บทที่ 2 มาเฟียวงการมายา

ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับผ้าเช็ดตัวที่พันปิดท่อนล่าง เขาเดินไปหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวม หลังจากได้สิ่งที่ต้องการแล้ว แถมของที่ได้ยังไม่ถูกใจเขาด้วย ‘เจเดน’ เจ้าพ่อสื่อแถวหน้าของประเทศ เขามีหุ้นเกี่ยวกับสื่อมากมาย

“เรื่องที่คุณเจเดนจะปั้นนิวนิวให้เป็นนางเอก...ตอนนี้ไปถึงไหนแล้วคะ?” หญิงสาวที่นอนเปลือยอยู่บนเตียงพลิกตัวขึ้นมาเอ่ยถาม เมื่อเธอเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเตรียมตัวออกไปแล้ว

“ฉันพูดเหรอว่าจะทำ?” เขาถามพลางมองเธอผ่านกระจกตรงหน้า

“ก็...คุณบอกว่าถ้านิวนิวทำตัวดี คุณจะปั้นนิวนิวเป็นนางเอก” หญิงสาวพูดอึกอัก เธอลงทุนนอนกับเขาก็หวังจะได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่เหมือนว่าเขาจะไม่พอใจกับสิ่งที่เธอมอบให้ จึงกลัวว่าตัวเองอาจจะไม่ได้สิ่งที่ต้องการ

“แล้วที่ทำมันดีเหรอ?”

“คุณเจเดน! คุณจะกลับคำเหรอคะ”

“ผมไม่ได้กลับคำ แต่คุณบอกผมว่า จะทำตัวดีๆ ให้ผมพอใจ ในเมื่อผมไม่พอใจ แล้วทำไมผมถึงต้องให้สิ่งที่คุณต้องการด้วย?” หญิงสาวนิ่งไปชั่วขณะ เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเอาอะไรไปต่อรองจากเขาได้ เธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ ไม่ได้มีอะไรดีมากพอที่จะไปดึงดูดเขาได้

“ไม่รู้แหละ คุณได้นิวนิวแล้ว คุณต้องรับผิดชอบ”

“เธอเต็มใจจะได้กับฉันเองไม่ใช่เหรอ? หรือฉันเข้าใจอะไรผิด” เจเดนหันไปย้อนถามแม่ดาราสาวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เขาไม่ได้อยากจะได้เธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เธอเองต่างหากที่มาเสนอตัวให้เขา จนเขารู้สึกอึดอัด และต้องรับความตั้งใจของเธอเอาไว้ เผื่อว่ามันจะช่วยแก้เบื่อให้เขาได้บ้าง แต่ก็ไม่เลยสักนิด

“คุณทำไมพูดจาทุเรศแบบนี้ล่ะ! คุณจะหลอกกินฟรีกับใครก็ได้ แต่ไม่ใช่ฉัน ฉันจะแฉให้หมดเลยว่าคุณทำอะไร” หญิงสาวโวยวาย ถึงเขาจะไม่ใช่ผู้ชายคนแรกของเธอ แต่ถ้าเธอต้องนอนกับเขาฟรีๆ โดยที่ไม่ได้อะไรเลย เธอก็ไม่ยอมเหมือนกัน

“ก็เอาสิ!!! ถ้าเธอยังพอจะจำได้ ว่าเข้าหาฉันเพราะอะไร” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ นิวนิวทำได้แค่เม้มปากแน่น เพราะรู้ตัวว่าเธอแพ้แล้ว

“แต่ฉันไม่นอนกับใครฟรีๆ หรอกนะ ฉันจะหาละครให้เธอสักเรื่อง แต่ถ้าจะเอาถึงบทนางเอกเลย ฉันก็คงต้องบอกตามตรงว่า ฝีมือการแสดงของเธอมันยังไม่ถึง” นิวนิวนั่งเงียบไม่ตอบอะไร ถึงเธอจะไม่ได้เต็มใจรับ แต่ก็ต้องรับเอาไว้ เพราะถ้าเธอปฏิเสธมันก็เท่ากับว่าเธอจะไม่ได้อะไรเลย

