บทที่ 7 ข้อตกลง
เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ในห้องทำงานหรูของบอสตี้ บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำหอมราคาแพงและแสงไฟ ที่สาดสะท้อนโต๊ะกระจกใส เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านชื่อที่โชว์บนหน้าจอ แล้วรีบกดรับอย่างไม่รอช้า
“สวัสดีค่ะคุณเจเดน” เสียงเขาเปลี่ยนเป็นสุภาพทันทีที่ปลายสายตอบรับ เสียงของชายอีกฝั่งราบเรียบ เยือกเย็น แต่ทรงพลัง
“วันนี้ผมว่างแล้วนะครับ คุณบอสตี้ส่งเด็กที่จะส่งประกวดมาได้เลย ส่งโลฯ มาด้วยนะครับผมจะให้คนของผมไปรับ” บอสตี้แทบจะเด้งตัวขึ้นจากเก้าอี้ ดวงตาของเขาเปล่งประกายราวกับได้รับพรจากฟ้า เขารีบตอบแทบจะทันที
“ได้เลยค่ะคุณเจเดน เดี๋ยวบอสตี้จัดการให้ตอนนี้เลยค่ะ!” เจเดนวางสายโดยไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ ไม่ต้องบอกซ้ำ ไม่ต้องขอคำยืนยัน เขาเป็นประเภทที่ “พูดหนึ่งครั้ง” ก็เท่ากับคำสั่งแน่นอนแล้ว
บอสตี้รีบหันไปคว้าโทรศัพท์เครื่องที่สอง ก่อนจะเลื่อนหาเบอร์ของไอวา มือของเขาสั่นเล็กน้อย ด้วยความตื่นเต้น เขารู้ว่าหากไอวาได้สร้างความประทับใจในครั้งแรกให้เจเดนได้สำเร็จ ไม่เพียงแต่เธอจะพุ่งขึ้น แต่ตัวเขาเองก็จะได้เครดิตไม่น้อยในสายตาเจเดนด้วย
“รับสิยัยนี่... รับสิโว้ย!” เขาพึมพำระหว่างที่เสียงรอสายยังดังอยู่ สุดท้ายเสียงปลายสายก็ตอบรับมา เสียงของไอวาออกจะงัวเงียเล็กน้อย เพราะเธออดหลับอดนอนไลฟ์สดหาแสงแทบทั้งวันทั้งคืน โดยหวังว่าจะมากพอที่จะตีคู่กับพราวฟ้า ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นไปไม่ได้
“ฮัลโหล...?”
“ยัยไอวา! ตื่นยัง!? ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้! ล้างหน้าแต่งตัว! ฟังให้ดีนะ เขาเรียกแล้ว!” เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบเสียงเบาเหมือนยังไม่แน่ใจว่าฟังถูก
“เขา? เขาไหน ใครเรียก...?”
“คุณเจเดนน่ะสิยะ! เขาว่างตอนนี้! บอกว่าให้ส่งแกไป เดี๋ยวคนของเขาจะมารับ! แกต้องรีบเลย เข้าใจมั้ย!?”
“ไม่เร็วไปหน่อยเหรอเจ๊ ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเลย” น้ำเสียงไอวาแผ่วลงชัดเจน เธอไม่ได้คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้เลยจริงๆ แม้จะรู้ว่า “เกมนี้” ไม่มีเวลาทำใจมากขนาดนั้น แต่เธอก็ยังอยากให้มีเวลาเตรียมใจอีกสักนิด สักเดือน หรือสักอาทิตย์ก็ยังดี แต่ดูเหมือน...โชคชะตาไม่เคยถามความพร้อมของใครก่อนจะเขียนบทให้
“ฉันไม่สนว่าแกพร้อมหรือเปล่า! แต่นี่มันโอกาสทองของแก แกจะปล่อยให้หลุดมือไม่ได้เด็ดขาด เข้าใจมั้ย!? แต่งตัวให้เริ่ด หน้าเป๊ะ ผมเป๊ะ เสื้อต้องปัง ห้ามโทรมเด็ดขาด!”
