บทที่ 13 ชนวนเหตุ (30%)
อาทิตย์ถัดมา บูรณิมาก็มาหาแม่ที่โรงพยาบาลรักษ์ เพราะรู้สึกว่าช่วงนี้แม่มีอาการเหม่อๆ บางทีก็ใจลอยถามก็ไม่ตอบ แถมยังกินข้าวได้น้อยผิดปกติ ฉะนั้นเธอจึงลงทุนไปต่อคิวร้านอาหารโปรดของแม่ตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อเอาของกินมาส่งให้อีกฝ่าย เผื่อว่าแม่ของเธอจะเจริญอาหารขึ้นมาบ้าง ก็เข้าใจว่าแม่ทุกข์ใจเรื่องหนี้สินที่พ่อก่อไว้ แต่ก็อดเป็นห่วงสุขภาพของแม่ไม่ได้ ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไร เธอเองก็คิดมากไม่ต่างกัน หากแต่ชีวิตยังอยู่ก็ต้องสู้กันต่อไป ถ้าเรามัวแต่เอาใจไปผูกติดอยู่กับปัญหา พะวงอยู่แต่กับความทุกข์ ชีวิตก็จะไม่สามารถก้าวต่อไปได้
เอาอาหารส่งให้แม่แล้ว สาวน้อยก็อดที่จะกระซิบถามถึงอาการของนีราไม่ได้ เพราะนางแบบคนดังอยู่ในความดูแลของแผนกที่แม่เธอทำงานอยู่พอดี หลังจากคุยกับแม่สักพักก็มีเคสด่วนเข้ามา แม่รีบปลีกตัวไปทำงาน ส่วนเธอก็มุ่งหน้าลงลิฟต์ไปยังร้านกาแฟตรงใต้ตึก
กะว่าจะไปหาอะไรอร่อยๆ กินในระหว่างรอนลินนิภา นอกจากจะมาหาแม่แล้ว วันนี้เธอยังมีนัดกับเพื่อนรักที่นี่ด้วย ขณะกำลังนั่งรอกาแฟและขนมหวานที่สั่ง มือถือก็มีเสียงแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้า ครั้นก้มลงมองหน้าจอก็ปรากฏว่าคนที่ส่งข้อความมาคือเอวาริน นายจ้างงานพิเศษของเธอ
‘ยายกระปุกตั้งฉ่าย อยู่โรง’บาลรักษ์ใช่ไหม’
ข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาทำให้สาวน้อยแก้มป่องทำตาโต เงยหน้าขึ้นมองซ้ายขวา แต่ก็ไร้เงาของคนที่ว่า ก่อนจะก้มลงพิมพ์ข้อความตอบกลับรัวๆ
‘พี่เอวารู้ได้ไงอะ’
‘ก็ฉันเห็นใครไม่รู้ตัวขาวๆ อวบๆ เดินดุ๊กดิ๊กไปขึ้นลิฟต์’
‘งื้อออออ…พี่เอวาอยู่หนายยยย’
‘ตรงโถงหน้าประชาสัมพันธ์’
‘เดี๋ยวบี๋ไปหาค่า’
หลังจากนั้นไม่ถึงห้านาทีเธอก็ได้กาแฟและขนมที่สั่ง คนที่ในมือเต็มไปด้วยของกินพะรุงพะรังรีบเดินมุ่งหน้าไปยังโถงประชาสัมพันธ์ ทันใดนั้นขาเรียวที่ก้าวไปข้างหน้าก็พลันชะงัก เมื่อชนเข้ากับใครบางคน ร่างอวบเกือบจะหงายหลังล้มลงกระแทกพื้นอยู่แล้ว หากมือแกร่งของคนตัวสูงที่หัวเธออยู่แค่ระดับอกไม่คว้าท่อนแขนเรียวเอาไว้เสียก่อน เดชะบุญที่เธอไม่ล้มลงก้นจ้ำเบ้าให้ขายหน้า และที่สำคัญของกินในมือยังอยู่รอดปลอดภัยสบายหายห่วง
แต่ไม่รู้อีกฝ่ายคว้าแขนเธออีท่าไหน สงสัยแรงไปมั้ง ร่างอวบๆ ถึงได้ถลาเอาหน้าไปซุกอกกว้างอย่างจัง ทำเอาคนที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับหลุดอุทานตาโต รีบลนลานดันตัวออกจากร่างใหญ่ ในวินาทีที่เจ้าของใบหน้าแดงก่ำกำลังจะอ้าปากอึกอักขอบคุณด้วยความกระดากสุดฤทธิ์ อีกฝ่ายก็ดันโพล่งขึ้นเสียก่อน
“เดินระวังหน่อยสิ”
น้ำเสียงดุๆ ที่ดังขึ้นเหนือศีรษะทำให้หญิงสาวเม้มปาก แล้วเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเบิกตากว้าง เมื่อเห็นว่าเป็นจักรพรรดิที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ก็ไหนข่าวบอกว่าเขาประสบอุบัติเหตุพร้อมภรรยากับลูกสาวอาการสาหัส
“ขะ…ขอบคุณค่ะ”
หลังจากท่อนแขนเรียวถูกปล่อยออกจากอุ้งมือใหญ่บูรณิมาก็เอ่ยตะกุกตะกัก อยู่ใกล้เขามากขนาดนี้ทำเอาเธอรู้สึกประหม่า หายใจไม่ทั่วท้อง และทำตัวไม่ถูกไปเสียดื้อๆ
อีกทั้งเห็นหน้าเขาทีไร พลอยนึกถึงแต่คำว่า ‘พ่อหนูหล่อที่สุด’ ของผีเด็กตัวอวบ
ความฝันสุดพิลึกพิลั่นทำให้เธอนึกกระอักกระอ่วน มองหน้าเขาไม่เต็มตาเมื่อต้องเผชิญหน้ากัน หนำซ้ำเจ้าผีเด็กตัวแสบยังมากระซิบล้อข้างหูเธอในคืนหนึ่ง ว่าเธอกลัวใจตัวเอง
กลัวใจตัวเองเนี่ยนะ?
