บทที่ 6 5
ตั้งแต่วันที่ปราปต์ปะและเกือบฉะกับอนิรุจ เขาก็ทำเย็นชาใส่อารยาแต่ก็ยังไม่ย้ายกลับไปอยู่บ้านตัวเอง ส่งผลให้คุณครูสาวรู้สึกอึดอัดใจจนทนไม่ไหว
“ปราปต์ยังไม่หายงอนอ้อนใช่ไหม”
ตัดสินใจเดินเข้าไปถามคนที่นอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาหน้าทีวี เธอก็คิดว่าเขาหายแล้วตั้งแต่คืนนั้นเสียอีก แต่มันก็ไม่ใช่
“...”
“ปราปต์เป็นอะไรมากป่ะเนี่ย”
ร่างใหญ่ปรายตามองเธอนิดหนึ่งแล้วทำเชิดแต่ก็ตอบว่า
“เป็นคน”
“พูดดี ๆ สิ อ้อนเป็นห่วงนะ”
“เสร่อ”
อยากจะกรี๊ดแล้วเข้าไปข่วนหน้าคนกวนอวัยวะเบื้องล่างให้หายโมโหนัก
“เออ ! งั้นก็กลับบ้านไปเลยไป ไม่ต้องมาอยู่ด้วย มันไม่มีอันตรายอะไรมาตั้งนานแล้ว แต่ถ้ามันจะมีอีกจริง ๆ อ้อนให้กายมาอยู่เป็นเพื่อนก็ได้”
“เหอะ ! ขอให้เป็นไอ้กายจริง ๆ เถอะ”
ไม่ว่าจะเป็นประกายแก้วหรือผู้ชายคนไหนมันก็สิทธิ์ของเธอทั้งนั้น เอาจริง ๆ ถ้าเธอไม่รักเขาป่านนี้เธอคงเปิดใจให้ใครต่อใครไปนานแล้ว ไม่ทนอยู่เป็นตัวสำรองแบบนี้หรอก แต่ตอนนี้เขาควรย้ายออกไปไม่ควรอยู่ที่นี่
“สรุปจะยังไง ?”
แต่คำตอบที่ได้ก็ทำให้อารยาอยากกลั้นใจตาย
“จะดูทีวี”
“ปราปต์ !”
“วุ้ย ! จะไปไหนก็ไปเลย รำคาญ”
อารยาหน้างอง้ำ ตกลงเขาหรือเธอกันแน่ที่เป็นเจ้าของบ้าน ให้ตายเถอะ ! ทำไมปราปต์ทำกับเธอแบบนี้คำก็ไล่สองคำก็ไล่ เขาเกลียดเธอมากเขานั่นแหละจะต้องเป็นฝ่ายไป ! แต่ในนาทีนั้นเองที่เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นสายของคนสำคัญ
“ว่ายังไงครับงาม คิดถึงปราปต์หรือครับ”
เขาพูดจาหวานรื่นหูเสียจนอารยาอิจฉา ตรงข้ามเขาพูดกับเธอราวกับเธอไม่มีหัวใจไร้ความรู้สึก อารยารีบเดินขึ้นไปบนห้องเพราะไม่อยากจะฟัง ปราปต์หันไปมองร่างเล็กที่เดินขึ้นชั้นบนจนไม่ได้สนใจว่าฟ้างามพูดอะไร
ฝ่ายอารยาน้อยใจมากจนเกินบรรยาย ถึงกับทิ้งตัวร้องไห้ซบหน้ากับหมอน กดใบหน้าลงไปราวกับจะให้มันช่วยดูดซับเสียงสะอื้นและความเสียใจของเธอเอาไว้แต่ดูมันก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย
ปราปต์ไปรับไปส่งฟ้างามที่โรงเรียนทุกวัน เช่นเดียว
กับที่มานอนบ้านอารยา หญิงสาวไล่จนไม่รู้จะไล่อย่างไร ไล่จนเหนื่อยจนตอนนี้ทำได้แค่เพียงไม่สนใจเวลากลับมาถึงบ้านแล้วเห็นปราปต์นอนเอกเขนกอยู่หน้าทีวี บางทีหากเธอเปลี่ยนกุญแจชายหนุ่มก็จะนั่งรอหน้าบ้านไม่ยอมไปไหน
