บทที่ 5 4

คราวนี้อารยาเสียงสั่นน้ำตาซึม นอกจากจะโมโหที่ทำอะไรเขาไม่ได้แล้วยังน้อยใจที่ปราปต์พูดว่าไม่รักไม่ต้องการแต่ก็ตามมาเอาเปรียบเธอถึงที่บ้าน เขาจะเอาอย่างไรกันแน่...ถ้าเขารักฟ้างามก็ไม่ควรมายุ่งกับเธออีก

“ปราปต์จะมายุ่งกับอ้อนทำไมอีก”

ปราปต์เสียววาบในอกแต่ก็ไม่ยอมเสียจริต ยิ่งอารยาดิ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งกอดเธอแน่นมากเท่านั้น

“ไม่ให้ฉันยุ่งแล้วจะให้ไอ้ ผอ. นั่นมายุ่งหรือ ?”

“มันไม่เกี่ยวกับปราปต์”

ตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยเดือดเนื้อร้อนใจเวลาอารยามีผู้ชายมาติดพัน วันไหนถ้าเธอขอให้ไปเป็นไม้กันหมาปราปต์จะอิดออดอ้างนั่นนี่ไม่ยอมไปเสียที แต่วันนี้พ่อตัวดีกินยาผิดขวดมาหรือเปล่าก็ไม่รู้

“ลองให้คนอื่นมายุ่งอีกดูสิ มันจะโดนมากกว่าเทขยะอีก”

อารยาชะงักเมื่อได้ยินเขาพูด ที่แท้คนที่กลั่นแกล้งอนิรุจก็คือปราปต์นี่เอง คนทำก็ไม่ได้มีสีหน้าสำนึกผิดอะไร ตรงกันข้ามเขาตั้งใจพูดให้เธอรู้ตัวคราวหลังจะได้ไม่ให้ผู้ชายหน้าไหนเข้าใกล้อีก

“ฝีมือปราปต์นี่เอง อ้อนจะไปบอกตำรวจ”

“บอกสิ ! ฉันก็จะบอกทุกคนเหมือนกันว่าคืนนั้นฉันฟันเธอไปกี่รอบ”

“ปราปต์ !” อารยาขึ้นเสียงดังลั่นด้วยความไม่พอใจ รู้ว่าปราปต์ปากร้ายแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่เขาไม่ควรพูดดูหมิ่นเธอแบบนี้เลย

“ไม่ใช่เฉพาะไอ้ ผอ. คนนั้นนะที่มันจะโดนดี แต่ผู้ชายทุกคนที่มันมายุ่งกับเธอมันจบไม่สวยแน่นอน”

“ทำไมอันธพาลอย่างงี้อะ” อารยาตัดพ้อเขาอย่างอ่อนใจ

“ช่วยไม่ได้นะคืนนั้นเธอแอ่นให้ฉันเอาเอง ตอนนี้ก็รับกรรมตามระเบียบ”

“มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นเลยนะปราปต์”

อารยาหยุดดิ้นแล้วอมจำนนถอนหายใจยอมจำนน เหนื่อยแล้วที่จะต้องมาเถียงกับเขาเรื่องนี้ ปราปต์จึงแกล้งฝังจมูกลงกับแก้มหอมแรง ๆ จนคนตัวเล็กช้อนหน้าขึ้นมองอย่างไม่พอใจ

“ทำไม ? ทำแบบนี้ไม่ได้หรือ ? วันก่อนทำตั้งเยอะไม่เห็นเป็นไร”

“จะทำไรก็ทำเถอะ”

เธอขี้เกียจจะด่า ด่าไปก็เท่านั้น คนพรรค์นี้ไม่เคยสำนึก ยิ่งเธอพูดแบบนี้อีกปราปต์ก็ยิ่งเอาใหญ่ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราซุกซอนซอกคอหอมกรุ่นอย่างอย่างตะกละตะกราม

“ปราปต์อย่าทำแบบนี้”

มีครั้งแรกแล้วอารยาจะไม่ยอมให้มีครั้งต่อไป เพราะแค่นั้นเธอก็ตัดใจยากเหลือเกินอยู่แล้ว

“ไหนบอกทำไรก็ทำไง” ปราปต์พูดเสียงอ้อมแอ้มขณะที่พรมจูบไปทั่วผิวสวยของซอกคอ

“ตะ...แต่ไม่ใช่แบบนี้”

ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ มือไม้ของเขาป้วนเปี้ยนยิ่งกว่าปลาหมึกบีบเคล้นเต้างาม ลามไล้ไปถึงหน้าท้องก่อนจะล้วงเข้าไปในกระโปรงพลีทพลิ้วสวย

“ประ...ปราปต์”

เสียงของอารยาแหบพร่า แข้งขาไร้เรี่ยวแรงเมื่อมือใหญ่ที่กอบกุมความอูมอิ่มกดนิ้วลงไปกลางดอกไม้งาม ความเสียวซ่านแล่นปราดจากกลางลำตัวแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย เธอไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้แต่ร่างกายกลับเชื้อเชิญเขาอย่างเปิดเผย

“เสียวไหมครับครูอ้อน” คำถามมาพร้อมกับความเร็วที่เพิ่มขึ้น

“สะ เสียว...อ้อนเสียว”

ปราปต์หัวเราะพึงพอใจแล้วตวัดแขนข้างที่ว่างยกร่างเล็กขึ้นไปวางบนโต๊ะไม้สักซึ่งอยู่ไม่ไกลพร้อมกับรัดเอาไว้ไม่ให้เธอ

ดิ้นหนี ส่วนมือที่รุกรานโพรงสวาทก็ทำงานได้ยอดเยี่ยมชนิดที่

แรงดีไม่มีตก แทรกตัวเข้าไปกลางหว่างขาของอารยา

“อ๊า ปราปต์ แรงอีก...อ้อน...อ้อนไม่ไหว”

คนเจ้าเล่ห์หัวเราะชอบใจแล้วถอนนิ้วมือออกจากกลีบเนื้อนุ่มที่ถูกกระตุ้นเร้าจนเกือบจะรัดรึงอย่างถึงขีดสุด อารยา

หอบหายใจสะท้านรู้สึกว่าความต้องการพุ่งขึ้นถึงขีดสุด นวลเนื้อแฉะชื้นบีบรัดจนปวดหนึบเพราะกระหายให้ชายหนุ่มส่งขึ้นสวรรค์ แต่ในเมื่อเขาไม่ทำเธอจึงตีเขาแรง ๆ

“แกล้งอ้อนทำไม”

“ไหนบอกมาซิว่าฉันยังเป็นคนแปลกหน้าของเธอ

อยู่ไหม”

เมื่อเขาวกมาเรื่องนี้อารมณ์ขุ่นเคืองก็เข้ามาแทนที่ อารยาผลักเขาออกแรง ๆ แล้วกระโดดลงจากโต๊ะ

ปราปต์คว้าเอวกิ่วเอาไว้ได้ เขาดึงเธอเข้าไปเต็มแรงแล้วมายืนซ้อนหลังพลางก้มหน้าลงมาซุกไซ้ซอกคอขาว มือทรงพลังบีบเคล้นเต้างามหนั่นแน่น ลูบไล้ลากผ่านหน้าท้องแบนราบ ร่างกายของอารยาแอ่นโค้งสะโพกกลมกลึงร่อนเบียดชิดความเป็นชายที่แข็งขึงดุนดันบั้นท้าย

“อ๊า !”

เสียงร้องอย่างเสียวซ่านดังขึ้นเมื่อเขาส่งนิ้วแกร่งเข้ามาในกาย จังหวะถี่รัวกระแทกกระทั้นเล่นเอาอารยาตัวสั่น แล้วสมองก็ค่อย ๆ ว่างเปล่าทีละนิดเมื่อทะยานไต่ขึ้นสู่ปลายทางสวรรค์ ก่อนจะปล่อยเสียงกรีดร้องอย่างสุขสมเมื่อเอื้อมมือถึงขอบฟ้า

“คนแปลกหน้าจะกินเธอแล้วนะ”

เสียงกระซิบที่ข้างหูก่อนที่ปราปต์จะใช้ขาข้าหนึ่งแยก

ขาเรียวออกจากกัน ออกแรงกดหลังอารยาให้โก้งโค้ง ยกสะโพกกลมขึ้นมาเพื่อรองรับการสอดใส่

“โอ๊ย !” เขาเล่นพุ่งเข้ามาจนมิดโคนคนที่ด้อยประสบการณ์โดยเฉพาะกับท่าแบบนี้ถึงกับร้องลั่น

“อ้อนจุก”

“โทษที” พูดขอโทษแต่เขากลับหัวเราะชอบใจ ก่อนขยับกายเข้าออกช้า ๆ ให้อารยาเสียวจนขาดใจทุก ๆ ตารางนิ้วที่

เบียดลึก

“ปราปต์...เร็วหน่อย ฮึก...ช่วยอ้อนที”

หญิงสาวร้องขอเสียงสั่น ๆ ชายหนุ่มจึงกระหวัดแขนเหนี่ยวร่างเล็กลอยขึ้นจากพื้นแล้วพลิกตัวเจ้าหล่อนให้นอนหงายลงบนโต๊ะไม้ แหวกขาเรียวออกจากกันจนได้เห็นดอกไม้งามบวมเป่งน่าเชยชิม

“อย่าแกล้งอ้อนแบบนี้นะ” เธอเสียงกระเส่าเมื่อเขาไม่ตอบสนองอย่างที่เธอต้องการ

เพียะ !

