บทที่ 7 6
“อุ๊ย”
เธอตกใจมากที่โดนฉุดแขนจากทางด้านหลัง ร่างกายเธอดึงมันกลับโดยอัตโนมัติแม้จะไม่เห็นว่าใครฉุดไว้ แต่คนตัวโตกว่าก็ไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ
“หมอตะวัน”
“หลบใครอยู่ล่ะ”
เขาถามเสียงเข้ม เล่นเอาฟ้างามสั่นไปทั้งตัว สิ่งที่กลัวมันเกิดขึ้นจนได้ ตอนนี้เธอรู้สึกหวาดกลัวจนน้ำลายในคอมันเหนียวไปหมด ยังจำได้ดีว่าทำอะไรกับเขาเอาไว้บ้าง แผลที่ศีรษะเขาก็ยังไม่หายดี
“คุณปล่อยแขนงามนะ” เธอพยายามสะบัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุดออกจากเขาสักที “ไม่งั้นจะร้องให้คนมาช่วย”
“เอาสิ นี่โรงพยาบาลของฉัน เธอจะทำอะไรได้”
เมื่อเขาข่มขู่ คนตัวเล็กจ้องเขาด้วยความกลัวปนความโกรธ เธอไม่รู้หรอกนะว่าตัวเองจะทำอะไรได้เพราะเธอยังไม่ได้ลอง
“ช่วยด้ว- ว้าย”
ฟ้างามตะโกนให้คนมาช่วยจริง ๆ แต่ตะวันก็อาศัยจังหวะนั้นดึงกระเป๋าคล้องแขนของเธอออกไป ฟ้างามเอื้อมมือไปแย่งมันกลับมาแต่ แต่ทว่าเขาเอาไปซ่อนข้างหลัง แล้วใช้แขนข้างที่ว่างกางกันเธอออกจากตัวเขา
“อยากได้ก็ตามไปเอาแล้วกัน”
“คุณจะบ้าหรือคะ” คราวนี้เธอเป็นฝ่ายรั้งแขนใหญ่เอาไว้บ้างเพราะเขากำลังจะเดินจากไป “คุณจะเอาคืนงามด้วยวิธีนี้ไม่ได้นะคะ งามจะเอาเงินที่ไหนกลับบ้าน”
เขารวบมือเธอเอาไว้มั่น กันไม่ให้เธอเอื้อมมาคว้ากระเป๋าของเธอได้ ก่อนจะบอก
“กลับกับผัวใหม่เธอสิ”
“เพ้อเจ้อ” เธอพูดต่อว่าด้วยความน้อยใจ “งามกับคุณปราปต์เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“การกระทำของมันเธอน่าเชื่อถือมากเลย”
ตะวันประชดประชัน ฟ้างามได้ฟังเช่นนี้แล้วรู้สึกท้อ ทั้งยังเหนื่อยที่จะอธิบาย ในเมื่อเขาเชื่ออย่างนั้นไปแล้ว ทำไมเขาไม่ยอมจบกันเสียที
“งามไม่ได้อยากทะเลาะนะคะ ขอกระเป๋าคืนเถอะค่ะ”
ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก แววตาเขาเยือกเย็นจนหัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ
“อยากได้ก็ตามไปเอา”
สิ้นเสียงเขาก็ดึงมือเธอออกแล้วเดินไปจากตรงนั้น ฟ้างามพยายามเดินตาม หากเพราะเธอขาสั้นกว่าเขามากถึงได้เดินช้า แต่พอเร่งฝีเท้าออกไปจนพ้นทางแคบที่เชื่อมไปยังห้องน้ำนี้ เธอก็เห็นตะวันกระซิบกับพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เธอเดาว่าน่าจะรีบวิ่งมาเพราะได้ยินเสียงร้องของเธอ แถมตะวันก็ยังกวักมือเรียกพยาบาลคนหนึ่งมาทางนี้อีก
“พาไปห้องฉุกเฉินเลย”
เขาบอกในจังหวะที่เธอใกล้ถึงตัวเขาแล้วก็เดินจากไป เธอหวิดคว้ากระเป๋าตัวเองไว้ได้แล้วเชียว แต่ตอนนี้เธอกำลังถูกพยาบาลเข้ามาจับแขนไว้
บ้าจริง! ตะวันเล่นอะไรของเขากันนะ
“หมอ หยุดก่อนค่ะ เอากระเป๋างามคืนมา”
“ปวดท้องใช่ไหมคะคุณฟ้างาม”
บุคลากรที่นี่รู้จักเธอในฐานะหลานสาวท่านประธาน น้องสาวท่านผู้อำนวยการ แต่พยาบาลคนนี้เชื่อจริง ๆ หรือว่าเธอไม่สบาย หน้าตาเธอมันเหมือนคนป่วยมากขนาดนั้นเชียว
น่าเสียดาย... วันนี้เธอน่าจะทาลิปสติกสีแดงเลือดนกมา จะได้ไม่ถูกหาว่าเป็นคนป่วย
“ไม่ได้ป่วยค่ะ แต่งามจะเอากระเป๋า”
“ผู้อำนวยการบอกว่าจะดูแลของให้เองค่ะ แต่ตอนนี้คุณฟ้างามต้องไปห้องฉุกเฉินก่อนนะคะ ท่านบอกว่าคุณต้องฉีดยาค่ะ”
“งามบอกว่างามไม่ได้เป็นอะไรไงคะ”
