บทที่ 1 เริ่มเรื่อง
เสียงพูดคุยที่ดังมาจากในห้องรับแขกทำให้หญิงสาวที่ยืนแอบฟังถ้อยคำเหล่านั้นแทบจะล้มทั้งยืน ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าผู้หญิงคนที่พ่อของเธอรักจะทำร้ายเธอทางอ้อมได้มากถึงขนาดนี้
หัวใจของคนฟังเต้นโครมคราม คล้ายจะหลุดออกมาจากอก ความกลัวแล่นขึ้นมาจนเย็นไปทั้งร่าง มือเรียวที่จับผนังไว้สั่นอย่างห้ามไม่อยู่
“สรุปว่าคุณจะให้ผมเอาตัวลูกสาวคุณไปวันนี้เลยใช่ไหมครับ?”
เสียงทุ้มเอ่ยถามเบาๆ แต่ท่าทางเย็นชา ชายหนุ่มมองคู่สนทนาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหมางเมิน จนแทบจะเรียกได้ว่า ‘รังเกียจ’ ก็คงไม่ผิดนัก
“รับไปได้วันนี้เลยค่ะ แต่เรื่องเงินส่วนต่างที่คุยกันไว้ คงต้องรบกวนให้คุณฉัตรจัดการ..”
“ผมเอาเงินสดมาแล้ว คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก”
ชายหนุ่มแทรกขึ้นมากลางปล้อง เมื่อทนฟังเสียงของคู่สนทนาไม่ไหว จิตใจของผู้หญิงคนนี้มีแต่ความเห็นแก่ได้และเห็นแก่ตัวจนไม่คิดสนผิดชอบชั่วดีอีกแล้ว
“ดีค่ะ ฉันเองก็อยากได้เงินสดเหมือนกัน”
คนที่ยืนฟังอยู่หลังประตูเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางศีรษะ เธอรีบวิ่งออกมาทั้งน้ำตา หวังเพียงว่าแม่เลี้ยงจะสงสารบ้าง
“ดาวไม่ไปนะคะน้าบังอร!!”
เสียงเล็กๆที่แฝงไปด้วยอาการสะอึกสะอื้นของใครบางคนที่ดังขึ้น ทำให้บุคคลหลายชีวิตที่นั่งอยู่ในห้องนั้นหันไปมองเป็นตาเดียวกัน
เธอค่อนข้างท้วม เกินกว่ามาตรฐานผู้หญิงทั่วไป ผิวขาวจัด ผมสีน้ำตาลยาวสลวย เธอหยุดยืนที่หน้าประตู มองมากลางห้องด้วยสายตาเจ็บปวดและผิดหวัง
ณฉัตรหันไปพินิจพิเคราะห์หญิงสาวผ่านแว่นกันแดดสีชา จากที่ได้เห็นในรูปก็คิดเอาว่าเธอน่ารักแล้ว แต่พอได้มาเห็นตัวจริงของนับดาวแบบนี้ ก็ยิ่งทำเอาเขาเกือบหยุดหายใจ
ผู้หญิงอะไร...น่ารักจนแทบไม่อยากจะละสายตา
“น้าอร อย่าให้คุณคนนี้เอาดาวไปเลยนะ” คนพูดถลาเข้ามากอดขาแม่เลี้ยงเอาไว้จนแน่น น้ำตานองหน้า
“นี่แกอย่ามาทำให้เสียเรื่องนะนังเด็กเวร!”
