บทที่ 4 ก้างชิ้นโต

หลังจากพราวฟ้าแถลงข่าวเรื่องที่เธอจะลงประกวดเวทีเดียวกับไอวา กระแสก็พุ่งไปที่พราวฟ้าจนเกือบหมด ทำให้ไอวาที่เคยถูกพูดถึงอย่างหนักในโซเชียล ถูกกลืนหายไปด้วยข่าวของพราวฟ้า

“เวรเอ๊ย!!! อีนางเอกนี่ก็นะ อยากจะมาลงประกวดอะไรปีนี้วะ” บอสตี้สบถอย่างหัวเสีย เขามาหาไอวาที่คอนโดฯ ตั้งแต่เช้า เพราะลูกค้าหลายแบรนด์โทรเข้ามาขอคืนงาน เพราะเห็นว่ากระแสพราวฟ้ากำลังมาแรง

“อุตส่าห์เช็กแล้วนะ ว่าจะไม่มีตัวเต็งมาลงปีเดียวกัน นี่ถ้าไม่เปิดตัวก่อนแล้วได้กระแสมาบ้าง กริบกว่านี้แน่” หญิงสาวพูดขึ้นก่อนจะโยนโทรศัพท์ลงไปที่โต๊ะหน้าโซฟา

“ก็ยังดีที่ถูกพูดถึงบ้าง ฉันเห็นหลายคนถอนตัวกันไปบ้างก็มี หรือแกจะถอนตัว?”

“ไม่! ประกาศไปขนาดนั้นแล้ว ถ้าถอนตัวคนก็ว่าฉันกลัวยายพราวอะไรนั่นสิ” ไอวาก็ไม่ยอมเช่นกัน จริงอยู่ที่กระแสของเธอสู้พราวฟ้าไม่ได้ แต่เธอก็มั่นใจว่าการเดินของเธอต้องเหนือกว่าอีกฝ่ายอย่างแน่นอน ไหนจะเรื่องภาษาที่เธอสังเกตมาหลายครั้งแล้วว่า พราวฟ้าดูจะไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษสักเท่าไหร่ และนั่นถือเป็นจุดด้อยของเธอ

“แล้วจะเอาอะไรไปสู้เขา ช่างหน้าช่างผม เสื้อผ้า ทุน แสง ฐานแฟนคลับ ไม่มีอะไรสู้เขาได้เลยนะยะ”

“ก็ต้องลองดูก่อน เรื่องเสื้อผ้าถ้าไม้แขวนผ้าดีชุดมันก็สวยเองนั่นแหละ ส่วนหน้าผมฉันทำเองได้ ไม่ง้อพวกช่างหรอก”

“ทุน? แสง? ฐานแฟนคลับล่ะ แกจะเอาไง?”

“โอ๊ย! พี่ไม่คิดจะช่วยฉันเลยเหรอ ก็ไหนบอกว่าจะหาสปอนฯ ให้ไง”

“ก็ถ้าอีนางเอกหน้าวอกนั่นมันไม่ประกาศลงประกวด ก็คงหานายทุนใหญ่ๆ ให้แกได้อยู่หรอก มันมาประกาศแบบนี้คนเขาก็แห่ไปสนับสนุนมันหมดแล้ว”

“หรือจะถอนตัวดีล่ะ สู้ไปยังไงก็ไม่ชนะอยู่แล้วนี่” เมื่อเห็นว่ามันคงไม่มีทางที่เธอจะเอาชนะพราวฟ้าได้แล้ว ไอวาจึงเริ่มรู้สึกอยากจะถอดใจ

บอสตี้ทำท่าครุ่นคิด เขาเองก็ลงทุนไปมากพอสมควรแล้ว ส่วนเรื่องงานถึงจะมีลูกค้าถอนตัวไปหลายเจ้า แต่ที่ยังยืนยันจะจ้างก็มีไม่น้อยเหมือนกัน

“ไม่เอา อย่างที่แกว่า ถ้าเราถอนตัวตอนนี้ก็เหมือนเรากลัวคู่ต่อสู้ เอางี้ฉันจะพยายามหาคนมาสนับสนุนแก แต่ตอนนี้ก็ทำงานเท่าที่มีไปก่อน แกมั่นอยู่แล้วนี่ว่าถ้าไม้แขวนผ้าสวย เสื้อผ้ามันก็จะสวย วันแถลงข่าวที่จะถึงเนี่ย มีแค่ไหนก็ใส่แค่นั้นก่อน” ทางออกเดียวที่บอสตี้มีให้กับไอวาในตอนนี้ ก็คือพึ่งพาตัวเอง เท่าที่ทำได้ไปก่อน