เธอพยายามสลัดพยาบาลคนนี้ให้หลุด ขณะที่พนักงานรักษาความปลอดภัยเดินไปบอกพนักงานเปลให้เข็นรถเข็นมาทางนี้
ตะวันทำให้เธออยากจะเผาโรงพยาบาลของเขาให้วอดวาย
ฟ้างามยอมให้หมอในห้องฉุกเฉินตรวจ เพื่อจะได้ยืนยันว่าสิ่งที่ท่านผู้อำนวยการของพวกเขาบอกกับพยาบาลคนเมื่อกี้มันไม่ใช่เรื่องจริง
“งามบอกแล้วว่างามไม่ได้เป็นอะไร” เมื่อหมอบอกว่าเธอปกติทุกอย่าง เธอเลยหันไปพูดเสียงดุใส่พยาบาลคนที่พาเธอมาตรวจ
“เอ่อ ดิฉันต้องขอโทษคุณฟ้างามจริง ๆ นะคะ” ฝ่ายนั้นยิ้มแห้ง ๆ แล้วก้มหน้าหลบสายตา
ฟ้างามพ่นลมหายใจออกมา พยายามคิดว่าคนตรงหน้าทำไปตามหน้าที่ แล้วนี่มันก็เป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่คนที่น่าโดนตีหัวก็คือคนเจ้าแผนการอย่างตะวันต่างหาก
“งั้นคุณพยาบาลช่วยไปเอากระเป๋าที่หมอตะวันมาให้งามทีได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
แล้วพยาบาลคนนั้นก็เดินออกไปจากห้องฉุกเฉิน น่าจะไปติดต่อคนของตะวันเรื่องคืนกระเป๋า เดาว่าตะวันน่าจะอิดออดไม่ยอมคืนง่าย ๆ เพราะเธอไม่ได้ไปเอาด้วยตัวเอง
แต่เขาจะให้เหตุผลกับคนที่เธอไหว้วานว่าอย่างไร เขาไม่กลัวคนอื่นสงสัยว่าทำไมต้องให้เธอไปเอาด้วยตัวเองเลยหรือ เพราะแบบนี้ฟ้างามเลยยังพอมีหวังว่าจะไม่ต้องเดินเข้าไปติดกับดักของคนใจร้าย เธอจึงเดินไปนั่งที่โซฟารับรองสีแดงสด ไม่นานคนที่เธอรอก็กลับมา
“เอ่อ คุณฟ้างามคะ” สีหน้าของคุณพยาบาลทำให้ความหวังดับวูบลง “เลขาท่านผู้อำนวยการแจ้งว่า ท่านอยากให้คุณขึ้นไปค่ะ เพราะจะให้คุณช่วยดูเอกสารทางวิชาการน่ะค่ะ”
เชื่อเขาเลย...
“ไปเป็นเพื่อนงามได้ไหมคะ ถือเป็นการไถ่โทษเรื่องเข้าใจผิดเมื่อกี้” ตอนนี้เธอต้องได้กระเป๋ากลับมา แล้วตัวเองก็ต้องปลอดภัยด้วย
“แต่ผู้อำนวยการจะยอมหรือคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไปเป็นเพื่อนงามแป๊บเดียว เขาไม่ว่าหรอก”
“เอ่อ... ก็ได้ค่ะ”
“ขอบคุณมากนะคะ”
ฟ้างามขอบคุณไปตามมารยาท แล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอเบื่อเต็มทนที่จะต้องฟาดฟันกับผู้ชายอย่างตะวัน คนที่ไม่ว่าเธอจะสู้ด้วยอะไรก็พบแต่ความพ่ายแพ้และเสียใจ
การ์ดคนหนึ่งได้รับคำสั่งให้มาพาฟ้างามขึ้นลิฟต์ไปยังห้องของตะวันที่ชั้นสี่ ซึ่งทั้งชั้นจะใช้เป็นออฟฟิศและที่พักสำหรับบุคลากรระดับผู้บริหาร แม้เธอจะเคยขึ้นมาที่นี่กับคุณย่าหลายครั้ง แต่ก็จำไม่ได้ว่าห้องใครอยู่ตรงไหนเพราะมองจากด้านนอกมันก็เหมือนกันหมด จำได้แค่ว่าห้องของตะวันมีห้องที่เป็นเหมือนห้องชุดอยู่ชั้นสี่ เขาใช้มันเป็นห้องพักผ่อน มีห้องนอน มีครัว และมีห้องน้ำ ทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
พอเดินมาถึงหน้าประตู การ์ดก็เคาะเรียกเขาสามครั้ง
“คุณฟ้างามครับท่าน”
ทั้งหมดรอให้เขาตอบรับ แต่ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าที่หลังประตู ก่อนที่เขาจะเปิดมันออกมาแล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นพยาบาลยืนเยื้องหลังฟ้างาม
“คุณมาทำอะไรครับ?”
“งามให้พี่เขามาเป็นเพื่อนน่ะค่ะ”
ฟ้างามเป็นคนตอบแทน เขาเลยจ้องเธอตาเขม็ง หากสิ่งที่เธอสนใจตอนนี้ไม่ใช่เขา แต่เป็นกระเป๋าเธอ ซึ่งเธอไม่เห็นว่าตะวันจะถือมันอยู่ด้วย
“กระเป๋างามล่ะคะ?”