“จ้าๆ ...” ไอวาตอบเบาๆ
บอสตี้รับรู้ถึงความลังเล เขารู้ว่าเธอเป็นเด็กฉลาด และไม่ใช่ประเภทที่โยนตัวเข้าไฟโดยไม่คิด แต่ตอนนี้เขาจำเป็นต้องดันเธอให้ไปข้างหน้า ไม่ใช่ให้ถอยหลัง
“ฟังนะไอวา แกเดินมาถึงตรงนี้แล้ว จะหันกลับไม่ได้ มันไม่มีประตูหลังให้ถอยแล้ว เข้าใจมั้ย? ไม่ต้องกลัว... เจ๊เชื่อว่าแกเอาอยู่” เสียงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ไอวาจะตอบกลับมา
“...ขอบคุณค่ะเจ๊ ไอวาจะลองดู”
“ไม่ต้อง ‘ลอง’ ย่ะ ถ้าแกไม่อยากชวดมง ต้องทำให้คุณเจเดนเขาเห็น ว่าแกมีของ!”
“ด้วยการนอนกับเขาเนี่ยเหรอ?”
“ก็มันเป็นทางเดียว ฉันช่วยแกได้เท่านี้ แต่ถ้าแกทำได้ดี ฝันที่แกอยากจะไปเดินแบบที่ต่างประเทศ ไม่ใช่เรื่องยากแน่นอน” ไอวาวางสายช้าๆ แล้วเอนหลังพิงหัวเตียง เธอมองเพดานสีขาวพลางปล่อยให้ความคิดไหลวน สองมือลูบผ่านผ้าห่มเนื้อหนาอย่างใจลอย
“ศักดิ์ศรีกินไม่ได้ไอวา...” เธอกระซิบกับตัวเอง มันเหมือนฝัน แต่ก็เหมือนฝันร้ายในเวลาเดียวกัน
เธอลุกขึ้นจากเตียง เดินไปยืนหน้ากระจกบานใหญ่ สบตากับเงาตัวเองที่ปรากฏตรงหน้า แววตาในกระจกไม่หลบเลี่ยง แต่ก็ไม่มั่นคงนัก
“มันไม่มีอะไรน่าอายหรอก...เธอทำได้ไอวา” เธอบอกกับเงาสะท้อนของตัวเอง ทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า ก็ไม่มีใครรู้หรอก นอกจากตัวเธอเอง
ไอวาค่อยๆ เดินออกไปจากหน้ากระจก ร่างกายของเธอยังรู้สึกหนักอึ้งเหมือนแบกรับบางอย่างที่มองไม่เห็น เธอลากเท้าไปยังตู้เสื้อผ้าทรงสูงบานใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมห้อง ลมหายใจเข้าลึกก่อนที่มือเรียวจะเปิดบานประตูตู้เสื้อผ้าออก
ภายในเต็มไปด้วยเสื้อผ้าแน่นเอี๊ยด ทั้งชุดราตรี ชุดแนวเรียบหรู และเดรสสั้นที่บอสตี้เลือกให้เธอใส่ในหลายโอกาส เธอยืนจ้องเสื้อผ้าอยู่นาน ไม่ใช่เพราะไม่มีอะไรจะใส่ แต่เพราะไม่มีชุดไหนที่ “รู้สึกเป็นตัวเอง” เลยสักชุดเดียว
“แล้วคุณเจเดนเขาจะชอบให้แต่งตัวแบบไหนกัน” เธอพึมพำเบาๆ กับตัวเอง
มือเธอลูบผ่านผ้ากำมะหยี่สีดำ ผ้าซาตินเงา และผ้าไหมแวววาว ก่อนจะหยุดอยู่ที่ชุดเดรสแขนกุดสีครีมตัดเข้ารูปยาวเหนือเข่านิดเดียว ดูเรียบแต่มีระดับ พอจะให้ความรู้สึก “ไม่พยายามเกินไป” แต่ก็ยัง “ขาย” ได้ในสายตาผู้ชายที่เธอกำลังจะไปเจอ
“ถ้าเขาชอบพราวฟ้า ก็คงจะชอบอะไรแบบนี้ละมั้ง” เธอพูดก่อนจะวางชุดนั้นไว้ แล้วไปอาบน้ำสระผม เพื่อเตรียมตัวไปเจรจากับเจเดน
