บทที่ 2

เล็กซี่

กว่าฉันจะทำงานเสร็จ ข้างนอกก็ดูเหมือนเมืองร้างไปแล้ว ฉันเลยไม่ต้องกังวลเรื่องลูกค้า พอเก็บกระเป๋าเป้เข้าที่ กลุ่มคนสี่คนก็เดินเข้ามา เป็นผู้ชายสามคน ผู้หญิงหนึ่งคน พวกเขาเป็นลูกค้าประจำแต่มักจะนั่งในโซนของแพทซี่เสมอ ฉันเลยไม่เคยคุยกับพวกเขาเลย แพทซี่ตะโกนบอกพวกเขา “เชิญเลือกที่นั่งได้ตามสบายเลยนะเอเดน” เธอหันมาพูดกับฉัน “เธอช่วยรับลูกค้ากลุ่มนี้แทนหน่อยสิ เท้าฉันจะระเบิดอยู่แล้ว อยากนั่งพักอีกหน่อย” ฉันมองเธออย่างงงๆ “พวกเขาอยู่โซนของเธอนะ ปกติพวกเขาก็นั่งโซนเธอตลอด ฉันไปแย่งลูกค้าเธอไม่ได้หรอก” แพทซี่คว้ามือฉันแล้วเราก็เดินไปที่กลุ่มนั้น

“สวัสดีค่ะ” เธอกล่าว “คืนนี้จะว่าอะไรไหมคะถ้าให้เล็กซี่คนนี้บริการพวกคุณแทน” ผู้หญิงในกลุ่มเหลือบตามองต่ำเหมือนไม่พอใจ แต่ผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้น “ได้สิแพทซี่ พวกเราไม่มีปัญหา” ขณะที่เขามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยแววตาสนใจ แพทซี่เดินจากไป แต่ฉันก็เห็นแววตาซุกซนของเธอ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังโดนจัดฉาก ฉันหันไปสนใจกลุ่มลูกค้า “รับอะไรดีคะ” ฉันถามพลางหยิบสมุดจดกับปากกาออกจากผ้ากันเปื้อน ฉันรู้สึกได้ถึงสายตาทุกคู่ที่จับจ้องมา สามคนมองด้วยความสนใจหรืออย่างน้อยก็ความอยากรู้ แต่ผู้หญิงคนนั้นมองฉันด้วยท่าทางที่ฉันคิดว่าน่าจะเป็นความรังเกียจ ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรของเธอ แต่ฉันเลือกที่จะไม่สนใจแล้วทำหน้าที่ของตัวเอง “กาแฟแก้วเดียว” ผู้หญิงคนนั้นพูดห้วนๆ ฉันรู้สึกแปลกๆ กับกลุ่มนี้ แต่ก็บอกไม่ถูกว่าเป็นอะไร ผู้หญิงคนนั้นทำให้ฉันรู้สึกขนลุก และอยากจะหนีไปจากเธอเร็วๆ แต่หนึ่งในกลุ่มผู้ชายกลับให้ความรู้สึกสงบ แต่เพราะพวกเขานั่งใกล้กันมาก ฉันเลยมองไม่ออกว่าเป็นใคร ฉันเลยเริ่มสับสน

“ได้ค่ะ รับอะไรเพิ่มไหมคะ” ฉันถาม พยายามควบคุมสติและน้ำเสียงให้มั่นคง ร่างกายฉันกำลังส่งสัญญาณแปลกๆ เต็มไปหมด ฉันแยกแยะมันไม่ออกและไม่ชอบเลย “ไม่เอา เอาแค่กาแฟ แล้วก็เร็วๆ ด้วย” ผู้หญิงคนนั้นพูดกระแทกเสียงอีกครั้ง เธอเป็นอะไรของเธอนะ ฉันมั่นใจว่าไม่เคยทำอะไรให้เธอเลย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันคุยกับพวกเขา “คุณครับ ผมขอพายแอปเปิ้ลชิ้นหนึ่งด้วยครับ” ผู้ชายที่นั่งทางขวามือฉันเอ่ยขึ้น โล่งใจที่จะได้ปลีกตัวออกมา ฉันยิ้มให้เขา “ได้ค่ะ เดี๋ยวรีบเอามาให้เลยค่ะ” แล้วรีบเดินไปที่เคาน์เตอร์ พยายามสลัดความรู้สึกประหลาดนี้ทิ้งไป