“ก็คงต้องเป็นแบบนั้น แค่วันแถลงข่าวเอง คงไม่ต้องอะไรมากมายหรอกมั้ง เสื้อผ้าดีๆ ก็พอมีติดตู้อยู่หรอกน่า”

“ไม่มีแค่ค่ะ คิดจะลงประกวดต้องสวยทุกวัน ถ้าแกไม่เทียบเท่านังตัวเต็งนางเอกนั่น ก็มีแค่ตุ้บ ตอนนี้เหมือนประกวดหาคนไปจับมือกับมันนะคะ” ไอวายักไหล่ ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอคงจะปฏิเสธไม่ได้แล้วจริงๆ ว่าบอสตี้กลัวคู่ต่อสู้คนล่าสุดของเธอมาก

หลังจากที่บอสตี้กลับไปแล้ว ไอวาจึงคิดว่าเธอต้องทำการบ้านให้มากขึ้น เธอเข้าไปดูว่าพราวฟ้ามีจุดอ่อนจุดแข็งอะไร เพื่อที่เธอจะได้หาทางเอาชนะคนคนนี้ให้ได้ และสิ่งหนึ่งที่เธอพบก็คือ พราวฟ้ามั่นใจมากกว่าตัวเองจะต้องชนะ

“หน้าก็ปลอมขนาดนั้น ยิ้มก็แข็งๆ ฐานแฟนคลับกับกระแสดีเฉยๆ หรอก” หญิงสาวพูดกับตัวเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าพราวฟ้าออร่าจับมาก ถือว่าเล่นเกมเก่ง ที่มาเปิดตัวว่าจะลงแข่งช่วงโค้งสุดท้ายของการเปิดรับสมัคร

ไอวาวางโทรศัพท์ของตัวเองลง หลังจากที่ได้ศึกษาคู่แข่งจนพอใจแล้ว เธอเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า เพื่อหาดูว่าชุดไหนที่เธอพอจะใส่ไปแย่งซีนพราวฟ้าได้บ้าง ชุดราตรียาวสีดำเงาเว้าเปิดโชว์แผ่นหลัง ดีเทลของชุดไม่เยอะ เน้นโชว์สัดส่วนของคนใส่ ไอวาเดาว่าพราวฟ้าต้องใส่ชุดสีขาวอีกแน่ เพราะเท่าที่เข้าไปดูรูปในอินสตาแกรมของอีกฝ่าย เหมือนว่าสีขาวจะเป็นสีที่เธอมั่นใจที่สุด

เมื่อได้ชุดแล้วไอวาก็กลับมาเลือกรองเท้าให้เข้ากับชุด แล้วก็เริ่มหาว่าควรจะทำผมทรงไหนดี พราวฟ้าเป็นคนหน้าไทยแท้ โครงหน้าสวยชัด ตอนเกล้าผมมันเป็นทรงที่ส่งคนมากๆ

ไอวาคิดว่าถ้าเธอเกล้าผมไปชนกับพราวฟ้าคงจะสู้อีกฝ่ายไม่ได้ แต่คิดจะรวบผมมัดเป็นหางม้า ใส่แพรผมหนาวๆ ช่วยตัดกับพราวฟ้าให้เป็นคนละขั้วไปเลยน่าจะเข้าท่ากว่า

เมื่อได้เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ทรงผมที่พอใจแล้ว ก็ต้องมาหาโทนการแต่งหน้าให้เข้ากับทุกอย่าง และลองแต่งดูเพื่อให้มันเข้ามือ ไอวารู้ดีว่าตัวเองแพ้ไม่ได้ เพราะเธอต้องการตำแหน่งเพื่อเอามาอัพโปรไฟล์หางานให้กับตัวเอง

แปลกใจเหลือเกินที่พราวฟ้าทิ้งงานมาประกวด ทั้งที่ตอนนี้งานแสดงกำลังไปได้รุ่งแท้ๆ ถ้าเธอเป็นพราวฟ้าคงไม่มาประกวดให้เสียเวลาแล้ว แต่คิดอีกมุมพราวฟ้าเองก็คงอยากได้ตำแหน่งไปอัพราคาตัวเองเหมือนกัน ส่วนหนึ่งก็คงจะเพื่อเอาใจแฟนคลับ เพราะมีคนอยากให้เธอมาประกวดเยอะมากๆ

