยู่ที่นี่สบายดีค่ะ”