“เข้ามาในห้องก่อนสิ” เขาบอก
ฟ้างามนิ่วหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ ถึงขนาดนี้แล้วเขายังไม่เลิกแกล้งเธออีกหรือ
“งามรีบค่ะ”
“แต่พี่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับงาม”
ต่อหน้าทุกคนเขาจะแทนตัวเองว่าพี่ เพื่อรักษาภาพพจน์ตัวเองให้ดูเป็นผู้ชายอบอุ่น
“พี่พูดจริง ๆ”
ตะวันพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่จริงจังไม่แพ้แววตา จนเธอคิดว่าครั้งนี้เขามีปัญหาจริง ๆ ทั้งที่เธอก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะช่วยอะไรได้
“งั้นให้พี่เขาเข้าไปด้วยนะคะ”
ตะวันไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็หลีกทางให้ ฟ้างามเดินเข้าไปก่อนแต่ไม่ทันได้เห็นว่าตะวันส่งสัญญาณทางสายตาแบบไหนให้กับการ์ดของเขา แต่พี่พยาบาลกลับถูกกันออกไปจากหน้าห้อง เธอรีบหันไปเพราะไม่ได้รู้สึกว่ามีใครเดินตามเข้ามา แต่แล้วตะวันก็ปิดประตูเสีย
“ไหนบอกจะให้เขาเข้ามาด้วย”
“พอดีมันเป็นเรื่องสำคัญ คนอื่นจะรู้ไม่ได้”
“แล้วมันเรื่องอะไรคะ?” ทำไมจะต้องทำให้มันซับซ้อนขนาดนี้
“เรื่องอะไรดีล่ะ?” เขาทำยียวน
ฟ้างามรู้สึกว่ามันไม่ชอบมาพากลเลยปรี่เข้าไปที่ประตู ทว่ามันถูกล็อกจากด้านนอก จังหวะนั้นคนตัวใหญ่ก็หัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ เธอหันไปมองหน้าเขาเพราะต้องการคำอธิบาย
“เธอคิดว่าฉันจะให้เธอมาช่วยดูเอกสารให้จริง ๆ หรือ?” เขายักไหล่ถาม “คนโง่ ๆ อย่างเธอเนี่ย มันไม่ได้มีประโยชน์กับชีวิตฉันขนาดนั้น”
“คุณหลอกงามจริง ๆ ด้วย”
มุมปากหยักของตะวันเหยียดขึ้น ดวงตาวาวโรจน์ที่จ้องใบหน้าสวยหวานนั้นเต็มไปด้วยความมาดร้าย ยิ่งรู้ว่าวันนี้เจ้าหล่อนมากับใคร เขาก็ยิ่งไม่พอใจเธอมากเท่านั้น
“กว่าจะฉลาด”
“อย่าเข้ามานะคะ”
ฟ้างามถอยหนีทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ มือบางพยายามผลักประตูเพื่อให้มันเปิด หากก็ไม่เป็นผล
“ช่วยด้วยค่ะ ใครอยู่ข้างนอกเปิดประตูให้งามที”
“ร้องเอาเถอะ ป่านนี้การ์ดพาพยาบาลคนนั้นลงไปชั้นล่างแล้ว”
“ช่วยด้วย!!!” เธอตะโกนให้ดังกว่าเดิมและไม่ฟังเขาอีกแล้ว หัวใจเธอมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“จะหนีทำไม ทำเหมือนตอนที่อยากได้ฉันเป็นผัวสิ”
“ว้าย”
ตะวันเข้ามาประชิดตัว สองไหล่บางถูกเขากระชากเต็มกำลัง แรงน้อยไม่อาจยับยั้งต้านทานแรงมหาศาลนั้นได้
“วันก่อนเธอทำฉันหัวแตก แถมตอนนี้ยังจะพาไอ้หน้ากุลีนั่นมาหยามฉันถึงโรงพยาบาล สันดานของเธอนี่มันแก้ไม่หายเลยใช่ไหม”
“งามแค่มาเยี่ยมเพื่อนที่เพิ่งคลอดลูก”
“แล้วทำไมต้องมากับมัน!”
ออกแรงบีบมากขึ้นจนฟ้างามหน้าเบ้ เธอเคยพูดไปแล้วตั้งหลายครั้งแต่เขาก็เลือกที่จะไม่เชื่อ แล้วก็มาโมโหใส่กันแบบนี้ ถึงแม้เธอจะรักเขามากแค่ไหนก็ตามแต่เธอไม่ใช่สิ่งของที่เขาจะระบายอารมณ์ใส่เมื่อไหร่ก็ได้
“จะต้องให้งามบอกอีกกี่ครั้งว่าเราเป็นเพื่อนกัน”
ตะวันหัวเราะหึ
“เพื่อนนอนใช่ไหม”
“คุณ!”
เขาคิดว่าทุกคนจะเป็นเหมือนเขาหมดเลยอย่างไร เธอไม่ชอบเลยที่ตะวันใช้บรรทัดฐานของตัวเองตัดสินคนอื่น เธอกับปราปต์เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ถ้าจะคบกันจริงก็คงจะคบมาตั้งนานแล้ว ไม่มาทนเจ็บเพราะคนอย่างเขาหรอก
“อาจจะเป็นเพื่อนแบบคุณกับคุณแคลร์ก็ได้นะคะ ตอนเย็นบอกไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่กลางคืนก็แอบไปมีอะไรกัน” เธอพูดออกไปอย่างเหลืออด
ตะวันขบกรามแน่นไม่พอใจ วันนี้เขากำลังพูดเรื่องที่เธอผิดคำพูดที่ว่าจะไม่ยุ่งกับผู้ชายคนอื่น แต่เธอกลับจะดึงเข้าเรื่องนั้นแล้วจบลงที่ค่อนขอดคลาริสา
“งั้นสรุปว่าเธอก็ได้กับมันแล้ว ถูกไหม?”
“ถ้าบอกว่าใช่ คุณจะปล่อยให้งามไปคบกับเขาหรือเปล่า”
เธอเชิดหน้าขึ้นถามเขา จ้องลึกเข้าไปในแววตาคู่นั้นราวกับจะค้นลงไปให้ถึงหัวใจ คนอย่างเขาไม่เคยต้องการเธอแต่ก็ไม่ยอมปล่อยเธอไปเสียที เอาเข้าจริงตะวันจะยอมไหมหากเธอไปคบกับปราปต์จริง ๆ
“ถามตัวเองก่อนสิว่าไปได้หรือเปล่า เพราะถ้าเธอไปได้จริง ๆ เธอคงไปนานแล้ว... ใช่ไหม?”
“...”
ฟ้างามจุกในอกจนพูดไม่ออก เธอค้นใจตัวเอง ถามมันว่าทำไมยังทนอยู่แบบนี้ ลึก ๆ แล้วที่เธออยู่ตรงนี้ก็เพราะเธอไปไหนไม่ได้ เธอรักเขามากเกินจนไม่กล้าเดินกลับไป
“เธอมาไกลมากแล้วฟ้างาม”
“ฮึก...”