“อารยา”
วันนี้เขามาตรงตามเวลาเดิมของทุกวัน คนที่แต่งตัวตัวอยู่บนห้องถึงกับหน้างอง้ำ แต่ไม่ได้ตอบไป แน่นอนปราปต์รู้ว่าเธออยู่ ไม่บอกก็รู้ว่าเขาต้องหาเรื่องเธอก่อนอันดับแรกเพราะเป็นแบบนี้มาตั้งแต่วันที่เธอแอบมานอนร้องไห้
“แต่งตัวจะไปไหน”
ถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นอารยาเดินลงมา วันนี้เธอสวมใส่มินิเดรสสีชมพูหวาน ใบหน้าก็แต่งแต้มจนสวยบาดใจ แต่ไหนแต่ไรไม่เห็นเธอจะแต่งสวยแบบนี้สักที
“จะไปงานเลี้ยงเกษียณอายุราชการของครูที่โรงเรียน...” บอกชื่อโรงเรียนประจำอำเภอไป
“กับใคร” แววตาชื่นชมแปรเปลี่ยนเป็นเคลือบแคลง
“หลายคนเลย ครูโรงเรียนอ้อนไปเกือบหมด” แต่ประกายแก้วไม่ได้ไปด้วยเพราะมีธุระกับเมธา
“พวกผู้ชายของเธอมันไปกันหมดไหม ไอ้ผอ. ไอ้ครูเต้
ไอ้พนา”
“อือ”
ตอบไปตามตรงแม้น้ำเสียงของปราปต์เริ่มจะหาเรื่อง แต่เธอคิดว่าไม่ได้ไปทำอะไรเสียหายคงไม่เป็นไร
“เหอะ”
ปราปต์หัวเราะเยาะ มองอารยาราวกับจะประเมินค่าก่อนเหยียดยิ้มมุมปาก
“ให้จริงเถอะที่ว่าไปงานเลี้ยง ไม่ใช่ว่าจบที่ม่านรูด”
อารยารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าด้วยไม้หน้าสาม ทั้งเจ็บทั้งชาในเวลาเดียวกัน อยากรู้นักจิตใจเขาทำด้วยอะไรถึงได้ชอบพูดจาทำร้ายจิตใจเธอแบบนี้
“พูดเกินไปแล้วนะ”
“แน่นอนสิ สามคนมันมากไป เธอต้องค่อย ๆ ให้มันเรียงคิวทีละคน”
ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าปราปต์จะดูถูกเธอมากขนาดนี้
ใช่สินะ...เธอไม่ได้มีคาค่าน่ายกย่องเหมือนอย่างนางฟ้าของเขา เป็นได้แค่คู่นอนชั่วคราวที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะโดนเบื่อแล้วเขี่ยทิ้ง อารยาห้ามน้ำตาไม่ได้จริง ๆ
“พูดแค่นี้ทำสำออย”
ทั้งที่อยากตบปากตัวเองแทบแย่แต่ปากมันไวกว่าสมองเหลือเกิน
“มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย”
พูดด้วยน้ำเสียงธรรมดาแต่ในใจของอารยาเจ็บช้ำเหลือเกิน
“ไม่กลับโว้ย”
“จะอยู่ที่นี่ทำไมในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย ไม่ต้องอ้างว่าจะรับผิดชอบบ้าบออะไรทั้งนั้นแหละ อ้อนแค่อยากให้ปราปต์รักษาคำพูดที่ว่าจะไม่ยุ่งกับอ้อนอีกแล้ว”
“แล้วได้พูดตอนไหนว่าจะไม่ยุ่ง”