เอเดน

พอพนักงานเสิร์ฟเดินจากไป ผมก็มองเมลิสซาเพื่อดูว่าเธอเป็นอะไร ปกติเธอไม่เคยเหวี่ยงใส่ใคร “เป็นอะไรของเธอเนี่ย เมลิสซา” ผมกระซิบ ผมรู้ว่าเธอได้ยิน คืออย่างนี้นะครับ ไม่ค่อยมีคนรู้หรอกว่าพวกเราเป็นหมาป่า ผมหมายถึง เราสามารถกลายร่างเป็นหมาป่าได้ เรามีชื่อเรียกอยู่สองสามอย่าง มนุษย์หมาป่ากับพวกแปลงกายเป็นชื่อที่ใช้กันบ่อยสุด แต่ผมชอบคำว่า ‘ชิฟเตอร์’ มากกว่า แต่เดี๋ยวผมจะอธิบายเพิ่มเติมทีหลัง ตอนนี้ผมอยากรู้ว่าเมลิสซาเป็นอะไร เธอมองผมด้วยแววตาสับสน “ฉันไม่รู้ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเหวี่ยงนะ แต่ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรบางอย่างแปลกๆ” เมลิสซาส่ายหัวเหมือนกำลังรวบรวมความคิด “ไม่สิ ไม่ใช่แปลก แต่แตกต่าง ฉันสัมผัสได้ถึงบางอย่างในตัวเธอแต่ไม่รู้ว่าคืออะไร แอมเบอร์ หมาป่าในตัวฉันน่ะรู้สึกว่าต้องปกป้องเธอ แต่ด้านมนุษย์ของฉันกลับบอกให้ผลักไสเธอไป ฉันไม่รู้จะทำยังไงก็เลยเผลอเหวี่ยงไป”

ผมก็รู้สึกถึงบางอย่างเหมือนกัน แต่ก็เหมือนที่เมลิสซาบอก คือผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร ผมมองไปที่เจสซี่กับแจ็คสันเพื่อดูว่าพวกเขารู้สึกอะไรบ้าง “ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน รีมัสบอกให้จับตาดูเธอไว้ใกล้ๆ ฉันเลยเชื่อเขา” เจสซี่พูด พวกเราทุกคนเรียนรู้จากอดีตว่าต้องเชื่อรีมัส หมาป่าของเขา มันเหมือนกับว่าเขามีสัมผัสพิเศษเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ แจ็คสันเสริม “ฉันรู้สึกได้ถึงบางอย่าง แต่ก็เหมือนที่เมลิสซาบอก ไม่รู้ว่าคืออะไร มันเกือบจะเหมือนกับว่าฉันสัมผัสได้ถึงความเป็นหมาป่าบางอย่างในตัวเธอ อย่างน้อยก็คุณลักษณะบางอย่าง ทริปบอกว่าเขารู้สึกเหมือนเธอเป็นคนสำคัญ แต่ไม่รู้ว่าในแง่ไหน แต่เขาก็เห็นด้วยกับรีมัสและแอมเบอร์ว่าเราต้องดูแลเธอให้ปลอดภัย”

ผมเอนหลังพิงพนักแล้วคุยกับหมาป่าในตัวผมที่พยายามจะเรียกความสนใจจากผมตั้งแต่เล็กซี่เดินมาที่โต๊ะ “เรเซอร์ นายคิดว่าไง” ผมถาม “ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรบางอย่าง ฉันสัมผัสได้ถึงความเป็นหมาป่า แต่น้อยมาก ตอนนี้เธอยังเป็นมนุษย์เสียส่วนใหญ่” เขาตอบ “หมายความว่ายังไงที่ว่า ‘ตอนนี้’” “ฉันไม่แน่ใจ แต่ฉันรู้สึกว่าเราต้องดูแลเธอให้อยู่ใกล้ๆ และปลอดภัย เธอสำคัญมาก และฉันรู้สึกว่าเธอคงยังไม่รู้ตัว ฉันสัมผัสได้ถึงการทำงานของเทพีที่นี่ และฉันรู้สึกว่าเธอสำคัญกับนายและฉัน” “โอเค เรเซอร์” ผมเห็นด้วย เรเซอร์มีสัมผัสไวเสมอเมื่อเทพีเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกถึงอะไรแบบนี้มาหลายปีแล้วก็ตาม

ผมมองไปที่คนอื่นๆ “เราต้องคุยกับพวกผู้อาวุโส แต่เราก็ต้องสืบเรื่องของเธอให้มากกว่านี้ด้วย หมาป่าของเราทุกตัวเห็นตรงกันว่าเธอสำคัญ เราต้องฟังพวกมัน เรเซอร์บอกว่าเรื่องนี้มีเทพีเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เขาก็ยังไม่มีคำตอบ เขาบอกว่าเล็กซี่อาจจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร หรือเธอเป็นอะไร ดังนั้นเราจะยังพูดอะไรไม่ได้จนกว่าจะรู้เรื่องมากกว่านี้” เมื่อพวกเราทุกคนเห็นพ้องต้องกัน ผมก็เดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อพยายามจะคุยกับเล็กซี่ หรืออย่างน้อยก็ไปทำความรู้จักเธอให้มากขึ้น