เสียงสะอื้นหลุดออกมา ทำนบกั้นน้ำตาของเธอพังไม่เหลือชิ้นดี ตะวันไล้นิ้วชี้ไปกับผิวแก้มแดงเรื่อของเธอ มุมปากเขายังคงเหยียดยิ้มอย่างผู้ชนะ
“ที่เธออยากให้ฉันปล่อย มันก็เป็นแค่การเรียกร้องอีกแบบหนึ่งของเธอ” เขาไม่เคยเชื่อว่าคนเราจะรักโดยไม่เรียกร้อง แต่แค่เปลี่ยนวิธีเรียกร้องไปในรูปแบบที่ต่างกันก็เท่านั้น
“...”
เธอยอมแล้ว... ตะวันพูดถูกทุกอย่าง ทุกครั้งที่เขาทำท่าจะปล่อย กลับเป็นเธอที่เอาแต่เฝ้าคอย ด้วยหัวใจที่มันทรมานและเจ็บปวดเจียนตาย
เธอไม่อยากยอมรับเลยสักนิดว่าเธอขาดเขาไม่ได้
เป็นเพราะอะไรเธอก็ไม่เคยเข้าใจ
ทั้งที่เขานั้นร้ายแสนร้าย
ทั้งที่เขาไม่เคยแม้แต่จะสงสาร
แต่พอถามตัวเองซ้ำ ๆ เธอก็พบเพียงคำตอบเดียวว่าเธอรักเขา ในเมื่อใจมันบอกให้อยู่ตรงนี้ เธอก็คงต้องเจ็บให้ถึงที่สุด
“เธออยากให้ฉันรัก แต่พอเธอไม่ได้ เธอก็เริ่มประชดประชันด้วยการบอกให้ฉันปล่อยเธอไป แต่จะบอกอะไรให้นะ...”
ใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้ามาใกล้ คนที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นต้องยกมือกุมอกที่มันจุกแน่น ทว่ากลับไม่มีความสงสารหรือเห็นใจอยู่ในแววตาของเขาเลย
“หยุดพูดในสิ่งที่เธอทำไม่ได้ แล้วก็หันมารักษาคำพูดของตัวเอง”
“งาม... ฮึก”
เธออยากบอกเขาว่าเธอไม่เคยผิดคำพูด แต่ก้อนสะอื้นก็ทำให้เธอรู้สึกเหมือนจะขาดใจจนคำพูดที่คิดไว้ถูกกลืนหายไปเสียหมด
“เพราะถ้าฉันเขี่ยเธอทิ้งเมื่อไหร่ ไม่ใช่ฉันนะที่จะเจ็บ”
“...”
“แต่มันเป็นเธอนั่นแหละ”
ตะวันเค้นเสียงต่ำลอดไรฟันออกมา มือสองข้างดึงมือฟ้างามออกจากอกของเธอ ก่อนจะจับที่สาบเสื้อตัวสวย แล้วกระชากมันออกจากกันอย่างไม่ออมแรง
แควก
“กรี๊ด...”
แขนเรียวยกขึ้นมากอดตัวเองไว้ แต่คนใจร้ายยังไม่ยอมรามือ เขาพยายามที่จะกระชากอาภรณ์ตัวงามออกจากร่างบอบบางให้หมด หญิงสาวตกใจกับความกักขฬะของเขา เธอทั้งปัดทั้งตีและพยายามหนีออกไป
“อย่าทำกับงามแบบนี้ ไม่นะ โอ๊ย!”
ฟ้างามสะดุดเท้าตัวเองจนล้มลงกับพื้น พยายามตะเกียกตะกายหนีแม้จะเจ็บจากแรงกระแทกมากก็ตาม
“จะหนีไปไหน”
ตะวันจับข้อเท้างามเอาไว้ ลากเธอเข้ามาใกล้แล้วนั่งคร่อมร่างสวย แขนทั้งสองของเธอถูกแยกออกจากกันแล้วกดลงกับพื้นหินอ่อน ใบหน้าสวยเกลี้ยงเกลาเปรอะเปื้อนคราบน้ำตา
“ปล่อย...”
ฟ้างามกลัวจนตัวสั่น พยายามต่อสู้ดิ้นรนจนแทบจะหมดแรง และเสียงที่เปล่งออกมานั้นก็เริ่มแผ่วลง
“ร้องดัง ๆ ให้หมอนั่นมาช่วยสิ”
มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน ตะวันก็น่าจะรู้ดีว่าปราปต์ไม่รู้ว่าเธอถูกหลอกให้มาเจอเรื่องแย่ ๆ ฝ่ายนั้นคิดว่าเธอมาเข้าห้องน้ำ
“ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ด้วย”
“เพราะเธอเอาตัวเองเข้ามาอยู่ผิดที่ผิดทาง” เขายกยิ้มแสยะ แล้วออกแรงกระตุกเสื้อชั้นในที่เธอสวมใส่อยู่แรง ๆ จนมัดขาดติดมือขึ้นมา ร่างบางถึงกับสะท้านเยือก
“ตั้งแต่เด็กแล้ว ฉันไม่รู้ว่าเธอจะเสนอหน้าเข้ามาทำไม”
ก้มลงไปกระซิบเสียงเย็น ก่อนที่หญิงสาวจะได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างสาแก่ใจหลุดออกจากลำคอหนา ฟ้างามน้ำตาไหลพรากกับการเอาคืนที่เกินคำว่าสาสม
“เธอทำให้ฉันต้องเสียอะไรไปบ้าง เธอไม่เข้าใจเลยใช่ไหม”
“งามขอโทษ...”
คนตัวบางสะอื้นไห้ เรื่องหนึ่งที่เธอยังจำได้ดี แต่ไม่อยากนึกถึงก็คือเรื่องในวันที่บิดาของเขาเสียชีวิต เธอเพียงต้องการไปอยู่เคียงข้างเขา แต่หลายสิ่งไม่เป็นใจ เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น กลายเป็นแผลเล็ก ๆ อยู่ในหัวใจของตะวันและมันไม่มีวันหาย
“ฉันไม่ได้แค้นเธอนะงาม”
“...”