ขณะที่ไอวากำลังฝึกแต่งหน้าอยู่นั้น บอสตี้ที่เพิ่งจะออกไปจากคอนโดฯ ของเธอก็โทรเข้ามา ไอวาคิดว่าอีกฝ่ายจะมาทวงงาน เพราะวันนี้มีนัดไลฟ์ขายของลูกค้าอยู่ แต่เธอมัวแต่เตรียมตัวไปงานแถลงข่าว จึงเผลอลืมเรื่องนั้นไป

“ว่าไงพี่บอสตี้ ฉันกำลังแต่งหน้าค่ะ เดี๋ยวอีก 20 นาทีไลฟ์” ไอวาพูดดัก เพราะเธอมั่นใจว่าผู้จัดการของเธอ จะโทรมาทวงงานแน่ๆ

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ฉันมีเรื่องใหม่จะเม้า”

“อะไรอีก? นี่ออกไปไม่ทันถึงชั่วโมงมีเรื่องชาวบ้านมาเม้าแล้วเหรอ”

“ไม่เรื่องชาวบ้านค่ะ เรื่องนี้เกี่ยวกับแกแน่นอน” ไอวาละมือจากการแต่งหน้า แล้วหันไปตั้งใจฟังคนในจอโทรศัพท์อย่างใจจดใจจ่อ

“วงในกระซิบมา ว่าคุณเจเดนเจ้าพ่อสื่อ ซื้อหุ้นเวทีที่แกจะประกวด” ไอวานิ่งไปสักครู่ เพราะกำลังนึกว่าคนที่บอสตี้กล่าวถึงคือใคร

“แล้ว?”

“แล้วก็จะล็อกมงสิยะ เขารู้กันทั้งนั้นแหละ ว่าคุณเจเดนตามจีบนังนางเอกก้างชิ้นโตของแก แบบนี้นะเขาให้มงมันแน่ๆ เพราะเขาน่าจะหวังกินมัน” ไอวาเริ่มนึกออกขึ้นมาแล้ว เจเดนคนที่บอสตี้กล่าวถึง เป็นนักธุรกิจเกี่ยวกับสื่อ เพราะแบบนั้นเธอเลยไม่ค่อยได้เจอเขา เพราะทำงานเดินแบบเป็นส่วนใหญ่

“เอาไง นี่ฉันอุตส่าห์ลุกขึ้นมาสู้แล้วนะ เลือกเสื้อผ้า หน้าผมแล้ว”

“ก็...เอาที่สองก็ยังดี ที่หนึ่งก็ให้มันไปเถอะ”

“อ้าว แข่งแล้วมันก็ต้องหวังมงหรือเปล่า” ไอวาเริ่มจะถอดใจ ดูเหมือนว่าชะตาของเธอมันถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ว่าถึงอย่างไรก็คงไม่มงแน่ๆ

“เงินรางวัลรองก็ไม่น้อยค่ะ แล้วก็ได้ส่งออกเหมือนกันแค่เวทีเล็กกว่า ไม่ได้ชนะก็ช่างหัวมันเถอะ”

“งั้นไอ้วันแถลงข่าวนี่ก็ไม่ต้องอะไรมากมายถูกมั้ย?”

“ก็ทำให้มันเต็มที่นั่นแหละ เผื่อแกไปเตะตาคุณเจเดนเข้า เราอาจจะพลิกเกมก็ได้นะ” ในใจลึกๆ ของบอสตี้ก็อยากใช้วิธีที่มันโกงหน่อย แต่ก็คิดว่าไอวาคงจะไม่เอาด้วยหรอก

“ถ้าเขาอยากกินยายนั่น พี่ไม่ต้องหวังว่าจะให้ฉันไปนอนกับเขาแลกมงหรอก” แล้วก็เป็นไปตามที่บอสตี้คาดเอาไว้ ไอวาปฏิเสธเสียงแข็งขนาดว่าบอสตี้ลองแกล้งพูดเล่นๆ

“เออๆๆ ฉันรู้ คนอย่างแกศักดิ์ศรีมันเอามาคลุกข้าวกินได้อยู่แล้ว ฉันก็แค่เสนอดูเผื่อแกจะสนใจ”

“เอาไว้อับจนหนทางกันจริงๆ ฉันจะพิจารณาก็แล้วกัน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็แค่นี้นะ ฉันต้องใช้สมาธิ” พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมาไอวาก็เริ่มไม่อยากจะคุย เธอวางสายจากบอสตี้ทันที

บทก่อนหน้า
บทถัดไป