ปราปต์ตีก้นอารยาอย่างมันเขี้ยว

“แรดให้มันน้อย ๆ หน่อย”

“ช่วยไม่ได้ ปราปต์ไม่กินอ้อนซะที”

แม่ตัวดีทำหน้านิ่ว ปราปต์อยากจะขำก๊ากจริง ๆ ใครจะไปรู้ว่าครูอ้อนผู้เรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้จะเป็นได้ถึงขนาดนี้ นี่คงจะเป็นอย่างที่ประกายแก้วชอบพูดให้ท้ายตัวเองเวลาทำเรื่องก๋ากั่นว่า ‘ครูไทยไม่ใช่แม่ชี’

“เร็วสิปราปต์”

ชายหนุ่มจับปลายแท่งเอ็นซึ่งขยายใหญ่เหยียดยาวครูดไถกับปากทางรัก เพราะอารยายังใหม่การจะฝ่าเข้าไปในแต่ละครั้งจึงยากยิ่งสำหรับเครื่องยนต์ที่ร้อนเต็มที่อย่างเขา

“โอ้ว...”

“ซี๊ด”

เมื่อปราปต์สอดใส่ล้ำลึกเสียงครางและเสียงสูดปากของทั้งสองจึงดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน ชายหนุ่มเคลื่อนไหวร่างกายกระแทกกระทั้น

หนักหน่วงถึงใจ อารยาครวญครางกระสับกระส่ายไม่เป็นภาษา

มือบอบบางลูบเนื้อตัวเพื่อบรรเทาอารมณ์รัญจวนปั่นป่วน ปราปต์จึงก้มลงแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตพอดีตัวของเธอออกอย่างเร็ว ก่อนดึงบราสีสวยขึ้นไปกองตรงฐานคอแล้วจะตะโบมจูบดอกบัวงามทั้งสองข้างราวกับทารกน้อยที่หิวโหย

อารยาแอ่นหยัดร่างกายรับการถาโถมครั้งสุดท้ายก่อนที่ปราปต์จะปลดปล่อยอย่างรุนแรงในกายเธอแล้วร่างใหญ่ก็ซวนซบลงกับหน้าอกอวบ

หญิงสาววาดแขนกอดรอบลำคอหนาจูบเคราสากสองสามทีก่อนกระซิบ

“สอนอ้อนกินปราปต์บ้างสิ”

ได้ยินแบบนั้นปราปต์ถึงกับหัวเราะเบา ๆ เป็นเสียงหัวเราะที่หลายคนไม่คิดว่าเขาจะมี แล้วเย็นวันนั้นทั้งสองก็ลงเอยกันด้วยการที่อารยาสวมวิญญาณเป็นนักเข่งม้า ส่วนม้าอย่างปราปต์ก็หมดแรงจนแทบลุกไปอาบน้ำไม่ไหว

อารยาดิ้นยุกยิกเพราะทั้งร้อนทั้งอึดอัดเนื่องจาก

ปราปต์ไม่ยอมคลายกอดเสียที กิจกรรมแสนเร่าร้อนเกิดขึ้นบนโต๊ะอาหาร โซฟา บันได แล้วเขาก็อุ้มเธอขึ้นมาบนห้องนอนชั้นสองพอหมดแรงก็ยังนอนกอดก่ายไม่ไปไหน

“ปราปต์ตื่นได้แล้วนะ”

“...”

“อ้อนจะไปอาบน้ำ เลอะไปหมดแล้ว”

และคิดว่าจะต้องทำความสะอาดบ้านหลายจุดด้วยเพราะคราบคาวรักของเขาเปื้อนเต็มไปหมด

“อ้อนรู้นะว่าปราปต์ไม่ได้หลับ”

พูดไปก็ดันเขาออกไปด้วย แต่เหมือนปราปต์แกล้งเพราะยิ่งดิ้นก็ยิ่งรัดแน่น

“...”

