บทที่ 8 8
“ฮัลโหล...” เสียงแปร๋นๆ ดังมาแต่ไกล ก่อนที่สาวสวยที่วันนี้แต่งตัวจัดจ้านเหมือนเคยจะตรงดิ่งเข้ามากอดคอเธอ “ว่าไงนก กินข้าวเช้าหรือยังเนี่ย”
“เพิ่งกินเสร็จเมื่อกี้เองค่ะคุณฤทัย”
“โอ๊ย ดูเรียกเข้าเถอะ ห่างเหินเชียว เรียกพี่ทัยดีกว่าจ้ะ”
“ค่ะพี่ทัย”
“เดี๋ยวออกไปข้างนอกกันนะ พี่จะพาไปเที่ยวห้าง เคยไป เดินห้างหรือยัง”
“สมัยเด็กๆ เคยไปค่ะ ไปกับพ่อแม่” เสียงเธอแผ่วเบาลงเมื่อ นึกถึงมารดาผู้ล่วงลับไปแล้ว
“ตอนเป็นสาวยังไม่เคยไปสินะ เอาล่ะ เดี๋ยวพี่คนนี้จะพาไปเปิดหูเปิดตาเอง” จากนั้นก็หันไปทางพรทิพา “คุณแม่ไปด้วยกันไหมคะ”
“ไม่ล่ะ ไปกันเถอะ” ตอบแล้วก็เดินห่างออกไปทางอื่น
“หนูไม่มีตังค์ติดตัวเลยนะคะพี่ทัย จะให้ไปเที่ยวห้างกับพี่ กลัวจะเป็นภาระ”
หญิงสาวมองฉันท์ชนกอย่างสงสาร “อย่าคิดเล็กคิดน้อย พี่ธรไม่ได้ให้เงินเธอติดตัวไว้บ้างเลยเหรอ ขี้งกจริงเชียวตาคนนี้”
“เขาคงเห็นว่าหนูไม่ได้ออกไปไหนมั้งคะ แล้วหนูก็ไม่กล้ารบกวนเขาด้วย แค่นี้ก็รู้สึกแย่มากพอแล้ว”
“อายุแค่สิบเจ็ด แต่ทำท่าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ แบบนี้จะทำให้เธอแก่ก่อนไวนะนก ควรทำตัวให้สดใสร่าเริงเข้าไว้สิ ไปๆ ไปเที่ยวกัน เดี๋ยวพี่เลี้ยงข้าวเอง” พูดจบก็ลากเด็กสาวออกจากบ้าน ขึ้นรถแล้วพาไปห้างสรรพสินค้า
นอกจากเดินห้างช่วยกันเลือกซื้อของตามประสาผู้หญิงแล้ว กันต์ฤทัยยังพาเธอไปไหว้พระทำบุญอีกด้วย กว่าจะกลับก็ถึงเวลาเย็นพอดี
การได้ออกจากบ้านในวันนี้ทำให้เธอรู้สึกสนิทกับกันต์ฤทัยขึ้นอีกระดับหนึ่ง และรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนอัธยาศัยดีน่าคบหาไม่น้อยเลยทีเดียว
“ขอบคุณนะคะพี่ทัย นอกจากจะพาหนูเที่ยวแล้วยังซื้อของให้หนูอีก” เธอยกมือไหว้หญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถตรงตำแหน่งคนขับ
“ได้ออกไปข้างนอกกับเธอสนุกดี ของนั้นถือว่าพี่ซื้อให้น้องสาวล่ะกัน อย่าลืมนะมีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอด ใครรังแกก็บอกกันได้”
“ค่ะพี่” เธอยกมือไหว้อีกครั้ง มองจนรถคันหรูแล่นจากไปจนลับสายตาแล้วนั่นล่ะ ถึงหิ้วของพะรุงพะรังเข้าบ้าน และก็เจอร่าง สูงใหญ่ยืนตระหง่านรออยู่ตรงกรอบประตูพอดี
สีหน้าบูดบึ้งของเขาบอกชัดเจนว่ากำลังไม่พอใจ !