“ฉันแค่เกลียดเธอ”
คนพูดหัวเราะในลำคอ ส่วนฟ้างามเม้มปากสนิท ถ้อยคำของเขามันดังก้องอยู่ในสมอง เพราะแค่เกลียด... เพียงเท่านี้ก็รุนแรงเหลือเกิน
“ไม่เอานะ อย่าทำอย่างนี้สิ”
เธอโวยวายเมื่อแขนใหญ่จับเอวบางแล้วพลิกให้เธอนอนคว่ำหน้า กดแผ่นหลังเนียนสวยเอาไว้ สอดมือลงไปปลดตะขอกางเกงผ้าลินินที่เธอสวมใส่ ก่อนถลกมันออกมาพร้อมกางเกงในตัวจิ๋ว
“หมอตะวัน!”
ดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ร่างหน้าที่ทิ้งน้ำหนักลงมาทั้งตัว จังหวะนั้นชายหนุ่มแกล้งปล่อยให้ร่างบางเป็นอิสระ เธอจึงรีบกระถดไปนั่งคู้ตัวตรงมุมห้อง เสียขวัญจนเนื้อตัวสั่นเทา ในขณะที่น้ำตาแห่งความเสียใจรินไหลไม่ขาดสาย คนมีน้ำตาเหลือบเห็นว่าเขาใช้นิ้วชี้เกี่ยวแพนตี้ตัวน้อยให้แยกออกมาจากชิ้นนอก
“วันก่อนเธอตีหัวฉันใช่ไหม”
หญิงสาวนิ่งจ้องเขาอย่างประเมินท่าที หัวใจเธอเต้นแรงด้วยความตื่นตระหนก อีกทั้งแรงสะอื้นยังทำให้อกสวยกระเพื่อมแรง
“แถมยังพูดจาไม่ให้เกียรติแคลร์อีก”
“งามพูดตามความจริง”
ตะวันดูไม่ออกเลยหรืออย่างไรว่าคลาริสาร้ายกาจขนาดไหน หล่อนกำลังหว่านเสน่ห์คุณอาทินกรไปพร้อม ๆ กับให้ความหวังเขา
นี่น่ะหรือคนดีที่เขาชื่นชม
นี่น่ะหรือคนที่เขารักจนสุดหัวใจ
“ยิ่งเธอพูดจาให้ร้ายแคลร์มากแค่ไหน ฉันก็ยิ่งอยากแต่งงานกับแคลร์มากเท่านั้น เพราะฉันอยากเห็นน้ำหน้าคนอย่างเธอ”
“ถ้าคุณรู้ว่าเขาไม่ได้ดีอย่างที่คิด คุณจะเสียใจหรือเปล่า” ร่างเปลือยเปล่าเอ่ยถามเสียงสะอื้น ตะวันแสยะยิ้มแล้วตอบโดยไม่ต้องคิด
“ไม่เลย”
เขาก้มลงเก็บเสื้อผ้าของเธอที่เขาลงมือฉีกมันทิ้งขึ้นมาทีละชิ้น ฟ้างามมองตามเขาด้วยหัวใจที่ปวดร้าว มันแย่เหมือนกันนะที่เรามองเห็นพฤติกรรมแย่ ๆ ของใครสักคน แต่คนอื่นไม่เห็น เราเลยถูกมองว่าเป็นฝ่ายคิดร้าย และมันแย่ยิ่งกว่าเมื่อได้ฟังประโยคต่อไปของตะวันที่ว่า
“เพราะแคลร์ไม่มีวันทำตัวแบบนั้น”
ตะวันเชื่อมั่นในตัวคลาริสาเหลือเกิน เสี้ยวหนึ่งในใจ... ฟ้างามอยากให้เขาเชื่อในตัวเธอแบบนั้นบ้าง แต่รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นจริง หญิงสาวเม้มริมฝีปากสนิท ก้มหน้าปล่อยน้ำตาร่วงหล่น
ความรู้สึกหน่วงหนึบเกิดขึ้นในใจของตะวันในแบบที่เขาเองก็อธิบายไม่ถูก แต่อีกความรู้สึกก็บอกกับตัวเองว่าสิ่งที่ฟ้างามได้รับนั้นสาสมกับความร้ายกาจอวดดีที่เธอมี
“ไม่เหมือนเธอหรอกนะ เธอบอกว่าเธอเป็นเพื่อนกับไอ้หน้าหนวดนั่น แต่เธอกล้าควงมันมาหยามฉันขนาดนี้ ฉันควรเชื่อคำพูดเธอไหมล่ะ”
“ก็เราเป็นเพื่อนกันจริง ๆ” เมื่อเขาวนมาเรื่องเก่า เธอก็จะขอยืนยันด้วยคำเดิม
“แค่เพื่อนก็ไม่ได้!!!”
คนตัวโตตวาดกร้าวอย่างหมดความอดทน ฟ้างามยังไม่เข้าใจอีกใช่ไหมว่าเขาไม่ชอบให้เธออยู่ใกล้ผู้ชายคนอื่น ต่อให้จะเป็นเพื่อน หรือญาติพี่น้องก็ตาม
“ฉันจะทำให้เธอดูว่าบทเรียนแรกของวันนี้มันคืออะไร”
บทเรียนบทแรก...
“หมายความว่ายังไงคะ” มันจะมีบทที่สอง สาม และบทต่อ ๆ ไปตามมาอีกอย่างนั้นหรือ
ตะวันแสยะยิ้มน่าหมั่นไส้ขณะมองเรือนร่างเปลือย
“เดี๋ยวฉันจะให้คนมาเปิดประตู เธออยากกลับก็กลับเลยนะ”
เขาเป็นบ้าไปแล้วใช่ไหม... เธอจะออกไปได้อย่างไรในสภาพนี้ อีกทั้งยังหอบเสื้อผ้าเธอไปด้วยอีก
“คุณทำกับงามแบบนี้ไม่ได้นะคะ”
แต่ตะวันหาได้ฟัง เขายกหูบอกคนข้างนอกให้เปิดประตู ฟ้างามรีบวิ่งไปหลบหลังโซฟา กลัวก่อนที่คนที่เปิดเข้ามาจะเห็นเธอในสภาพน่าเกลียดนี้
เสียงร้องไห้ถูกกลั้นไว้ขณะได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ของตะวันที่เดินห่างออกไปพร้อมกับเสื้อผ้าขาด ๆ ของเธอ แล้วประตูก็ปิดลงอีกครั้ง ทิ้งให้เธออยู่ในนี้เพียงลำพังพร้อมกับความรู้สึกมืดมนจนหนทาง
เธอจะออกไปจากห้องนี้ได้อย่างไรกัน...
