บทที่ 2 2
หลังจากจบคาบเรียน เด็กสาววัยสิบเจ็ดก็มาพบครูที่ห้องแนะแนว “คุณครูเรียกหนูทำไมเหรอคะ”
“นั่งสิ เธอยังอยากทำงานอยู่ไหมสุภัครพี”
“อยากค่ะคุณครู” เด็กสาวตอบรับทันที
“เธอจะไม่ถามหน่อยเหรอว่างานอะไร”
“ไม่ค่ะ ถ้าคุณครูหาให้ก็แสดงว่าเป็นงานที่เชื่อถือได้อยู่แล้ว”
นงนุชคลี่ยิ้ม พยักหน้าคล้อยตามคำพูดของลูกศิษย์คนโปรด เธอรู้จักเด็กคนนี้มานานก่อนที่จะเข้ามาเรียนที่นี่ และสนิทชิดเชื้อกับพ่อแม่ของอีกฝ่าย รู้เรื่องราวทุกอย่างพอประมาณ และยังกำความลับสำคัญเอาไว้อีกเรื่องหนึ่งด้วย
“เพื่อนของครูที่เป็นผู้จัดการโรงแรม เขาต้องการพนักงานพาร์ตไทม์ เธอสนใจไหม” ถ้าเป็นก่อนหน้านี้สักปี เธอคงไม่ต้องเรียกคุยกับเด็กคนนี้ที่โรงเรียน เพราะบ้านอยู่ติดกัน แต่หลังจากมารดาของเธอเสียไปแล้ว พ่อของเธอที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจและเป็นคนเอาการเอางานก็ใจสลาย กลายเป็นคนขี้เมาหยำเป วัน ๆ เอาแต่ดื่มแล้วก็นั่งร้องไห้ จนธุรกิจเจ๊งไม่เป็นท่า บ้านก็ถูกธนาคารยึดจนต้องย้ายไปอยู่ห้องเช่าแทน
“สนใจค่ะคุณครู แต่หนูต้องทำอะไรบ้างคะ”
“เป็นบริกร ทำงานในห้องอาหาร เริ่มงานหกโมงครึ่ง เลิกสี่ทุ่มครึ่ง เขาให้สามร้อย รวมอาหารด้วยหนึ่งมื้อ คิดว่าทำได้ไหม”
“ได้ค่ะ จะให้หนูเริ่มงานวันไหนคะ”
“ถ้ามีงานเขาจะโทรมาตามเอง เดี๋ยวครูจะเอาเบอร์โทรของเธอให้เพื่อนครูไว้ก็แล้วกัน”
“แต่หนูไม่มีโทรศัพท์นะคะคุณครู” พูดจบโทรศัพท์ก็ถูกยื่นมาวางไว้ข้างหน้าของเธอ
“สามีครูเพิ่งซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้เป็นของขวัญวันเกิด ครูยกเครื่องนี้ให้เธอ ครูซื้อซิมใหม่ใส่ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”
เด็กสาวเผลอยิ้มอย่างยินดี แต่ก็รีบหุบลงและส่ายหน้าปฏิเสธ มันไม่ใช่ของเธอ เธอไม่ควรดีใจ
“คุณครูอย่าให้หนูฟรี ๆ เลยนะคะ ขายให้หนูดีกว่า แต่หนูไม่มีเงินให้คุณครูทีเดียวหรอกนะคะ หนูทำงานได้แล้วค่อยผ่อนให้คุณครูได้ไหมคะ”
“เอาไปเถอะ เก็บไว้ครูก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี” นงนุชยืนยันหนักแน่น “ทำงานได้เงินแล้วซื้อข้าวมันไก่มาฝากครูสักห่อก็พอ”
“ค่ะคุณครู ขอบคุณค่ะ”
“ถ้าได้ทำงานแล้วก็ตั้งใจทำให้ดีล่ะ เพราะถ้าเราขยันเขาจะจ้างเราตลอดเลยนะ”
“ค่ะคุณครู”
2 ปีผ่านไป
มงคลมองหญิงสาวที่ทำงานพาร์ตไทม์อยู่กับตนมาประมาณสองปีแล้ว จากการแนะนำของเพื่อนสนิทที่เป็นครูโรงเรียนเก่าของเธอ เขาเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเธอจะอดทนได้ขนาดนี้ แต่ก็เข้าใจว่าเป็นเพราะสถานะทางการเงินที่ย่ำแย่ แล้วยังต้องคอยดูแลพ่อขี้เมาอีกหนึ่งชีวิต จึงเมตตาเธอเป็นพิเศษ และเธอก็เป็นเด็กดีสมกับที่เขาให้ความเมตตา
“ครีม”
“ค่ะผู้จัดการ”
“จะกลับแล้วเหรอ”
“ค่ะ ผู้จัดการมีงานอะไรให้หนูทำหรือเปล่าคะ บอกมาได้เลยค่ะ” เธอถามผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมอย่างกระตือรือร้น