เจเดนเดินออกมาจากห้อง และเดินตรงไปที่ลานจอดรถ เขามีเวลาว่างไม่มากนักในแต่ละวัน วันนี้ที่ออกมาเจอกับนิวนิวเขาได้แต่รู้สึกเสียดายเวลา

ชายหนุ่มขับรถมุ่งหน้าไปที่บริษัทของเขา เพื่อคุยกับทีมผู้บริหารเรื่องการประกวดนางงาม ธุรกิจใหม่ที่เขาเพิ่งจะได้เป็นหุ้นส่วน

“ผมไม่ได้มาสายใช่ไหม?” เสียงทุ้มเอ่ยถาม เมื่อเปิดประตูห้องประชุมเข้ามา แล้วเห็นว่ามีคนเข้ามานั่งรอหลายคนแล้ว

“ไม่นะคะ ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงเลยล่ะค่ะ” เลขาของเขาเอ่ยตอบ พร้อมกับยื่นแฟ้มเอกสารให้เขา เจเดนเดินตรงเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง แล้วเปิดแฟ้มอ่านรายละเอียดเรื่องที่จะประชุมในวันนี้

“ดีใจนะคะที่ได้ร่วมงานกับเจ้าพ่อสื่ออย่างคุณเจเดน ไม่รู้มาก่อนเลยนะคะ ว่าคุณก็สนใจวงการนางงามด้วย ไม่เคยเห็นคุณในวงการนี้มาก่อนเลย” หญิงวัยกลางคนหุ้นส่วนใหม่ของเจเดนเอ่ยทักทายเขา ชายหนุ่มยิ้มให้กับอีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร ก่อนจะพูดตอบ

“จริงๆ ผมเป็นสปอนฯ ให้หลายเวทีนะครับ แต่ไม่ได้ออกตัวแรงอะไรมาก เห็นว่าผลตอบแทนมันดี ก็เลยอยากจะลองทำให้มากขึ้น จริงๆ ผมก็ชอบดูการประกวดด้วย ผู้หญิงที่สวยและฉลาด มีเสน่ห์มากนะครับ” เขาตอบอย่างมั่นคง แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายอดกังวลไม่ได้ ใครๆ ก็รู้เรื่องของเขากันทั้งนั้น

เรื่องที่เขากินผู้หญิงไปค่อนวงการ แม้แต่นางงามที่ผ่านการประกวดในเวทีนี้บางคน ก็ยังเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาแสงจากเขา

“ถ้าคุณเจเดนคิดแบบนั้น พี่ก็หวังว่าคุณจะเห็นคุณค่าของนางงามเวทีนี้ด้วยนะคะ อย่าให้มีการให้คะแนนนอกรอบเกิดขึ้น พี่อยากให้พวกเธอประกวดกันด้วยความสามารถ แล้วก็...ความสวยของตัวเองจริงๆ” เจเดนกระตุกยิ้มเมื่อได้ยินแบบนั้น เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะบอกอะไร

“ไอ้เรื่องคะแนนนอกรอบ ผมได้ยินว่ามีมาตั้งนานแล้วนะครับ ก่อนที่ผมจะซื้อหุ้นซะอีก แต่พี่นิดไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมไม่ได้เป็นกรรมการอยู่แล้ว แค่มาสนับสนุนด้านเงินลงทุน แล้วก็อยากจะปรับโชว์ให้มันทันสมัยขึ้นเท่านั้นเอง” เจเดนตอบกลับอย่างสุภาพ ความจริงเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาหากินในกองประกวดจริงๆ

แต่ที่ตัดสินใจซื้อหุ้นก็เพราะมันทำรายได้ให้เขาได้พอสมควร ตอนที่เป็นผู้สนับสนุนเวที เขาจึงตัดสินใจซื้อหุ้นโดยหวังจะได้กำไรจากการลงทุนครั้งนี้ และอยากมาช่วยออกความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงให้เวทีแห่งนี้ดีขึ้นไปอีกก็เท่านั้นเอง

เมื่อผู้ที่มีรายชื่อในการประชุมมาถึงครบทุกคนแล้ว การประชุมก็เริ่มขึ้นทันที โดยทีมผู้จัดเริ่มแจกแจงรายละเอียดของการประกวดในปีนี้โดยละเอียด เจเดนก็ตั้งใจฟังและจดจุดที่เขารู้สึกอยากปรับปรุง เตรียมเอาไว้เสนอในตอนที่เขาจะได้เป็นฝ่ายพูด