เขาจำไม่ได้อย่างนั้นหรือว่าที่งานเลี้ยงเปิดฟาร์มเขาพูดเอาไว้อย่างไร
อารยาไม่อยากเถียงด้วยเพราะเดี๋ยวจะไปงานสายแต่ปราปต์ก็ขวางเอาไว้ตอนที่เธอจะเดินไปหยิบกุญแจรถในตะกร้าซึ่งวางไว้บนโต๊ะกินข้าว
“แค่บอกว่าไม่ต้องมาเป็นเพื่อนกัน แล้วเธอก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้า ไม่มีคำว่ายุ่งหรือไม่ยุ่งสักคำเลยอารยา แล้วเธอเองนะที่เป็นฝ่ายเสนอหน้าไปให้ฉันเอาถึงบ้าน ตอนนี้ก็เลิกบ่นเสียทีเพราะเธอก็รู้ว่าฉันมันเป็นพวกหวงของ อะไรที่เป็นของ ๆ ฉัน ใครหน้าไหนก็ไม่มีวันจะมาเอาไปได้ง่าย ๆ หรอก”
อารยาเพิ่งรู้ว่าตอนนี้ตัวเองมีค่าสำหรับปราปต์มาก เป็นถึงของเล่นชิ้นโปรดของเขาเลยเดียว...เธอควรภูมิใจหรือเสียใจดี
“ถ้าอ้อนย้อนเวลากลับไปได้ อ้อนจะไม่ยอมให้เรื่องนั้นมันเกิดขึ้นเลย”
“แต่ในเมื่อตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องยอมรับ...เธอเป็นผู้หญิงของฉัน ฉะนั้นการที่ฉันมานอนกับเธอทุกคืนไม่นับคืนที่เธอเป็นเมนส์มันก็หมายความว่าฉันทำเพื่อรักษาสิทธิ์ของตัวเองไม่ได้ทำเพราะห่วงสวัสดิภาพอะไรของเธอหรอก ฉันทำเพื่อสนองความใคร่ของตัวเองโดยเฉพาะ”
อีกทั้งค่อนข้างมั่นใจว่าตนไม่ได้มีจิตพิศวาสอารยาเลย
สักนิด...
ไม่มีจริง ๆ
“แล้วฟ้างามล่ะ ปราปต์ไม่รู้สึกผิดต่อเธอบ้างเลยหรือ เคยนึกถึงใจเธอบ้างหรือเปล่า”
พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหล แต่ท่าทางไม่ใส่ใจของเขากำลังจะทำให้ความตั้งใจของเธอล้มเหลว
“ทำไมฉันจะไม่นึก เพราะทุกครั้งที่ฉันเอากับเธอฉันก็จะคิดว่าเธอเป็นฟ้างามตลอด”
“ปราปต์...”
“แล้วไงล่ะ รอฉันแต่งงานกับงามก่อนสิ เราค่อยมาพูดเรื่องนี้ ช่วงนี้ฉันก็อยากจะสนุกกับเธอไปพลาง ๆ ก่อน เธอเองก็ได้กำไรไม่ใช่หรือ เห็นอยากได้ฉันมาตั้งนานแล้วนี่นา นี่ไง ! ฉันมาให้เอาได้เต็มที่ยังมีหน้าจะมาไล่”
“อ้อนแค่ไม่อยากจะรู้สึกอะไรกับปราปต์มากไปกว่านี้อีกแล้วปราปต์เข้าใจไหม ถ้าปราปต์ยังมาวนเวียนอยู่ในชีวิตอ้อนแบบนี้ถึงตอนที่ไม่มีปราปต์ขึ้นมาปราปต์คิดว่าอ้อนจะรู้สึกยังไง”
ปราปต์สะท้อนใจที่เห็นอารยาพูดไปน้ำตาไหลไป แต่ไม่รู้สิ...เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองต้องการอะไร
แค่อยากจะรักษาสิทธิ์ตัวเองแค่นั้นน่ะหรือ ?