บ้าไปแล้ว!
เธอไม่ได้คิดอะไรกับคนแก่จอมเย็นชาหน้าตายตรงหน้าเสียหน่อย
“คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”
แล้วคนบอกตัวเองว่าไม่ได้คิดอะไรกับเขาก็โพล่งขึ้น เพราะอะไรไม่รู้เธอถึงบ้าหลุดปากถามออกมาแบบนั้น ทั้งที่ไม่ได้สนิทสนมกัน แถมรู้จักแค่ผิวเผิน และคำถามของเธอก็ทำให้เท้าของอีกฝ่ายชะงัก
“หืม?”
“เอ่อ…ฉันเห็นในข่าวบอกว่าคุณอาการสาหัส แต่ไม่รู้ว่าคุณออกจากโรง’บาลแล้ว”
“สนใจติดตามข่าวฉันด้วย?”
เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย พลอยให้เธอใบ้รับประทานและทำหน้าไม่ถูก
“…”
“เป็นห่วงฉันหรือไงเด็กน้อย?”
คำถามทื่อๆ และสายตาเย็นชาอ่านยากคู่นั้น ส่งผลให้คนตัวเล็กหน้าร้อนผ่าวอย่างไม่ทราบสาเหตุ จนต้องรีบก้มหน้างุด แล้วอุบอิบแก้ตัวพัลวัน
“เปล่าซะหน่อย ฉัน…ฉันเป็นห่วงพี่นีราต่างหากล่ะ”
จักรพรรดิไม่พูดอะไร ทำเพียงยักไหล่ ส่วนนัยน์ตาคู่นั้นก็ยังคงไร้อารมณ์และยากจะหยั่งถึงความรู้สึก ก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ามุ่งหน้าไปยังลิฟต์ โดยมีบอดี้การ์ดเดินตามหลังสามคน และน้ำคำที่แว่วมาให้ได้ยินก็ทำให้บูรณิมาหูผึ่ง
“ได้เบาะแสคนร้ายแล้วครับ”
“ชัวร์ไหม”
“ค่อนข้างชัวร์ครับ”
“งั้นไปสืบมาให้แน่ใจ อย่าเพิ่งบุ่มบ่ามทำอะไร”
อยากรู้นัก ว่าใครกันนะ ที่คิดจะทำร้ายนีรา โดยเฉพาะลูกสาวของหล่อน เด็กน้อยตาดำๆ ก็ยังคิดจะทำร้ายได้ลงคอ ส่วนจักรพรรดิน่ะเหรอ เห็นแบบนี้ก็รู้แล้วล่ะว่าหนังเหนียวตายยาก
จากนั้นบูรณิมาก็เดินมาหาเอวารินที่นั่งไขว่ห้างอยู่ตรงโซฟาชุดรับแขกของโรงพยาบาล มือขวาถือกาแฟลาเต้ ส่วนมือซ้ายถือถุงขนมที่ไปเหมามาจากร้านกาแฟ
“สวัสดีค่า พี่เอวา”
ทันทีที่มาถึงสาวน้อยก็ยกมือที่ยังคงถือของกินพะรุงพะรังไหว้ ท่าทางใสซื่อของยายตัวกลม แก้มป่อง ขาวโอโม่ หน้าอกและสะโพกใหญ่เกินตัว ดูๆ ไปเหมือนนางเอกหนังเอวี ทำให้นางแบบสาวหุ่นดีคลี่ยิ้มด้วยความเอ็นดู ก่อนจะพยักพเยิดให้คนที่เพิ่งมาถึงนั่งลง
“ยังชอบกินขนมเหมือนเดิมเลยนะ ยายกระปุกตั้งฉ่าย” น้ำคำสัพยอกเอ่ยขึ้นหลังจากที่สาวน้อยนั่งลงในฝั่งตรงข้าม และวางของกินที่ถือติดมือมาลงบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“ก็แหม…มันอร่อยนี่นาพี่เอวา”
คนตัวอวบแต่ไม่ถึงกับอ้วนเอ่ยเสียงอ่อย แล้วยังมีหน้ากระวีกระวาดหยิบขนมในถุงส่งให้อีกฝ่ายพร้อมฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี แต่หล่อนก็ส่ายหน้า แล้วเอ่ยอย่างหมั่นไส้