แม้จะหลับตาไม่ตอบแต่ชายหนุ่มก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ นอกจากจะ

ขี้แกล้งแล้วเขายังกวนอวัยวะเบื้องล่างได้ชนะเลิศ อารยาหมั่นไส้เลยอ้าปากงับหัวนมเขาแรง ๆ จนปราปต์ร้องลั่น

“โอ๊ย ! ยายบ้า !”

เจ็บแค่ไหนเขาไม่ยอมปล่อย ยิ่งเธอกัดเขายิ่งกอดแถมยังขยำบั้นท้ายงามงอนเพื่อเอาคืน

“เจ็บนะ”

“สม ! เสือกกัดมาได้”

“ก็ปล่อยสิ” อารยาหน้างอง้ำ

แต่เขากลับยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ไม่พอเท่านั้นเขายังขยับเข้ามาบดจูบปากเรียวอย่างเร่าร้อน จูบเอา ๆ จนอารยาร้อนไปหมดทั้งตัว แล้วพลิกกายขึ้นคร่อมร่างเล็กอย่างรวดเร็ว

“เธอกัดหัวนมฉันฉันก็จะกัดหัวนมเธอ”

“ว๊าย ! จะบ้าหรือปราปต์”

พูดไม่ทันขาดคำแขนทั้งสองข้างก็ถูกตรึงไว้กับที่นอน ยิ่งอารยาดิ้นเท่าไหร่หน้าอกอวบแน่นก็กระเพื่อมราวกับจะท้าทายเขามากเท่านั้น

“อย่ากัดนะ มันเจ็บ”

เธอกลัวว่าเขาจะกัดจริง ๆ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นคงมีน้ำตาแตกแน่นอน แต่ชายหนุ่มทำให้รู้ว่าเขาแค่ขู่ เพราะเขาทำแค่จุมพิตอย่างเสน่หา ใช้มือบีบเคล้นข้างหนึ่งส่วนอีกข้างก็ดูดดึงราวกับเป็นของหวานแสนอร่อย

ความรัญจวนใจแผ่จากกลางลำตัวจนนวลเนื้อนาง

ปวดหนึบ เช่นเดียวกับปราปต์ที่ชูชันอย่างพรักพร้อมราวกับไม่เคยผ่านสมรภูมิสุดเร่าร้อนมาเลยในวันนี้

“รู้ไหมฉันมานี่ทำไม” ปราปต์ยกขาข้างหนึ่งของอารยาขึ้นพาดบ่า

อารยาส่ายหน้าขณะที่ความใหญ่โตของเขากำลัง

แทรกซอนเข้ามาในกาย ขนาดมหึมาของปราปต์สร้างความทรมานในช่วงแรกของการสอดใส่เสมอแต่นานไปกลายเป็นว่ามันช่วยเติมเต็มความต้องการของเธอจนล้นเอ่อ

“มาอยู่เป็นเพื่อน”

“เป็นห่วงอ้อนหรือ ?” หัวใจของคนถามพองโตจนแทบจะปริแตก ปราปต์ก้มลงมาประกบปากสวย ขบเม้มราวกับจะกลืนกินคนใต้ร่างเสียให้ได้

“แค่ไม่อยากเห็นข่าวถูกฆ่าข่มขืน”

“อ๊ะ !” เขาโถมกายเข้ามาลึกสุดลำจนอารยาดิ้นพล่าน

“แต่ไม่ต้องห่วงนะ ไว้เธอมีผัวเป็นตัวเป็นตนเมื่อไหร่จะไปทันที”

ปราปต์ขบกรามแน่นยึดสะโพกสวยเอาไว้แล้วผลักดันเข้ามาอย่างล้ำลึกเป็นระลอกสุดท้าย สองร่างกายไขว่คว้าความสุขสมพร้อมกัน ปราปต์พลิกกายลงนอนหงายอย่างเหนื่อยหอบ วันนี้อารยารีดพิษสงของเขาไปจนหมดเลยจริง ๆ

“ไม่ต้องลงทุนขนาดนี้ก็ได้นะ อ้อนจะเป็นจะตายคงไม่สำคัญ”

“ตอนนี้เธอตัวคนเดียวยังไม่มีใครดูแล ฉันในฐานะคู่นอนคนสนิทก็คงต้องรับผิดชอบไปพลาง ๆ ก่อน”

คู่นอนคนสนิท ?