“ผมรู้สึกว่าส่วนของโชว์นี้ มันซ้ำกับปีก่อนๆ มาหลายปีแล้ว และถ้าทางทีมตรวจสอบความคิดเห็นของคนดู ก็จะรู้ว่าโชว์ส่วนนี้ถูกติมากที่สุด” ชายหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับเปิดสไลด์ที่เขามาร์กเอาไว้ให้ทุกคนดู

“แต่นี่มันโชว์เอกลักษณ์ของเวทีนะ” นิษฐาแย้งขึ้นทันทีเช่นกัน

“ผมทราบครับ เพราะโชว์นี้มีทุกปี เราควรจะเปลี่ยนบ้าง ทำแบบเดิมแต่ปรับให้ทันสมัยขึ้นก็ได้”

“คุณเจเดนคะ พี่ว่าคุณน่าจะเข้าใจอะไรผิด คุณถือหุ้นอยู่ก็จริง แต่คุณไม่ได้มีอำนาจมากพอที่จะมีบงการอะไร”

“ผมไม่ได้บงการ แค่เสนอความเห็น และอยากให้ทุกคนในที่ประชุมมีส่วนร่วมในการตัดสินด้วย มีใครเห็นด้วยกับผมบ้างครับ เชิญยกมือ” เมื่อเขาพูดจบคนเกือบทั้งหมดในห้องประชุม ก็ค่อยๆ ชูมือข้างหนึ่งขึ้น เพื่อแสดงความเห็นด้วยกับไอเดียของเขา

“เห็นไหมล่ะครับพี่นิด ทุกคนก็คิดเหมือนกัน เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้อาจจะไม่มีใครกล้าพูด ผมแนะนำเพราะหวังดีทั้งนั้นแหละครับ” เมื่อเห็นว่าตัวเองเป็นฝ่ายชนะ เจเดนก็หันไปบอกกับอีกฝ่ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และมันก็ทำให้นิษฐาไม่พอใจอย่างมาก

“เอาเป็นว่าเราจะคุยเรื่องนี้กันอีกครั้งในคราวหน้า วันนี้ขอให้รับฟังสิ่งที่ทางทีมของพี่จะทำไปก่อนก็แล้วกัน”

“ไม่มีปัญหาครับ พี่เสนอมาได้เต็มที่เลย ส่วนใครมีไอเดียอะไรก็เสนอมาเลย ไม่ต้องเกรงใจกันนะครับ” นิษฐารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก แม้ว่าเจเดนจะเป็นหุ้นส่วนที่เธอรู้สึกว่ามีประโยชน์กับธุรกิจมากก็ตาม แต่สิ่งที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้ มันไม่เห็นเกียรติเธอเลย ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครกล้าขัดใจความคิดของเธอ แต่แค่เขามาเริ่มทำไม่ทันเท่าไหร่ ก็โน้มน้าวคนไปเป็นพวกได้ตั้งมากมาย

“คุณเจเดนต้องมาซื้อหุ้นเพราะยายพราวฟ้าแน่เลยค่ะพี่นิด หนูได้ยินว่าคุณเจเดนตามจีบยายนี่อยู่ แล้ว...วงในบอกมาว่ายายพราวฟ้าจะลงประกวดปีนี้ด้วยนะคะ” หลังจบการประชุมคนของนิษฐาก็รีบคาบข่าวเด็ดที่เพิ่งจะรู้มาฟ้องเจ้านาย

“พราวฟ้า...นางเอกที่กำลังดังตอนนี้เหรอ?”

“ใช่ค่ะ ได้ยินมาว่าคุณเจเดนตามจีบยายนี่มากสักพักแล้ว แต่นางไม่เล่นด้วย”

“หึ!!! ถ้านางมงลงฉันก็ไม่ยอมให้ไอ้มาเฟียนี่คาบไปกินหรอกย่ะ” ถ้าเป็นเรื่องจริงนิษฐาก็รู้สึกสนใจในตัวของพราวฟ้าคนนี้ไม่น้อยเหมือนกัน

บทก่อนหน้า
บทถัดไป