เมื่ออาบน้ำจนเนื้อตัวหอมดีแล้ว เธอก็แต่งตัวให้พร้อมก่อนจะมาสวมชุดเดรสที่เลือกเอาไว้ ผ้าสัมผัสแนบเนื้อเย็นวาบตอนสวมใส่ แขนเรียวยกขึ้นจัดสายเสื้อให้พอดีตัว เธอเดินไปนั่งหน้ากระจก โต๊ะเครื่องแป้งของเธอเต็มไปด้วยขวดเล็กขวดน้อย แป้ง รองพื้น ลิปสติก น้ำหอม ทุกอย่างเรียงกันอย่างเป็นระเบียบแบบที่บอสตี้ชอบ มือเธอสั่นเล็กน้อยตอนที่แตะพัฟลงบนแก้ม เพื่อเก็บความเรียบร้อยของเครื่องสำอาง
“ไม่ต้องกลัว...มันเป็นเรื่องธรรมชาติ...เรื่องธรรมชาติ” เธอพยายามสะกดจิตตัวเอง
เธอแต่งหน้าอย่างใจเย็น แม้ในหัวจะตีกันยุ่ง คิ้วสวยถูกวาดขึ้นด้วยดินสออย่างสวยคม เธอเลือกลิปสติกสีชมพูตุ่นๆ ไม่ฉูดฉาด แต่ยังน่ามอง
เธอปล่อยผมยาวสลวยให้ไหลลงบ่าอย่างเป็นธรรมชาติ ใช้แปรงหวีเบาๆ เพียงไม่กี่ครั้ง ไม่ต้องการให้ดูตั้งใจเกินไป เมื่อเสร็จ เธอมองหน้าตัวเองในกระจกอีกครั้ง ดวงตาในเงาสะท้อนนั้นดูนิ่งขึ้นกว่าเมื่อชั่วโมงก่อน แต่ก็ยังมีรอยคล้ายความกังวลซ่อนอยู่ในเงาของดวงตา
เธอลุกขึ้น เดินไปหยิบกระเป๋าคลัตช์เล็กๆ สีครีมที่เข้ากับชุด หยิบมือถือกับลิปสติกติดไปเพื่อเติมด้วย แล้วสูดลมหายใจลึก ทันใดนั้น...เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นข้อความ
“รถจอดรออยู่หน้าคอนโดแล้ว ลงมาได้เลยครับ – K” ไอวาถือโทรศัพท์แน่น ก่อนจะก้าวไปหยุดหน้าประตูห้อง มือแตะลูกบิดอยู่พักใหญ่โดยไม่เปิดออก
“เมื่อเปิดประตูนี้ไป… ชีวิตเราจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้วใช่ไหม...” เธอกระซิบกับตัวเอง แล้วค่อยๆ หมุนลูกบิด
ทางเดินหน้าห้องเงียบสงัด พรมสีแดงไวน์ใต้เท้าดูหรูหราแต่ก็รู้สึกเหมือนทางเดินไปยังโลกอีกใบหนึ่ง เธอกดลิฟต์ลงไปยังล็อบบี้ สายตาระหว่างทางมองออกไปนอกกระจกสูงด้านข้างตึก เห็นแสงไฟในเมืองสว่างวูบวาบราวกับเมืองไม่เคยหลับ
เมื่อถึงชั้นล่าง ประตูลิฟต์เปิดออก เธอเดินออกมาช้าๆ ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นรถคันหนึ่งจอดรออยู่ริมฟุตบาท รถเบนซ์สีดำสนิท กระจกรถกรองแสงมืดสนิทจนมองไม่เห็นด้านใน ประตูหลังฝั่งขวาค่อยๆ เปิดออกอย่างสุภาพ ชายหนุ่มรูปร่างสูงในสูทสีเทาเข้มก้าวลงจากรถ เขามีหูฟังเล็กๆ และท่าทีเยือกเย็น มือเขาเชิญเธอด้วยท่าทางสุภาพแต่ชัดเจน
“คุณไอวาใช่ไหมครับ?” เขาถามเสียงเรียบ เธอพยักหน้า
“เชิญครับ คุณเขารออยู่แล้ว”
เธอสูดลมหายใจอีกครั้งก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งในรถ ความนุ่มของเบาะหนังและกลิ่นใหม่ในรถทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังเข้าสู่โลกอีกใบจริงๆ ประตูปิดลง เสียงข้างนอกเงียบหาย รถแล่นออกไปช้าๆ ไฟจากถนนไล้ผ่านใบหน้าของเธอเป็นจังหวะๆ ทุกครั้งที่ผ่านใต้ไฟส่องทาง
“เลิกกังวลสักที” เธอคิดในใจ หัวใจเธอเต้นดังอยู่ในอก