เหอะ ! เธอมีค่าเพียงเท่านี้จริง ๆ สินะ

“อ้อนจะรีบหาสามีแล้วกัน ปราปต์กลับไปอยู่บ้านปราปต์เถอะไม่ต้องดั้นด้นมาอยู่นี่หรอก เดี๋ยวงามรู้เข้าจะเป็นเรื่องอีก”

เขาไม่รู้หรอกว่าคนพูดเจ็บช้ำมากเท่าไหร่ เพราะเขายังหัวเราะอยู่เลย

“เธอไม่พูดฉันไม่พูดใครจะรู้”

“บ้านอ้อนไม่ใช่บ้านเอื้ออาทรนะ กลับไปบ้านตัวเองเลยไป๊ ชิ้ว ๆ”

พอถูกไล่โต้ง ๆ แบบนี้ปราปต์ชักหงุดหงิดขึ้นมาเสียแล้ว เขาพลิกตัวนอนตะแคง มือข้างหนึ่งจับใบหน้าอารยาให้อยู่นิ่งแล้วจ้องเข้าไปในดวงตารื้นเศร้าก่อนจะพูดว่า

“ถ้าไล่อีกทีพ่อจะล่อจนฟ้าเหลืองเลยคอยดู”

“ทำไมเป็นคนแบบนี้ล่ะ นี่มันไม่ใช่บ้านตัวเองนะปราปต์” หญิงสาวโวยเสียงสั่น พอเถียงไม่ได้ก็จะร้องไห้แหล่ไม่แหล่

“แล้วไงวะ” เขายักไหล่ไม่สนใจ “ฉันอยากอยู่ที่นี่ เธอมีปัญหาไร หรืออยากจะไปฟ้องใครก็เชิญถ้าไม่กลัวเขารู้ว่าเธอมัน

ใจง่าย”

“...”

หมดคำจะพูดกับเขาแล้วจริง ๆ ไม่ว่านานแค่ไหนปราปต์ก็ปากร้ายและใจดำกับอารยาเสมอ

เธอควรทำใจให้ได้สินะ...แล้วมันเมื่อไหร่กันล่ะในเมื่อเขายังอยู่ใกล้ชิดแบบนี้

อารยานั่นพลิกกายนอนตะแคงหันหลังให้เขาแล้วไม่ไหวติง ความสุขล้นใจที่ปราปต์มอบให้มันหักล้างไม่ได้กับความเจ็บปวดหัวใจกับคำถามที่ว่า

เธอเป็นตัวอะไรในสายตาของเขา

หญิงสาวอดทนกับความเงียบที่ปกคลุมอยู่ทั่วห้องได้ไม่นานจึงตัดสินใจลุกไปอาบน้ำ ส่วนคนตัวใหญ่ก็คว้าผ้าเช็ดตัวพันรอบกายแล้วเดินลงไปเอากระเป๋าที่รถซึ่งจอดตรงทางเข้าหลังบ้านอย่างไม่อายใคร

แล้วชายหนุ่มก็ทำอย่างที่เขาบอกจริง ๆ เพราะเขาแอบมานอนบ้านอารยาทุกคืนติดต่อกันเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไปซ้ำร้ายยังขู่จะบอกทุกคนว่าเธอกับเขามีอะไรกันแล้ว

อารยาไม่อยากให้คนอื่นมองว่าตนใจง่าย ยิ่งในฐานะครูด้วยแล้วมันยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะ แค่เรื่องที่ถูกปราปต์ปฏิเสธกลางงานเลี้ยงเธอก็อายเหลือเกินแล้ว แต่อีกใจหนึ่งการได้อยู่กับคนที่รักมันก็เป็นความสุขที่อารยาต้องการ

แม้เขาจะไม่เคยรักเธอก็ตาม…

เรื่องเหลือเชื่ออีกเรื่องในชีวิตของอารยาในช่วงนี้คือ

การที่ฟ้างามมาสมัครเป็นครูอัตราจ้างที่โรงเรียน เพราะหญิงสาวคิดว่าเจ้าหล่อนคงอยากเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยมากกว่า แต่ฝ่ายนั้นก็ให้เหตุผลในห้องสัมภาษณ์ว่าอยากให้ความรู้ความสามารถที่เรียนมาสร้างประโยชน์ให้กับเด็กชุมชนมากกว่า ทำให้

ลูกสาวกำนันกำชัยชนะชนิดทิ้งห่างคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่น

“เรื่องวิชาการงามพอทำได้ แต่เรื่องการสอนงามได้แค่ทฤษฎี งามต้องฝากเนื้อฝากตัวกับครูอ้อนด้วยนะคะ”