นางบังอรรีบสะบัดขาออก ไม่ได้กลัวว่าจะใจอ่อนที่นับดาวมาร้องห่มร้องไห้ปานจะขาดใจตาย แต่กลัวว่าจะเผลอด่าออกไปต่อหน้าใครอีกคนเท่านั้นเอง
“ฮือๆ ทำไมน้าอรทำแบบนี้ ทำไมทำกับดาวแบบนี้”
คนพูดยกมือขึ้นมาปาดน้ำตา เงยหน้าสบตาแม่เลี้ยงด้วยสายตาที่ผิดหวังอย่างรุนแรง
เธอรู้ว่าบังอรเห็นแก่ตัว แต่ไม่เคยคาดคิดว่าความเห็นแก่ตัวนั้นจะพาลมาทำให้เธอต้องเดือดร้อนไปด้วยแบบนี้
“จะตกลงกันก่อนไหมครับ” ณฉัตรเอ่ยแทรกขึ้น เพราะเริ่มรู้สึกหงุดหงิดกับน้ำตาของผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ที่พื้น
“ไม่ค่ะ” นางบังอรบอกเร็วรี่
“แต่คุณคนนี้เขาไม่ได้เต็มใจอย่างที่คุณว่า”
“อย่าสนใจเลยค่ะ ขอทุกอย่างเป็นไปตามเงื่อนไขที่เราตกลงกันไว้ คุณฉันอย่าไปฟังคำพูดเพ้อเจ้อของนังเด็กนี่เลยค่ะ”
นางบังอรยิ้ม แววตาเต็มไปด้วยความโลภ ความผิดชอบชั่วดีไม่เหลือแม้เศษเสี้ยว ตอนนี้สิ่งเดียวที่คิดถึงคือเงินก้อนใหญ่ที่จะได้จากการขายลูกเลี้ยงตัวเองเพื่อไปทำทุนก้อนใหญ่
“ไม่นะคะน้าอร!”
“หยุดพูดนะ! หัดสำนึกเอาไว้บ้างว่าไอ้ที่ฉันทำลงไปน่ะมันเพราะอะไร ฉันหาเงินมารักษาพ่อแกตั้งเท่าไหร่ ฉันหมดเงินไปไม่น้อยนะ เพราะฉะนั้น...แกควรจะต้องตอบแทนบุญคุณของฉันบ้าง อย่าคิดเนรคุณนัก!”
คนพูดก้มลงมากระซิบบอกลูกเลี้ยงด้วยน้ำเสียงกร้าว มือเรียวล็อกแขนหญิงสาวเอาไว้จนเล็บยาวๆ จิกลงไปที่ต้นแขนของนับดาว เพราะต้องการขู่ให้นับดาวยอมทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
“แต่ดาว...ดาวไม่อยากไป” หญิงสาวก้มหน้าลง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างนั้น
“ไม่อยากไปก็ต้องไป! แกไม่มีสิทธิ์เลือก!”
คำกดดันเหมือนโซ่ตรวนร้อยรัดหัวใจ หากแต่นับดาวก็ยังหวังให้อีกคนเมตตาตนเองบ้าง
“ไปเก็บเสื้อผ้า เตรียมตัวไปกับคุณฉัตรได้แล้ว”
“ไม่... ดาวไม่ไป”
เสียงร้องไห้บาดใจทำให้ณฉัตรจำต้องเบือนหน้าหนี
ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงไม่อยากเห็นน้ำตา ทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาก็มีโอกาสเห็นจากลูกหนี้จนชินเสียแล้ว
“อย่าทำแบบนี้เลยน้าอร ดาวไหว้นะ... ฮึก... ดาวกลัว”
“หยุดร้องไห้ได้แล้วนะอีเด็กเวร กูเริ่มจะทนมึงไม่ไหวแล้วนะ!”
สรรพนามแทนตัวเริ่มเปลี่ยนไปเป็นหยาบคาย ยิ่งนับดาวแสดงอาการต่อต้านมากเท่าไหร่ นั่นก็หมายความว่าเงินก้อนใหญ่ที่คิดว่าจะได้มา มันก็จะหลุดลอยออกห่างไปไกลด้วยเหมือนกัน
“ถ้ามึงไม่ยอมไปกับเขาดีๆ กูก็จะเอามึงไปเร่ขายให้เสี่ยคนอื่น จนกว่ามึงจะหายดื้อด้าน!”
“ไม่นะ...”
คำขู่ที่โหดร้ายยิ่งกว่ามีดกรีดใจ ทำให้นับดาวหายใจไม่ออก โลกทั้งใบเหมือนหมุนกลับด้าน ไม่รู้เลยว่าชีวิตต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร นอกจากคำว่าไม่มีทางเลือก
เธอไม่มีที่พึ่ง ไม่มีแม้กระทั่งคนที่พร้อมจะยืนข้างเธอสักคน