“ไม่รู้สิ ไม่เคยคิด”
คนตัวเล็กส่ายหน้าน้ำตาซึม ปราปต์นึกถึงแต่ตัวเอง คนอื่นจะเป็นอย่างไรเขาไม่สนเลยสินะ
ความเจ็บปวดและน้อยใจประเดประดังเข้ามาราวคลื่นสึนามิ และคิดว่าถ้าอยู่ตรงนี้นานอีกนิดเธอคงจะร้องไห้น้ำตาอาบแก้มเป็นแน่ แค่นี้ปราปต์คงสมเพชจะแย่แล้ว
“อ้อนไม่อยากเถียงแล้ว”
ยิ่งพูดยิ่งเหนื่อยล้า ยิ่งเถียงยิ่งอ่อนใจลงไปทุกที เขาก็แค่กำลังพยายามหาเหตุผลร้อยแปดมารองรับการกระทำที่ไร้ซึ่งความสมเหตุสมผลของตัวเอง สุดท้ายคนที่เจ็บปวดก็คืออารยา
“หลีกเถอะเดี๋ยวอ้อนสาย”
“ไม่ให้ไป”
เขาไม่พูดเปล่า ก้าวเข้าไปคว้ากุญแจมาไว้ได้ อารยาส่ายหน้าไม่เข้าใจ ปราปต์ต้องการอะไรกันแน่
“อย่ากวนได้ไหมปราปต์ เอากุญแจคืนมา”
พยายามจะแย่งคืนมาแต่ปราปต์ทั้งสูงและไวกว่า ท้ายที่สุดเขาก็ทำในสิ่งที่ไม่คาดฝันด้วยการยัดมันใส่กางเกงใน ตรงปราปต์น้อยพอดีแถมยังพูด
ท้าทายอีกต่างหาก
“อยากได้ก็มาถอดเอาสิ”
อารยาถอนหายใจอย่างหนักหน่วง เธอชักจะทนพฤติกรรมหวงก้างแบบนี้ไม่ไหวเสียแล้ว
“ไม่เป็นไร อ้อนโทร. ให้คนอื่นมารับ”
หยิบมือถือในกระเป๋าออกมาเพื่อจะกดสายแต่สุดท้ายปราปต์ก็ปราดเข้ามาแย่งไปไม่พอขาปามันลงกับพื้นเต็มแรงจนมันแตกกระจาย มือถือราคาหลายหมื่นตอนนี้เป็นแค่เศษขยะ
“จะบ้าไปแล้วหรือไงวะ”
เป็นครั้งแรกที่อารยาพูดหยาบขนาดนี้ ปราปต์ทำเกินไปจริง ๆ มือถือเครื่องนี้เธอต้องทำงานเก็บเงินตั้งสองสามเดือนกว่าจะได้มันมาแต่เขากลับทำมันพังภายในเสี้ยววินาที
“อย่ามาขึ้นวะขึ้นโว้ยนะ”
“ทำไมวะ ?”
หญิงสาวกำหมัดแน่นที่จริงอยากจะแพ่นกบาลเขาด้วยซ้ำ หากเธอเป็นคนที่ความอดทนต่ำกว่านี้สักนิดปราปต์คงถูกถีบ
ไปแล้ว
“ทำไมน่ะหรือ”
ปราปต์หัวเราะมีเลศนัยก่อนจะเข้ามาจับไหล่ทั้งสองข้าง อารยาพยายามดิ้นรนและขัดขืนแต่ก็ถูกล็อกเอาไว้ด้วยแขน
ข้างเดียว
“เธอก็รู้ว่าฉันจะทำอะไร แล้วฉันก็รู้ว่าเธอน่ะชอบมัน
จะตาย”
“ปล่อย !”