คุณครูมือใหม่ยิ้มหวานขณะเดินคุยกับอารยาหลังได้รู้ผลการสัมภาษณ์ แรกทีเดียวอารยาแปลกใจว่าอีกฝ่ายลืมเรื่องที่โรงพยาบาลไปแล้วหรือ เพราะตอนนั้นฟ้างามทำเหมือนไม่รู้จักกัน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เธอควรใส่ใจ

“ไม่เป็นไรจ้ะงาม ค่อย ๆ เรียนรู้ไปแล้วถ้ามีอะไรไม่เคลียร์ก็ถามครูได้”

ตั้งแต่สอบบรรจุครูผู้ช่วยได้ เพื่อนที่ไม่ค่อยสนิทจะเรียกอารยาว่าครูตามเด็ก ๆ และผู้ปกครองเสมอ อารยาก็เลยชินที่จะเรียกตัวเองว่าครูแม้คู่สนทนาจะอายุเท่า ๆ กันแบบฟ้างามก็ตาม

“ครูอ้อนน่ารักที่สุด” คุณครูมือใหม่ยิ้มตาหยี

รอยยิ้มของฟ้างามหวานสะกดใจชนิดที่ผู้หญิงด้วยกันยังเคลิ้ม ไม่แปลกที่เจ้าหล่อนจะเข้าไปอยู่ในใจของผู้ชายหลายคนโดยเฉพาะปราปต์

คนอย่างอารยาคงไม่มีอะไรจะไปสู้

“ไม่เป็นไรจ้ะ”

ตอนนั้นเองที่ฟ้างามหันไปมองถนนหน้าอาคาร รถของปราปต์แล่นเข้ามาจอดไม่ไกลจากจุดที่ทั้งสองหยุดคุยกัน อารยาแปลกใจว่าเขามาทำไมแต่

ลูกสาวกำนันกลับมีท่าทีกระตือรือร้นจนคุณครูสาวรู้คำตอบ

“งามขอตัวกลับก่อนนะคะคุณปราปต์มารับแล้ว”

อารยาฝืนยิ้มแล้วพยักหน้าให้ มองตามฟ้างามตาละห้อย...ที่ผ่านมาเธอรู้ว่าทั้งสองคนติดต่อกันทุกคืนเพราะก่อนนอนปราปต์จะโทร. หาฟ้างามเสมอ แรกทีเดียวฝ่ายนั้นยังไม่มีท่าทีจะให้ใจ แต่ยิ่งนานไปก็เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงระหว่างสองคนนั้น

จากเดิมจะคุยกันเพียงไม่ถึงห้านาทีระยะเวลาก็เพิ่มขึ้น มีการนัดเขาออกไปทานข้าว พัฒนาขึ้นมาอีกนิดก็คือนัดกันออกไปนั่งดื่มที่ร้านเหล้า ตอนนี้ก็เพิ่งรู้ว่าปราปต์เป็นสารถีให้ลูกสาวกำนันด้วย

อารยาเชื่อแล้วว่าความเจ็บปวดจากความรักสามารถฆ่าคนให้ตายทั้งเป็นได้

“ครูอ้อน”

เสียงของอนิรุจทำให้อารยาหลุดจากภวังค์เล็ก ๆ และดูเหมือนเขาจะรู้ว่าที่เธอเป็นแบบนี้เพราะอะไร เนื่องจากตอนนี้ปราปต์กำลังลงมาเปิดประตูรถให้ฟ้างาม

“เย็นนี้มีนัดหรือยังครับ”

คุณครูสาวส่ายศีรษะพร้อมรอยยิ้มเศร้า ๆ พยายามบังคับสายตาไม่ให้มองไปทางเดิม แต่ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่าตัวเองได้ยินเสียงกระแทกปิดประตูรถดังมากคล้ายปราปต์อยากจะสื่ออะไรบางอย่าง

“งั้นดีเลยครับ ไปกินข้าวด้วยกันนะ เดี๋ยวชวนครูกาย

ไปด้วย”

อารยารู้ว่าอนิรุจกลัวคนอื่นมองเธอไม่ดีเลยไม่เคยชวนเธอไปไหนมาไหนสองต่อสอง และเสี้ยวนาทีเดียวเท่านั้นที่หญิงสาว

ชั่งใจก่อนจะพยักหน้า

เธอไม่อยากกลับบ้านไปนั่งเศร้ารอเวลาที่ปราปต์กลับมาเพียงแค่มากินข้าวแล้วทำอะไร ๆ กับเธอเหมือนเธอเป็นแค่คู่นอน พอตอนเช้าก็จากไปอีกเหมือนทุกวัน