ตู้เสื้อผ้าในห้องนอนของตะวันไม่มีเสื้อหรือกางเกงเลย เธอคิดว่าเขาน่าจะส่งซัก แต่อีกตู้กลับเต็มไปด้วยเสื้อกาวน์ขนาดเดียวกันนับสิบตัวแขวนอย่างเป็นระเบียบ ฟ้างามหยิบออกมาใส่ไปพลางก่อน ดีกว่าเปลือยกายน่าเกลียด ส่วนกระเป๋าที่ตะวันกระชากมา เธอก็เจอว่ามันวางอยู่หน้าโต๊ะทีวีในห้องนอนเขาเหมือนกัน ตอนนี้เธอค้นดูมือถือตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก พบว่าปราปต์โทร.มาหลายสายแล้ว ที่ไม่ได้ยินก็เพราะปิดเสียงเอาไว้
‘งามอยู่ไหนครับ ตอนนี้ปราปต์จะกลับแล้วนะ’ ปราปต์ยิงคำถามมาทันทีที่เธอโทร.กลับไป
“ตอนนี้งามออกมากับคุณย่าน่ะค่ะ ท่านมีปัญหานิดหน่อย” เธอเกลียดตัวเองที่ต้องโกหกอีกแล้ว แต่เธอกลับทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้เลย
‘อ้าว หรือครับ’
“งามขอโทษที่ไม่ได้โทร.บอกคุณปราปต์ก่อนนะคะ มันเรื่องด่วนจริง ๆ”
‘ไม่เป็นไรหรอกงาม ว่าแต่โอเคใช่ไหม’
น้ำตาที่เก็บกลั้นเอาไว้มันไหลออกมาอีกเพราะคำถามอย่างห่วงใยนั้น แต่ฟ้างามก็ปรับเสียงตัวเองให้เป็นปกติได้ตอนที่ตอบเขาไปว่า
“งามเอาอยู่ค่ะ”
‘งั้นไว้เจอกันนะ’ เขาพูดยังไม่ทันขาดคำ ก็ต้องสบถเสียงดังลั่น ‘อะไรวะเนี่ย!!!’
“เกิดอะไรขึ้นคะ ?”
ยังไม่ทันจะได้คำตอบ ตะวันที่ไม่รู้เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็เปิดประตูห้องนอนเข้ามาเสียก่อน ฟ้างามจึงรีบกดวางสาย แล้วซ่อนมือถือไว้ข้างหลังทันที แต่จากสายตาเยาะหยันนั้น บ่งบอกว่าเขารู้ว่าเธอกำลังคุยกับผู้ชายคนอื่นอยู่
“โทรให้มันมารับใช่ไหม”
“งามคงไปกับเขาได้หรอก” เธอประชดประชัน
เขาแลบลิ้นเลียแนวโค้งของริมฝีปากล่างพลางมองคนที่สวมชุดกาวน์ของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ฟ้างามกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดหวั่น ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปจากห้องโดยผลักตะวันออกไปให้พ้นทาง
“ประตูห้องไม่ได้ล็อกแล้วนะ เปิดได้ตามสบายเลย”
“เอาเสื้อผ้างามคืนมาก่อนสิ”
หญิงสาวหันไปมองตะวันที่ยืนพิงไหล่กับประตูห้องนอนด้วยสายตาขุ่นเคือง เขายกไหล่ไม่แยแส แล้วแสยะยิ้มสาแก่ใจ เธอเลยเดินกระฟัดกระเฟียดไปนั่งที่โซฟา กอดหมอนอิงอย่างต้องการประท้วง ก่อนที่เขาจะเดินตามก็เดินตามออกมาแล้วพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า
“ก็ที่ใส่นั่นไม่ใช่เสื้อ?”
ฟ้างามไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาต่อว่าเขาแล้ว สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือเบือนหน้าไปทางอื่น แต่แล้วตะวันก็เดินเข้ามาแล้วทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ก่อนดึงหมอนอิงขว้างทิ้ง แล้วแขนหนักก็กระชากร่างบอบบางเข้าไปกอด สาวเจ้าพยายามดันเขาออกไปหากก็ไม่เป็นผล ไม่รู้เขาเป็นคนหรือปลาหมึกกันแน่
“มีอะไรจะให้ดู”
เขากระซิบชิดพวงแก้มขาว หญิงสาวก้มหน้าหลบ แม้ใจอยากรู้ แต่ตะวันก็ไว้ใจไม่ได้
“นี่เธอไม่อยากเห็นว่าตอนนี้คุณปราปต์ของเธอกำลังเจออะไรอยู่”
ชื่อของคนที่เขาเอ่ยถึง บวกกับเสียงสบถของปราปต์เมื่อครู่ทำให้เธอตาลุก
“คุณทำอะไรเขา!”
เงยหน้าขึ้นสบตาตะวันแทบในทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงขายาว เปิดแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อกับกล้องวงจรปิดทุกมุมของโรงพยาบาล เลือกดูภาพในมุมที่เห็นรถของปราปต์ชัดเจน พอเห็นว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว ทั้งหน้าของฟ้างามก็ถึงกับร้อนฉ่า
ตะวันบ้าไปแล้วจริง ๆ ที่เอาเสื้อผ้าของเธอที่ถูกฉีกขาดไปโยนใส่รถของปราปต์ !
ทั้งบนหลังคา กระจกหน้า กระบะ ในขณะที่ปราปต์ยืนกุมขมับอยู่ไม่ห่าง ส่วนพนักงานรักษาความปลอดภัยก็วิ่งวุ่น เธอดูออกว่าปราปต์กำลังโวยวาย
“คุณทำแบบนี้ได้ยังไงคุณตะวัน คุณทำได้ยังไง!?”