มือใหญ่จับปลายคางมนแรง ๆ พร้อมจ้องลึกลงไปในแววตาขุ่นเคืองก่อนจะปล้ำจูบเร่าร้อนจนอารยาแทบจะทรงตัวไม่ไหว
กระแสสวาทวาบหวามเล่นงานจนต้านทานไม่อยู่ สุดท้ายก็ปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาได้เชยชิมครั้งแล้วครั้งเล่าจนเช้าปราปต์ก็ยังไม่สิ้นฤทธิ์ อารยาเกลียดร่างกายตัวเองเหลือเกินที่เชื้อเชิญและเรียกร้องให้ปราปต์เข้ามาเติมเต็ม
โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ไม่ต้องไปโรงเรียน เพราะสมรภูมิรักเมื่อคืนสูบกำลังแรงกายของอารยาไปเยอะเหลือเกิน จำได้ว่าวินาทีแรกที่ลุกขึ้นเดินก็แทบจะล้มลงกับพื้น พอช่วงสายอาการก็หนักขึ้นเพราะเริ่มปวดหัวและมีไข้ ปราปต์ที่กลับฟาร์มแต่เช้าตรู่ก็ย้อนมาอีกครั้งพร้อมอาหารเช้า
“กินเยอะ ๆ คืนนี้จะได้มีแรง”
ทำไมจะไม่รู้ว่าเขาต้องการให้เธอมีแรงเพื่ออะไร เขาลดความอยากอาหารที่แทบจะไม่มีอยู่แล้วลงไปอีกเพราะถูกตอกย้ำให้คิดว่าตัวเองมีค่าเป็นแค่คู่นอนเท่านั้น
“อ้อนอิ่มแล้ว”
“เค งั้นรีบกินยาแล้วขึ้นไปนอนเลย”
เขาจัดยาให้เธอแล้ว ซึ่งเป็นยาลดไข้ที่หญิงสาวมีติดบ้านไว้นั่นแหละ แต่เช้านี้อารยากินไปสองเม็ดแล้ว ไข้ไม่ลดลงเลย
“ฉันเอากับข้าวไว้ในครัวให้ถ้าอยากกินเมื่อไหร่ก็ไปหากินเองแล้วกัน”
อารยาพยักหน้าให้ เขาเลยเก็บกับข้าวบนโต๊ะเข้าไปไว้ในครัว ตอนนั้นเองที่หญิงสาวรู้สึกว่าทั้งตัวเบาหวิว คล้ายจะวูบพอพยายามตั้งสติกลับรู้สึกว่ากำลังลอยคว้างในอากาศจนเวียนหัว
“พาอ้อนไปหาหมอหน่อยได้ไหม”
เสียงอ่อนเอ่ยขอร้องคนที่เพิ่งเดินออกมาจากครัว ปราปต์ถอนหายใจหนัก ๆ มองคนตัวเล็กฟุบหน้ากับโต๊ะกินข้าว ตอนนี้หญิงสาวอ่อนแรงมาก พอสัมผัสเนื้อตัวจึงได้รู้ว่าไข้ขึ้นสูง
เพราะความไม่รู้จักอิ่มของเขาเมื่อคืนแท้ ๆ
“แต่ฉันไม่ว่างน่ะสิ”
ปราปต์มองนาฬิกาข้อมือ ใช่ว่าจะไม่ห่วงอารยาแต่วันนี้มีนัดซึ่งเป็นนัดสำคัญที่เขารอมาเนิ่นนาน เขาไม่อยากเสียโอกาสนี้ไปเช่นเดียวกับที่ไม่อยากให้อารยาไปหาหมอคนเดียว
“เดี๋ยวให้ไอ้ปองมารับไปหาหมอแล้วกัน”
อารยาแอบน้อยใจอยู่เนือง ๆ แต่ก็ไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใดเพราะปราปต์ยังมีน้ำใจอยู่รอจนกระทั่งนายปองขับรถมาถึงแถมยังช่วยประคองเธอไปที่รถอีกต่างหาก
“อย่าให้รู้ว่ามึงทำรุ่มร่ามกับอ้อน ไม่งั้นกูเอาตาย” คาดโทษนายปองเอาไว้ด้วยเสียงเข้มน่ากลัว