“ค่ะ งั้นเดี๋ยวอ้อนไปตามกายที่โรงยิมนะคะ”

“ผมไปด้วย จะได้ช่วยกันปิดโรงยิมด้วย”

เขาเป็นผู้บังคับบัญชาที่มีน้ำใจไมตรีต่อครูผู้น้อยเสมอ ไม่แปลกหากจะเป็นที่รักของครูหลายคน

แต่ในขณะเดียวกัน ครูอาวุโสหลายท่านก็เกลียดชังเขาไม่น้อย อารยาพยายามมองให้เป็นเรื่องปกติที่คนรุ่นเก่ามักต่อต้านความคิดของเด็กรุ่นใหม่

เพราะประกายแก้วเป็นคนคุยสนุก อีกทั้งบังเอิญเจอเมธามาทานข้าวที่นั่นพอดีเลยทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารไม่น่าเบื่อเท่าไหร่ หากมีแค่อารยากับผู้อำนวยการสองคนคงทำให้รสชาติอาหารกร่อยแน่ ๆ

ถึงเวลาแยกย้ายกลับบ้านเมธาอาสาไปส่งประกายแก้วเองเพราะเป็นทางผ่าน

อนิรุจจึงไปส่งอารยาที่เอารถจอดไว้ที่โรงเรียนเพราะตอนมาร้านทั้งหมดมารถอนิรุจ

“อ้อนขอบคุณสำหรับมื้อนี้นะคะ แต่มื้อหน้าให้อ้อนได้เลี้ยงข้าว ผอ. บ้างนะ”

“ได้สิครับ ผมจะล้างท้องรอเลยแล้วกัน”

“เลี้ยงไม่กลัวกลัวไม่ให้เลี้ยงมากกว่าค่ะ”

ทุกครั้งที่ไปทานข้าวด้วยกันอนิรุจจะแย่งจ่ายเงินเป็นคนแรกเสมอ ตอนนั้นเองทั้งสองต้องตกใจเพราะเสียงบีบแตรของรถคันหนึ่งซึ่งจอดรออยู่ก่อนแล้ว ใกล้ ๆ กับรถของอารยาแต่ไม่ได้สังเกต

“รถคุณปราปต์”

อนิรุจแปลกใจ ดึกป่านนี้แล้วเขามาติดต่อธุระอะไร เจ้าหน้าที่ก็กลับบ้านกันไปหมดแล้ว

อารยาก็ไม่เข้าใจฝ่ายนั้นเหมือนกัน เธอคิดว่าเขาออกไปไหนต่อไหนกับฟ้างาม ทำไมมาโผล่ที่นี่ได้ ในจังหวะที่หญิงสาวเปิดประตูลงจากรถปราปต์ก็ลงจากรถตรงดิ่งมาหาเช่นกัน

“ว้าย” ตกใจมากเพราะเขาเข้ามากระชากแขน “ปล่อยอ้อนก่อน” สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่เขาจะมาทำอะไรแบบนี้

“ฉันมารับกลับบ้าน”

“อ้อนก็กำลังจะกลับ นี่ก็มาเอารถ”

พูดกับเขาอย่างใจเย็น เขาเป็นคนที่หัวร้อนง่ายแต่ก็ลงได้ด้วยน้ำเย็น

“ผมว่าคุณปราปต์ปล่อยแขนครูอ้อนก่อนแล้วค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จาดีกว่าไหมครับ”

อนิรุจแทรกขึ้นเพราะท่าทางอารยาจะเจ็บข้อมือไม่น้อย ปราปต์หน้านิ่วแต่ก็ยอมปล่อย ใช่ว่ากลัว ผอ. แต่เพราะกลัวอารยาเจ็บ

“ทำไมคุณต้องมารับครูอ้อนด้วยครับ ในเมื่อคุณตัดเพื่อนกับครูไปแล้วไม่ใช่หรือ”

อนิรุจสงสัยจริง ๆ ว่าสองคนนี้มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล ก่อนหน้านี้เหตุการณ์ที่ปราปต์ตัดรอนอารยาเป็นข่าวสะพัดไปทั่วทั้งอำเภอ ตนจึงคิดว่าทั้งคู่เลิกติดต่อข้องเกี่ยวกันไปแล้ว

“ผมจะตัดหรือไม่ตัดมันเกี่ยวอะไรกับผอ. ไม่ทราบ” ปราปต์เริ่มหงุดหงิดคำพูดของเขาจึงฟังดูหาเรื่อง

“มันไม่เกี่ยวหรอกแต่คุณควรรักษาคำพูดของตัวเอง หรือไม่งั้นถ้าคุณทำไม่ได้ก็อย่าพูดออกมาเลยจะดีกว่าเพราะคุณไม่รู้หรอกว่าคำพูดของคุณตอนนั้นทำให้ครูอ้อนเดือดร้อนมากแค่ไหน”

“นี่ ผอ.”