“ไม่มีหรอก แต่เดี๋ยวลุงก็จะกลับแล้วเหมือนกัน รอสักครึ่งชั่วโมงได้ไหม เดี๋ยวลุงแวะไปส่งที่บ้านให้” เมื่อไม่มีพนักงานคนอื่นอยู่แถวนั้น เขาก็พูดจาเป็นกันเองกับเธอมากขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูนั่งรถเมล์ไปเองดีกว่า คุณลุงจะได้ตรงกลับบ้านไปพักผ่อน ไม่ต้องวกรถไปมาให้เสียเวลา” เธอไม่อยากรบกวนเขา เพราะต้องแวะซื้อข้าวไปให้พ่อที่เอาแต่เมาเหล้าหลังจากเสียแม่ไป
“แต่ข้างนอกฝนตกนะ”
“หนูพกร่มมาค่ะ แล้วป้ายรถเมล์ก็อยู่ใกล้ ๆ นี้เอง ถ้าไม่มีอะไรแล้วหนูลากลับเลยนะคะ”
“อือ เดินทางปลอดภัยนะ”
“ค่ะ สวัสดีค่ะคุณลุง” หญิงสาววัยสิบเก้าหย่อน ๆ ยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่.. เดินมาถึงทางออกสำหรับพนักงานก็ต้องทำหน้านิ่ว หญิงสาวเปิดกระเป๋าหยิบร่มแล้วกางลุยฝนออกไป เธออยากกลับถึงบ้านให้เร็วที่สุดเพราะเป็นห่วงบิดา
ขณะที่กำลังเดินออกมาตามทางเดินด้านหลังของโรงแรมอยู่นั้น สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งโดยบังเอิญ ตอนแรกกะจะเดินหนีให้เร็วเพราะความกลัว แต่เมื่อสังเกตดี ๆ ก็เห็นความผิดปกติ ด้วยความเป็นคนขี้สงสัย และความรู้สึกบอกว่าเขากำลังเดือดร้อน จึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาแต่ก็ทิ้งระยะห่างพอสมควร
“มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ” แล้วก้มลงเก็บแฟ้มที่เปียกฝนกับกระดาษอีกหลายใบที่หล่นกระจายบนพื้น “ของคุณหรือเปล่าคะ”
“ครับ” ไคตอบหญิงสาวแต่ก็ไม่สามารถขยับไปไหนได้ เพราะเขาเพิ่งสะดุดล้มด้วยความรีบร้อน ทำให้ข้อเท้าข้างหนึ่งซ้น ต้องกระโดดกระต่ายขาเดียวมาหลบฝนอยู่ตรงมุมนี้ ครั้นจะกระโดดเข้าไปในตึกก็กลัวจะพลาดจนบาดเจ็บเพิ่มอีก “ผมจะโทรหาเลขาให้มารับ แต่โทรศัพท์ดันแบตหมด คุณพอจะมีโทรศัพท์ให้ผมขอยืมใช้หน่อยไหมครับ”
“โทรศัพท์มีค่ะ แต่ไม่มีเงินให้โทรออก ขอโทษด้วยนะคะ” ถ้าเธอไม่ได้โทรยืมเงินกับเครือข่ายไปแล้ว เธอก็จะโทรยืมให้เขาอยู่หรอก เธอรู้สึกผิดที่ช่วยเหลือเขาไม่ได้เลย เขาคงจะเป็นแขกของทางโรงแรมแน่ ๆ “คุณพักอยู่ที่นี่เหรอคะ”
“ครับ ผมเป็น”
“ขึ้นมาเลยค่ะ”
ไคตกใจเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวหันหลังให้โดยที่ไม่ฟังเขาพูดให้จบก่อน “ทำไมเหรอครับ”
“ขึ้นขี่หลังฉันเลยค่ะ เดี๋ยวฉันพาคุณไปส่งที่ห้องเอง”
“อะไรนะครับ!” ไคตกใจกับความคิดของหญิงสาว เพราะเธอตัวเล็กกว่าเขามาก เขาสูง 183 หนักเกือบ 80 แล้วเธอล่ะ ดู ๆ ด้วยสายตาแล้วน่าจะสัก 160 ไม่เกินนี้แน่ หุ่นแบบนี้..หนักเต็มที่ไม่น่าเกิน 55 กิโล เธอคิดได้ยังไง อยากหลังหักหรือไง หรืออยากจะพาเขากลิ้งกลางสายฝนพรำแบบนี้อีกรอบ
“ฉันรู้นะคะว่าคุณคิดอะไรอยู่ แต่ฉันแข็งแรงนะคะ ขึ้นมาเลยค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ”



