“นายวางใจปองได้เลยน่า”
ปองพาอารยาเข้าไปในรถแส่วนปราปต์ก็กลับไปยังรถของเขาซึ่งมักจะจอดเอาไว้หลังบ้านของอารยาเสมอ
“ปราปต์มีธุระด่วนมากเลยหรือปอง”
“ธุระหัวใจยังไงก็ด่วนครับครูอ้อน”
“ธุระหัวใจ ?” เ
ธอยังมีสติมองสีหน้าสัพยอกของนายปองผ่านกระจกมองหลังได้อยู่ และราวกับว่านายปองจะไม่รู้ว่าตัวเองพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมาเสียแล้ว
“ก็คุณปราปต์นัดคุณฟ้างามมาที่ไร่ เห็นว่าจะเซอร์ไพรซ์ขอเป็นแฟนน่ะครับครู”
คล้ายกับหัวใจถูกควักออกมาแล้วกระทืบซ้ำจนมันแตกสลายเป็นพัน ๆ ครั้ง
อารยาพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้เธอชาไปหมดทั้งตัวและหัวใจ ทำได้เพียงนั่งร้องไห้อยู่เงียบ ๆ ตรงเบาะหลังพร้อมกับได้ยินเสียงตัวเองซ้ำ ๆ ในหัวว่าปราปต์กำลังจะขอฟ้างามเป็นแฟน
วันนี้เป็นวันเกิดฟ้างาม ปราปต์จัดงานฉลองเล็ก ๆ ให้เธอที่ฟาร์มศุภโชค คือแค่ปิกนิกกันสองต่อสองตรงชายป่าท้ายฟาร์มเท่านั้น เดี๋ยวนี้
เจ้าหล่อนไม่ได้ทำเย็นชาหมางเมินใส่ปราปต์เหมือนเมื่อก่อน เริ่มสนิทกันมากขึ้นแต่เขากลับรู้สึกว่ายังไม่คลิก
หรืออาจจะเป็นเพราะยังสลัดอารยาออกจากความคิดไม่ได้สักที
“คุณปราปต์อ้าปากค่ะ”
ปราปต์หลุดออกจากภวังค์เล็ก ๆ หันไปมองฟ้างามที่เค้กป้อนให้ เขายิ้มแล้วอ้าปากกินเค้กคำโตหากทำไมมันถึงไม่อร่อยเท่าที่ควร
“อีกคำนะคะ”
“พอแล้วครับงาม ปราปต์อิ่มแล้ว”
ฟ้างามพยักหน้าแกน ๆ เธอเริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อปราปต์ทำเหมือนไม่อยากอยู่ใกล้ ทั้งที่วันนี้ก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเขา แค่อยากให้เขามาพาออกไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาแก้เหงาเท่านั้นเอง
“ปราปต์ขอตัวไปโทรศัพท์ก่อนนะครับ”
เมื่อเธอพยักหน้าให้เขาจึงลุกออกไปยืนที่แนวรั้วแล้วรีบต่อสายหา
นายปอง ต้องการรู้ว่าอารยาเป็นอย่างไรบ้าง ได้นอนค้างที่โรงพยาบาลหรือเปล่า
‘ครูไข้ขึ้นสูงมากเลยครับคุณปราปต์แถมยังอ่อนเพลียด้วยหมอเลยให้นอนคืนนึง แต่ตอนนี้อยู่ในมือหมอแล้วคุณปราปต์สบายใจได้เลยครับ’
“เค ขอบใจแกมาก กลับฟาร์มได้แล้ว”
‘ครับผม เอ่อ ว่าแต่คุณปราปต์จะขอคุณงามเป็นแฟนจริง ๆ หรือครับ แล้วครูอ้อนของปองล่ะครับคุณปราปต์’