ปราปต์ฮึดฮัดจะเดินอ้อมรถไปหาแต่อารยารั้งเอาไว้เพราะกลัวจะมีเรื่อง ทว่าอนิรุจก็ใช่จะยอม

“รู้เอาไว้ด้วยนะว่าที่ครูอ้อนจะต้อง-”

“ผอ.” คราวนี้เป็นอารยาที่โพล่งขึ้นมาเสียงดัง

อนิรุจรู้ตัวว่ากำลังจะพูดเรื่องไม่ควรพูดออกไปจึงเงียบเสียแล้วตั้งสติโดยการสูดหายใจเข้าลึก ๆ

ส่วนปราปต์ชักสงสัยว่าครูทั้งสองปิดบังอะไรตนอยู่กันแน่ แต่ดูท่าแล้วคงไม่ได้คำตอบง่าย ๆ เลยฉุดแขนอารยาให้เดินตามไปแต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอม

“เห้ย ! มึงจะเอาไงวะ ผอ.” เวลาโมโหปราปต์ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม

“เลิกยุ่งกับครูอ้อนซะ”

อนิรุจสั่งด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแต่ซ่อนความน่ากลัวเอาไว้ภายใต้ท่าทีสงบเยือกเย็นทำเอาอารยาเย็นสันหลังวาบ

สองคนนี้เหมือนเสือสองตัวกำลังสู้กันเพื่อแย่งชิงเหยื่อ ส่วนปราปต์นั้นไม่กลัวเลยสักนิด เขาหัวเราะออกมาคล้ายฟัง

เรื่องตลก

“จะบอกอะไรให้นะครับผอ. ผมกับอ้อนเนี่ยเราคนบ้านเดียวกัน”

คำพูดที่กำกวมทำให้อนิรุจนิ่วหน้า ปราปต์หมายความว่าอย่างไร แต่อารยาไม่ปล่อยให้เขาสงสัยอะไรไปมากกว่านี้จึงรีบ

พูดขึ้น

“บ้านเราทางเดียวกันน่ะค่ะ อ้อนกลับนะคะ สวัสดีค่ะ”

หญิงสาวยกมือไหว้ ปราปต์ไม่รอช้ารีบกระชากอารยาไปที่รถของเธอ วิสาสะค้นกุญแจในกระเป๋าแล้วทั้งผลักทั้งดันให้หญิงสาวเข้าไปข้างในส่วนเขาก็ไม่กลับไปรถตัวเอง เธอถึงกับต้องถามเขาด้วยความไม่เข้าใจ

“อยากให้คนอื่นรู้นักหรือไงว่าปราปต์มานอนกับอ้อน”

“รู้ไม่รู้ก็เรื่องของมัน รีบออกรถ” ปราปต์จ้องอนิรุจจาเขม็ง ถ้าคนเราฆ่ากันตายด้วยสายตาได้ ป่านนี้อนิรุจคงตายไปแล้ว อารยาได้แต่ถอนหายใจเบื่อหน่ายก่อนถามขึ้นว่า

“แล้วรถปราปต์ล่ะ”

“ให้ไอ้ปองมาเอา” เพียงเท่านั้นก็รู้แล้วว่าอย่างไรก็คงบังคับเขาไม่ได้ อารยาเลยได้แต่ส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ พอถึงบ้านเขาก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง ร่างเล็กถูกอุ้มขึ้นไปบนห้องนอนจูบปากสวยอย่างร้อนแรงถึงใจจนอารยาแทบจะต้านทานความต้องการไม่ไหว

“ฉันจะสั่งสอนเธอ” คนตัวใหญ่คาดโทษเสียงเข้มแต่หญิงสาวกลับยิ้มร่าเพราะเธอชอบทุกครั้งที่ปราปต์สั่งสอนด้วยบทเรียนรักที่เร่าร้อนถึงใจแม้จะไม่เป็นอันได้หลับได้นอนก็ตาม

บทก่อนหน้า
บทถัดไป