เขากลั่นแกล้งแบบรุนแรงจนเธอรับไม่ได้อีกต่อไป ฆ่ากันให้ตายเสียยังดีกว่าจะมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีกันแบบนี้
“ก็แค่อยากรู้ ว่าไอ้หนวดมันจะตามกลิ่นที่มันคุ้นเคย จนมาช่วยเธอออกไปจากที่นี่ได้ไหม แต่จากที่เห็นมันยืนโง่อยู่ตรงนั้นก็พอจะสรุปได้”
“เลว!”
เหตุผลทุเรศมักออกมาจากคนที่สมองเต็มไปด้วยความคิดเลว ๆ เพียงแต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าตะวันจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ ฟ้างามทั้งทุบตีและจิกทึ้งร่างกำยำอย่างไม่ออมแรง ไม่มีครั้งไหนที่จะรู้สึกขยะแขยงเขาเท่าครั้งนี้มาก่อน
“หยุดทุบได้แล้ว !!!”
ข้อมือขาวถูกตะวันรวบไว้แล้วตะคอกเสียงดัง ฟ้างามได้แต่มองหน้าเขาแล้วปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมา ไม่รู้จะพูดอะไรเพราะไม่เคยเตรียมตัวเตรียมใจว่าจะเจอเหตุการณ์ร้ายแรงอย่างที่เป็น เช่นเดียวกับที่ไม่คิดด้วยว่าผู้ชายที่ตัวเองรักจะมีความคิดต่ำช้า
แล้วปราปต์จะรู้หรือเปล่าว่านั่นคือเสื้อผ้าของใคร...
ฟ้างามโมโหจนถึงขีดสุด รวบรวมแรงทั้งหมดที่มี สะบัดแขนออกจากเขา แล้วฟาดมือเข้าเต็มใบหน้าซีดซ้ายของตะวันเต็มแรง
เผียะ !!!
แรงตบทำให้ใบหน้าหล่อเหลาถึงกับสะบัด เสียงแตกเปรี๊ยะดังอยู่ในโสตประสาท แต่โทสะของฟ้างามไม่ได้ลดน้อยลงเลย หญิงสาวตบซ้ำเข้าไปที่เดิมด้วยความเหลืออด
ตะวันยกมือแตะแก้มที่ชาเบา ๆ พลางหันมามองคนตัวเล็กที่เวลานี้แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ ทว่าเมื่อเธอเงื้อมือจะตบเขาเป็นครั้งที่สาม ข้อมือเรียวเล็กกลับถูกรั้งเอาไว้กลางอากาศ แต่อีกมือของเธอก็ตบเขาอีกครั้งดังฉาด!
เขาคิดว่าทำกับเธอถึงขนาดนี้แล้วเธอจะต้องขอบคุณเขางั้นหรือ เธออยากจะฆ่าเขาให้ตายไปเลยด้วยซ้ำ ด้านตะวันจึงฉวยข้อมือเธอเอาไว้ทั้งสองข้าง กระชากร่างบางอย่างไม่ออมแรงแล้วตะคอกเสียงดัง
“งาม!!!”
“คุณมันบ้า !” เธอกรีดร้องเสียงหลง ก่อนจะปล่อยเสียงสะอื้นไห้ออกมาเหมือนคนจะขาดใจ วันนี้เธอเหลือทนกับคนอย่างตะวันเหลือเกิน
“ฉันแค่อยากให้บทเรียนผู้หญิงแพศยาอย่างเธอไง”
คำก็แพศยา สองคำก็แพศยา เมื่อไหร่ตะวันจะเลิกด่าว่าเธอแบบนี้เสียที... ทั้งที่เธอก็บอกเขาไปแล้วว่าไม่ได้มีอะไรกัน เขาเลือกที่จะไม่เชื่อเอง มันก็เป็นปัญหาที่ตัวเขาไม่ใช่เธอ แต่ดูสิ่งที่เขาทำกับเธอวันนี้สิ
“คุณมันไม่ควรมาเป็นหมอเลย”
“...”
“ควรไปเป็นโจรมากกว่า”
ตะวันยกยิ้มมุมปากน่ากลัวก่อนจะดันร่างนั้นลงกับโซฟานุ่ม ขณะที่ลมหายใจอุ่นจัดเป่ารดใบหน้างามมนเปื้อนน้ำตา แววตาเหยียดหยามชิงชังทำให้รีบเบือนหน้าหนี
เจ็บที่ไม่ถูกรักก็เกินทน... ไม่อาจทนให้เขาตอกย้ำด้วยสายตาอย่างคนที่เกลียดชังกันเข้ากระดูกดำ
“โจร?”