“ออกไปข้างนอกมาเหรอ”
“อื้อ ค่ะ” เธอพยักหน้า “พี่ทัยพาไปเปิดหูเปิดตา”
“อยากเที่ยวทำไมไม่บอกฉันล่ะ”
“หนูไม่ได้อยากเที่ยว แต่พี่ทัยมาชวน หนูไม่รู้จะปฏิเสธยังไง แต่พอได้ไปแล้วก็รู้สึกสนุกดีเหมือนกันค่ะ”
ดวงตาคู่คมหรี่ลงเล็กน้อย “ก็ยังดีที่ไปกับผู้หญิงด้วยกัน ไม่งั้นเป็นเรื่องแน่”
“เอ๋ ? ” เด็กสาวเอียงคออย่างประหลาดใจ “ทำไมต้องเป็นเรื่องด้วยคะ เราไม่ใช่แฟนกันสักหน่อย”
หน้าคมตึงเครียดขึ้นมาทันที “ตอนนี้เธอเป็นสิทธิ์ของฉัน ไม่มีสิทธิ์มองผู้ชายคนอื่นรู้ไว้ซะด้วย”
ฉันท์ชนกกระพริบตาปริบๆ อย่างงุนงง “ไม่เห็นต้องโมโหขนาดนั้นเลยค่ะ”
เขามองเธอด้วยหางตา ปากงอ ก่อนคว้าถุงข้าวของในมือเธอมาถือไว้เสียเอง
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะ”
“พี่ทัยซื้อให้ค่ะ”
เขาหลุบตามองข้างในถุงใบหนึ่ง “มีเครื่องสำอางด้วยเหรอ”
“ค่ะ พี่ทัยซื้อให้ บอกว่าหนูควรดูแลตัวเองบ้าง”
“อายุสิบเจ็ดจะต้องแต่งหน้าทำไมให้หนาเตอะ ใสๆ เป็นธรรมชาติก็น่ารักดีอยู่แล้ว” เขาบ่น และเธอก็สนใจตรงประโยคท้ายๆ ของเขานี่แหละ
“หืม ? เมื่อกี้คุณธรชมหนูว่าน่ารักเหรอ”
“หูฝาดแล้วยัยบ๊องส์ ใครจะไปชมเธอ” เขาหันหลังเดินลิ่วขึ้นชั้นสอง โดยมีเธอวิ่งตามไปติดๆ
“เดี๋ยวสิคะคุณธร หูหนูยังดีอยู่นะ เมื่อกี้อ่ะ ไม่ได้หูฝาดไปเองแน่นอน”
“อยากฟังอีกเหรอ” เขาหยุดเดินกะทันหันเมื่อมาถึงหน้าห้องนอน
“เอ้า ก็ต้องอยากฟังสิคะ”
ชายหนุ่มเปิดประตูออกแล้ววางของลงหน้าโต๊ะกระจก ก่อนจะฉุดมือเธอให้ตามเข้ามาในห้อง ปิดประตูแล้วกอดเอวเธอไว้หลวมๆ
“งั้นฟังให้ดีๆ นะ”
“ค่ะ จะตั้งใจฟังค่ะ” เด็กสาวพยักหน้ารัวๆ ทำตาใส รอฟัง ใจจดใจจ่อ
“ฉันบอกว่าเธอน่ารัก” ยื่นหน้ามากระซิบชิดริมหูเล็กจนเธอ ขนลุกซู่ “และก็...น่าเอาด้วย”
ฉันท์ชนกแก้มร้อนผ่าว รีบผลักอกกว้างให้ออกห่างตัว
“บ้าสิคะ”
“บ้าที่ไหน ก็เธออยากฟังไม่ใช่เหรอ ฉันก็พูดให้ฟังแล้วไง”
“หนูไม่อยากคุยด้วยแล้ว”
“แต่ฉันอยากคุยกับเธอนะ ไอ้นี่ก็คิดถึงเธอใจจะขาดอยู่แล้ว” เขาจับมือเล็กมาวางตรงเป้ากางเกง เธอรู้สึกได้ถึงความแข็งผงาดของสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงนั้น
“อะ...อีกแล้วเหรอ”
“อยากให้ฉันพอใจไม่ใช่หรือไง”
“กะ...ก็...ก็ใช่ค่ะ” เธอพยักหน้า แก้มแดง ก่อนหวีดร้อง เสียงหลงเมื่อโดนเขาจับโยนขึ้นเตียง
“ว้าย ! ”
“ถ้างั้นครั้งนี้ขอสองทีติดเลยก็แล้วกันนะ” เขาพูดก่อนกระโจนขึ้นเตียงกอดรัดฟัดเหวี่ยงเธอ เธอดีดดิ้นเล่นตัวพักหนึ่งก่อนที่ไฟสวาทจะแผดเผาคนทั้งคู่จมดิ่งลงห้วงแห่งกามา ดื่มด่ำกับบทพิศวาสที่ ไม่อิ่มเอมโดยง่าย
