บทที่ 8 เขา...อันตราย
สายลมยามค่ำคืนพัดแผ่วผ่านราวไม้ไผ่ที่เรียงรายข้างถนนคอนกรีตเก่าในเขตชานเมืองกรุงเทพมหานคร แสงไฟถนนสลัวสะท้อนกับหมอกที่ลอยต่ำ ใบไม้ไหวเบาๆ อย่างมีจังหวะประหนึ่งลมหายใจของเมืองที่ไม่เคยหลับใหล
ไอวานั่งตัวเกร็งอยู่เบาะหลังของรถ ไฟจากเสาไฟริมทางทอดเฉียดใบหน้าเธอเป็นระยะขณะรถแล่นผ่าน เธอสวมแว่นกันแดดทรงโต แม้จะไม่ใช่กลางวันเธอสวมมาก็เพื่อซ่อนดวงตาที่เต็มไปด้วยความประหม่าของตัวเอง เสื้อคลุมผ้าซาตินเนื้อนิ่มยังคงพรางชุดด้านในไว้ และกระเป๋าถือในอ้อมแขนเธอกลับดูคล้ายโล่กำบังความไม่มั่นใจที่ตีวนอยู่ภายในอก
ไอวาเงียบมาตลอดทาง ไม่เอ่ยคำพูดกับใครตั้งแต่ก้าวขึ้นรถ เธอเพียงพยักหน้าเบาๆ ตอนที่ลูกน้องของเจเดนถามเธอเท่านั้น
ตอนแรกเธอเกือบจะปฏิเสธ เพราะอยากขอเวลาอีกนิด ขอเตรียมใจ หรือขออะไรสักอย่างให้รู้สึกว่าพร้อมกว่านี้...แต่สุดท้ายเธอก็ทำได้แค่ตอบรับข้อเสนอนั้น เพราะในใจเธอรู้ดีเมื่อก้าวเข้ามาในเกมนี้แล้ว ไม่มีทางถอยหลัง
“ใกล้ถึงแล้วครับคุณไอวา” เสียงคนขับดังขึ้นอย่างสุภาพผ่านกระจกกั้น เพื่อบอกให้เธอรู้ตัว ไอวาพยักหน้าเบาๆ ปรับลมหายใจให้สม่ำเสมอ มือเรียวยกแว่นกันแดดออก ดวงตาคู่สวยสะท้อนแสงไฟริมทางพลางเผยเงาแห่งความหวาดหวั่นที่เธอพยายามเก็บซ่อนไว้ใต้ความนิ่ง
“ฉันไม่ควรแสดงความกลัวออกไป ถึงจะประหม่า... ก็ต้องดูมั่นใจเข้าไว้” เธอกระซิบกับตัวเองเบาๆ
รถหยุดนิ่งช้าๆ ประตูเปิดออก เธอก้าวลงอย่างมั่นคงที่สุดเท่าที่จะทำได้ รองเท้าส้นสูงกระทบพื้นคอนกรีตเสียงดัง ‘กึก’ ก้องท่ามกลางความเงียบสงัดของค่ำคืน
ตรงหน้าเธอตึกกระจกสูงตระหง่านกลางสวนส่วนตัว แสงไฟอุ่นภายในสะท้อนลงผืนน้ำรอบสระที่ล้อมรอบตึก สร้างภาพเหมือนโลกอีกใบหนึ่งที่หรูหรา เยือกเย็น และ...อันตราย
สถานที่แห่งนี้คือคอนโดฯ ที่เป็นเสมือนเวทีปั้นดาราดังหลายๆ คนของ...เจเดน
เสียงฝีเท้าไอวาดังก้องเบาๆ เมื่อเธอเดินผ่านโถงทางเดินพื้นหินอ่อนยาว สองข้างทางประดับด้วยภาพวาดร่วมสมัยที่ดูไร้แบบแผน แต่ก็ให้ความรู้สึกเฉียบขาด ผู้ช่วยสาวในชุดสูทเรียบหรูพาเธอขึ้นลิฟต์ส่วนตัวโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ มีเพียงเสียง ติ้ง ของลิฟต์เมื่อถึงชั้นดาดฟ้า
ประตูกระจกเลื่อนออก เผยให้เห็นพื้นที่กลางแจ้งขนาดใหญ่ที่จัดเป็นห้องนั่งเล่นกลางสวนลอยฟ้า ตรงกลางคือชายหนุ่มในสูทเนื้อดีที่กำลังยืนหันหลังให้เธอ มือถือแก้ววิสกี้ ภาพวิวยามค่ำคืนคือฉากหลังของเขา แสงจากตึกพาดเงาร่างนั้นให้ทอดยาวลงบนพื้นไม้สีเข้ม