ปองเอาใจช่วยอารยามาตลอดเพราะเขาดูออกแต่แรกว่าหญิงสาวรักและหวังดีกับปราปต์มากแค่ไหน ส่วนเรื่องที่ปราปต์มานอนบ้านครู ตนก็รู้เรื่องแต่เจ้านายกำชับว่าห้ามบอกใครเด็ดขาดเพราะไม่อยากให้ครูเสียหาย
ปราปต์เงียบไปชั่วอึดใจหนึ่งก่อนจะพูดว่า
“ไม่ใช่เรื่องอะไรของแก”
ไม่ปล่อยให้ปองได้พูดอะไรต่อปราปต์ก็วางสายแล้วหันกลับไปหมายจะเดินไปที่เดิม แต่พบฟ้างามยืนอยู่ไม่ห่างนัก เขาตกใจเพราะคิดว่าหล่อนคง
ได้ยินที่เขาคุยกับปองผ่านโทรศัพท์ แต่บางทีอาจจะไม่...จึงส่งยิ้มกลบเกลื่อนเสีย
“ไม่ค่อยสนุกหรือครับงาม”
“สนุกค่ะ งามขอบคุณคุณปราปต์นะคะที่จำวันเกิดงามได้ แต่ตอนนี้งามต้องกลับบ้านแล้ว ที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อยค่ะ” แต่มองจากสีหน้าแล้วปราปต์คิดว่าไม่น่าจะนิดหน่อย
แต่ก็ดีเหมือนกัน...เขาเองก็ไม่คิดว่าวันนี้จะอยู่กับหล่อนทั้งวัน
ใจของเขาอยู่ที่โรงพยาบาล
“ไปครับ ผมไปส่ง”
“เดี๋ยวค่ะ”
ปราปต์ชะงักเมื่อหญิงสาวเรียกรั้งแขนไว้ ท่าทางฟ้างามเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่คงเป็นเรื่องที่เธอหนักใจไม่น้อย
“งามมีเรื่องอะไรบอกปราปต์ได้นะ ปราปต์ยินดีช่วย”
ฟ้างามกัดริมฝีปากตัวเอง ความเงียบบ่งบอกว่าเธอลังเลที่จะพูดมันออกมาหรือไม่ แต่เรื่องนี้หล่อนตัดสินใจแล้ว
“คุณปราปต์เป็นแฟนกับงามนะคะ”
“...”
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าฟ้างามพูดแบบนี้ ปราปต์เกือบคิดว่าตัวเองฝันไป
“นะคะ เป็นแฟนกับงาม”
คราวนี้ไม่พูดเปล่า หญิงสาวก้าวเข้ามาจับมือเขา เขย่าอย่างวิงงวอนราวกับคนกำลังขอความช่วยเหลือมากกว่าขอ
ความรัก
ปราปต์มีสีหน้าหนักใจ เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองต้องการแบบนี้จริงไหม ถ้าเขาตกลงเป็นแฟนเธอไปแล้วเขาจะยังแอบมีอารยาแบบไม่รู้สึกผิดได้อย่างไร แล้วเขาจะปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไปอย่างนั้นหรือ เขารักฟ้างามมาหลายปีและนี่คือสิ่งที่รอคอย ส่วนอารยาเขาก็จะปล่อยเธอไปให้ใครไม่ได้ ปราปต์ก็เกลียดตัวเองเหมือนกันที่เป็นผู้ชายเห็นแก่ตัว
แต่เขาก็ไม่ใช่คนดีอะไรนี่นา
“ครับ ต่อไปนี้เราสองคนคือแฟนกัน”
“ขอบคุณมากนะคะคุณปราปต์” ฟ้างามสวมกอดเขาอย่างซาบซึ้งใจ แต่ปราปต์ไม่อาจรู้ได้ว่าแท้จริงแล้วหญิงสาวต้องการอะไรจากสถานะแฟนของเขากันแน่