มือใหญ่คว้าหมับเข้าที่ปลายคางสวย บังคับไม่ให้เธอหันหน้าหนีไปทางอื่น ฟ้างามเจ็บน้ำตาไหลพรากเพราะปลายนิ้วแกร่งที่บีบแรงคล้ายกับว่าจะทะลุเข้ามาในกระพุ้งแก้มอย่างไรอย่างนั้น ก่อนที่เขาจะเค้นเสียงลอดไรฟันพูดออกไป
“เธออยากรู้ไหมว่าโจรมันถ่อยแค่ไหน”
สายตาวาวโรจน์จดจ้องใบหน้าชื้นเหงื่อของคนใต้ร่าง ท่าทางที่เธอทำเป็นทนฟังไม่ได้พาให้รู้สึกหมั่นไส้และขยะแขยงความมารยาสาไถยจนอยากขยี้ให้แหลกคามือ
“ปล่อยงาม”
มีเพียงเสียงอู้อี้ที่เล็ดลอดออกมาได้ กระนั้นชายหนุ่มก็ไม่นำพา เพราะยิ่งฟ้างามเจ็บปวดทรมานมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งสาสมกับการกระทำอย่างคนไร้สมองของเธอมากเท่านั้น
มือข้างที่บีบกระพุ้งแก้มเนียนนุ่มเลื่อนลงมากอบกุมต้นคอขาวโพลน แรงกดเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอหายใจไม่สะดวก
วินาทีนี้... คำว่าโรคจิตคงไม่สามารถอธิบายพฤติกรรมของตะวันได้
“โจรถ่อย ๆ มันเหมาะกับผู้หญิงที่น่าขยะแขยงยิ่งกว่าสัตว์ชั้นต่ำอย่างเธอที่สุด ฟ้างาม”
หัวใจของฟ้างามแทบจะขาดรอน ๆ เมื่อได้ฟังคำนี้
สัตว์ชั้นต่ำ... คือสิ่งที่ตะวันใช้เปรียบเทียบผู้หญิงที่รักและยอมมอบให้เขาหมดทั้งตัวและหัวใจ เขาไม่เคยเห็นว่าเธอเป็นคนเสมอกันเลยแม้แต่ครั้งเดียวเลยใช่ไหม
“ถ้างามมันต่ำขนาดนั้น คุณก็ปล่อยงามไป... อย่ามาทำกับงามแบบนี้”
คนใต้ร่างวอนขอทั้งน้ำตา เสียงสะอื้นไห้ขาดห้วงเหมือนคนกำลังจะขาดใจ แต่ทำไมหนอ... ตะวันไม่เคยเมตตาเลยแม้แต่คราเดียว
“เธอจำวันแรกที่เธอแก้ผ้าให้ฉันเอาได้ไหม”
ทำไมฟ้างามจะจำไม่ได้ล่ะ... เหตุการณ์ในคืนนั้นมันยังอยู่ในความทรงจำทุกฉากทุกตอน
“ฉันบอกเธอแล้วนะว่าฉันจะทำให้เธอคิดผิด แล้วคนอย่างฉันก็ไม่เคยผิดคำพูด”
เขาจะทำให้ความสุขที่เธอปรารถนากลายเป็นความทรมานอย่างแสนสาหัส ผู้หญิงอย่างฟ้างามจะได้จำไปจนวันตายว่าการเสนอหน้าเอาตัวเองไปอยู่ในชีวิตของใครที่ไม่ได้ต้องการเธอแม้แต่น้อยมันได้ผลตอบแทนเป็นอย่างไร เธอจะได้รู้ซึ้งถึงรสชาติความเจ็บปวดหลังจากที่เข้าไปสร้างความวุ่นวายในชีวิตของใครต่อใครว่ามันแสบทรวงแค่ไหน
“ฉันจะเหยียบเธอให้ตายอยู่ใต้ฝ่าเท้าฉันนี่แหละ”
ฟ้างามหลับตาพริ้ม ความเจ็บปวดซึมซับลงไปในหัวใจ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลรินไม่ขาดสาย เธอผิดอะไร...เธอแค่รักเขา... มันเป็นเรื่องที่ผิดมากนักหรือ
เธอกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ อดสมเพชตัวเองไม่ได้ที่รักแทบเป็นแทบตาย สุดท้ายมันไร้ค่า แต่ในเวลาที่อยากหนีจากความทรมานนี้ เขากลับไม่ยอมปล่อย
“ถ้างั้นก็อยู่แบบนี้แหละค่ะ”
“...”
“ดูซิว่าคุณกับงาม ใครมันจะทรมานจนกระอักเลือดตายไปก่อนกัน”
สายตาแน่วแน่จ้องหน้าเขาไม่ยี่หระ หากเพียงเสี้ยวนาทีกลับต้องผงะ ตะวันขยุ้มกลุ่มผมของเธอ รั้งเต็มแรงจนศีรษะแหงนหงาย
“ก็ลองดู”
เสียงเย็นเยียบถูกเค้นลอดไรฟัน สายตาของเขาแสดงการเยาะหยันเต็มขั้น ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าใกล้ซอกคอขาวเนียน เหยียดมุมปากหยัน ๆ แล้วอ้าปากงับลงตรงผิวขาวนวลเนียนอย่างจงใจ
“โอ๊ย!”
เธอตกใจกลัว พอจับต้นชนปลายได้ก็ดิ้นขลุกขลัก หากดิ้นรนมากเท่าไหร่ ร่างกายหนาใหญ่ก็กดทับลงมามากเท่านั้น
ร่างเปลือยดิ้นทุรนทุรายใต้ร่างหนา ตะวันจงใจกัดซอกคอขาวราวกับเธอคืออาหารชนิดหนึ่ง รอยแดงช้ำเป็นวงเขี้ยวช่างสาแก่ใจเขานัก
“ปล่อยงามนะหมอ!”
ยิ่งขอร้องอ้อนวอนมากเท่าไหร่ ยิ่งดูเหมือนราดน้ำมันลงบนกองไฟมากเท่านั้น ตะวันกระชากเสื้อกาวน์เต็มแรง กระดุมหลุดออกจากรังดุม มือใหญ่บีบเฟ้นทรวงอกนวลนิ่ม ใช้ฟันคมครูดไถซอกคอลงไปจนถึงเต้างาม เมื่อเธอพยายามผลักดันออกไป เขาก็ตอบแทนด้วยแรงกระชากที่เรือนผม เธอชันเข่าสอดไประหว่างสองกาย รวบรวมกำลังที่มีถีบเขาออกไปจนสุดขา
ร่างหนาผงะหงายหลัง เสียหลักล้มลง เธอจึงฉวยโอกาสนั้นวิ่งหาที่หลบ แต่ห้องเล็กแค่นั้นไม่มีทางหนีเขาพ้น ตะวันลุกขึ้นยืนตั้งหลัก ดูเชิงว่าเจ้าหล่อนจะหลบไปทางไหน เขาพร้อมตะครุบฟ้างามตลอดเวลา
“อย่าทำแบบนี้กับงามอีกเลยนะคะ”
เมื่อไม่มีทางรอดจึงได้แต่อ้อนวอนเสียงสั่นเครือ หากสิ่งที่เขามีให้ก็เพียงแค่แววตาสาแก่ใจ