ไอวาไม่ต้องให้ใครแนะนำ เธอรู้ทันทีว่าคนตรงหน้าคือ “เจเดน” มาเฟียแห่งวงการบันเทิง นั่นคือฉายาของเขาที่ใครๆ ก็รู้จักดี
ชายผู้ไม่เคยปรากฏตัวในสื่อแต่มีอิทธิพลแฝงตัวอยู่ทุกวงการ ตั้งแต่ธุรกิจ จนถึงโลกมืดที่เธอเพิ่งเริ่มเหยียบย่างเข้าไป
“คุณไอวา?” เขาหันกลับมาในจังหวะเดียวกับที่เสียงส้นรองเท้าของเธอสะท้อนพื้นไม้ ไอวากลืนน้ำลายลงคอ พลางพยักหน้าเบาๆ
“ค่ะ...คุณเจเดน?” ชายหนุ่มมองหน้าเธออย่างพิจารณาก่อนจะยิ้มน้อยๆ เขาก้าวเข้ามาใกล้ด้วยท่าทีผ่อนคลาย แต่สายตาคมกริบที่สบกับเธอมีบางสิ่งที่ไอวาไม่สามารถมองข้ามได้มันคือ...อำนาจ ประสบการณ์ และการมองทะลุคนในเสี้ยววินาที
“ดีใจที่เจอนะครับ” เขาเอ่ยเสียงเรียบ
“ไอวาก็ดีใจที่ได้รับโอกาสจากคุณค่ะ” เธอยิ้มรับ แม้เสียงในใจจะตะโกนให้รีบหนีออกจากที่นี่ เขาดูน่ากลัวเกินไป เจเดนหัวเราะเบาๆ เขายื่นมือเชิญเธอไปนั่งตรงโซฟาหนังใต้มุมร่มไม้ใหญ่ที่มีโต๊ะกระจกใสวางเครื่องดื่มไว้เรียบร้อย
“คุณบอสตี้คงจะบอกรายละเอียดทุกอย่างกับคุณหมดแล้วใช่ไหม?” เขาเอ่ยขณะรินชาให้เธอแทนวิสกี้
ไอวารับแก้วมา แม้จะอยากถามคำถามมากมายแต่ก็ยังไม่ใช่เวลา เธอเลือกฟัง รอจังหวะ และประเมินสถานการณ์
“ค่ะ”
“คุณรู้ใช่ไหมว่ากำลังจะทำอะไร?” เจเดนถาม พลางเท้าแขนมองหน้าเธออย่างไม่เร่งร้อน เขาต้องการแน่ใจว่าเธอไม่ได้โดนหลอกมา เพราะสายตาของเธอดูกังวลอยู่เล็กน้อย
“รู้ค่ะ” เธอตอบอย่างหนักแน่น
“งั้นก็ดีบอสตี้บอกว่าคุณมีของ แสดงได้ผมเห็นว่าจริงหรือเปล่า”
“หมายถึง... อะไรคะ?” เธอถามกลับ ดวงตาไม่ละจากเขา
“เสน่ห์ ความกล้า ความสามารถ หรือแม้แต่ความทะเยอทะยาน” เจเดนยิ้มมุมปาก หญิงสาวนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสลัดความกังวลออกไปจากดวงตาจนหมดสิ้น
“ทุกคนที่ผมสนใจต้องมีอย่างน้อยหนึ่งอย่าง แต่ถ้าคุณมีครบ ผมจะทำให้คุณเป็นดาวที่ไม่มีวันดับ” คำพูดนั้นทั้งดึงดูดและน่าหวาดหวั่นในคราวเดียว ไอวาพยายามไม่เผยสีหน้า แต่ในใจเธอกลับเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง เธอกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าคนที่สามารถชี้เป็นชี้ตายความฝันของเธอได้ และเธอรู้ดีว่าถ้าพลาด...มันไม่มีโอกาสครั้งที่สอง
“ค่ะ ไอวาเชื่อว่าไอวามีทุกอย่างที่คุณต้องการ ไม่อย่างนั้นไอวาไม่กล้ามานั่งอยู่ตรงนี้แน่นอน” เธอตอบอย่างหนักแน่น
“กล้า!” เจเดนพูดพร้อมกับชูนิ้วขึ้นมานับว่าเธอมีอะไรที่เขาต้องการ
“ไอวาเชื่อว่าตัวเองมีความสามารถมากพอ ที่จะชนะในเวทีอินเตอร์”
“ทะเยอทะยาน” เขาพูดและชูนิ้วขึ้นอีกนิ้วหนึ่ง
“ความสามารถคงพูดให้ฟังยาก ไอวาอยากให้คุณเห็นมันด้วยตาของคุณเอง และตัดสินใจเองดีกว่า” เขาชูนิ้วขึ้นมาครบสี่นิ้วและมองหน้าเธอ ก่อนจะยิ้มอย่างพอใจ
“ผมเห็นการเดินและการตอบคำถามของคุณแล้ว ทำได้ดี...กว่าพราวฟ้า คุณได้เปรียบเพราะเป็นนางแบบ และเป็นลูกครึ่ง นั่นคือความสามารถ” เธอจ้องเขาเหมือนรอคำตอบ ในเมื่อเขาชูมาสี่นิ้วก็แปลว่าเธอต้องมีเสน่ห์ด้วย และเขายังไม่ได้พูดถึงมันเลย
“แน่นอน...คุณเป็นคนสวย และมีเสน่ห์แบบไม่ต้องพยายาม สายตาของคุณสวยจนสะกดคนได้ ยิ่งเวลาที่คุณพูด มันทำให้ละสายตาจากใบหน้าสวยๆ ของคุณไม่ได้เลย” เขาเหมือนรู้ว่าเธอต้องการจะฟังมัน
“ทีนี้ก็เข้าเรื่องของเราเลยก็แล้วกัน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก หัวใจของเธอเริ่มเต้นรัว เขาคงไม่ได้จะพาเธอขึ้นเตียงแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้หรอกนะ
“ทุกคนลงความเห็นตรงกัน ว่าคนที่จะมงปีนี้ ยังไงก็เป็นพราวฟ้า” ประโยคนี้กรีดลงตรงหัวใจของไอวาแม้จะเป็นความจริง
“แต่ผมจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น คุณเข้าใจใช่ไหม?” หญิงสาวพยักหน้ารับ
“คุณไม่จำเป็นต้องทำอะไร ทำตามที่ผมบอกก็พอ การเดิน การตอบคำถาม ภาษา หรือความสวย คุณไม่เป็นรองพราวฟ้าอยู่แล้ว ส่วนพื้นที่สื่อผมจะจัดการเอง”
“ค่ะ” ไอวาไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี
“ผมไม่ชอบคนพูดน้อยนะ และคนพูดน้อยก็ครองพื้นที่สื่อยากด้วย”
“ไอวาแค่ทำตัวไม่ถูก เพราะคุณ...”
“ทำตัวสบายๆ เถอะไม่ต้องระวังคำพูดอะไรมากนักหรอก ผมไม่ถือสา อยากพูดอะไรก็พูดได้เลย ถ้าคำไหนผมไม่ชอบผมจะบอกเอง” ไอวารู้สึกผ่อนคลายขึ้นและเริ่มพูดคุยกับเจเดนอย่างผ่อนคลายมากขึ้น โชคดีของเธอที่เขาเป็นคนชอบเล่นกีฬา และเธอก็มีกีฬาที่ชอบเล่นซึ่งมันเป็นกีฬาที่เขาชอบพอดี การสนทนาระหว่างคนทั้งสองผ่อนคลายขึ้น และเหมือนเจเดนจะคุยกับเธอสนุกจนลืมไปว่า เขาเรียกเธอมาวันนี้เพื่ออะไร
เป็นโชคดีของไอวาที่วันนี้ ยังไม่ต้องเปลื้องผ้าคุยกับเขา แต่เจเดนก็ถูกใจเธอมาก