เมื่อผมไปถึงเคาน์เตอร์ เล็กซี่กำลังหันหลังให้ผมอยู่ “ขอโทษนะครับ” เธอหันมาแล้วยิ้ม รอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มันถูกต้องดีงามไปหมด การปรากฏตัวของเธอทำให้รู้สึกสงบ ทั้งๆ ที่ผมก็ไม่ได้เครียดอะไร “ค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยอีกไหมคะ” เล็กซี่ถาม ทำไมผมถึงไม่ทันสังเกตนะว่าเสียงของเธอไพเราะราวกับเสียงดนตรี เหมือนเสียงทูตสวรรค์ขับขานเจือสำเนียงใต้นิดๆ ผมใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อพินิจมองเธอให้เต็มตา ผมสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่มีส่วนไหนเลยที่รอดพ้นสายตาผมไปได้ ให้ตายสิ หุ่นเธอเด็ดจริงๆ หน้าอกหน้าใจของเธอ ผมสาบานได้เลยว่าต้องคัพดับเบิลซี 36 เป็นอย่างน้อย และผมโคตรอยากจะซุกหน้าเข้าไปตรงนั้นเลย สะโพกผายได้รูปเหมาะเจาะกับการโอบรัด และผมเห็นภาพมือตัวเองวางอยู่บนนั้นแล้ว มองเห็นว่าเธอมีหน้าท้องนิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับใหญ่หรือแบนราบจนเกินไป ส่วนบั้นท้ายของเธอน่ะเหรอ ให้ตายสิ มันกลมกลึงสมบูรณ์แบบเกินกว่าอุ้งมือจะโอบไหว อย่างที่ผมชอบเลย เล็กซี่คือผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ด้วยรูปร่างโค้งเว้าสมบูรณ์แบบ

ผมมองกลับไปที่ใบหน้าเธอและถูกดวงตาของเธอสะกดไว้ มันเป็นสีเขียวอะความารีนสว่างสดใส เป็นสีที่แปลกตา ใช่ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งเดียวที่ดึงดูดความสนใจ แต่เป็นความจริงที่ว่าผมเชื่อจริงๆ ว่าดวงตาคู่นั้นมันเปล่งประกาย ผมรู้ตัวว่าจ้องนานเกินไปเมื่อเล็กซี่เริ่มขยับตัวยุกยิกเหมือนอึดอัด “ขอโทษครับ ไม่ เราไม่ต้องการอะไรแล้ว ผมแค่อยากจะขอโทษแทนน้องสาวของผมน่ะครับ เธอไม่ได้ตั้งใจจะหยาบคายหรอกครับ บางทีมันก็ดูเป็นแบบนั้นไปเอง” เล็กซี่พยักหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ จริงๆ นะ คุณไม่ต้องขอโทษหรอก เธอชินกับแพทซี่แล้วล่ะค่ะ” “ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีข้ออ้างสำหรับการเสียมารยาทอยู่ดี” ผมบอกเธอ เธอกำลังรินกาแฟ “ถ้าคุณอยากกลับไปนั่ง ฉันจะเอากาแฟไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะนะคะ” ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกไล่กลายๆ แต่ผมยังไม่อยากไปจากเธอเลย รู้สึกเหมือนไปไม่ได้ด้วยซ้ำ แม้แต่เรเซอร์ยังบอกให้ผมชวนเธอคุยต่อ ให้อยู่ใกล้ๆ เธอ เจ้าหมอนั่นกระโดดโลดเต้นอยู่ในหัวผมเหมือนลูกหมาบ้าพลังชะมัด

“เรเซอร์ แกเป็นบ้าอะไรของแกวะ?” ผมถาม “ข้าต้องการใกล้ชิดกว่านี้ ข้าต้องการสัมผัสนาง” มันคำราม “แกต้องใจเย็นลงหน่อย ไม่งั้นแกจะทำหล่อนกลัว” ผมบอกมัน มันพ่นลมอย่างขัดใจแล้วถอยกลับไปอยู่ส่วนลึกในจิตใจผม “คุณโอเคหรือเปล่าคะ” ผมได้ยินเสียงเล็กซี่ถาม ดึงความสนใจผมกลับมา ผมกระแอม “ครับ ผมสบายดี ทำไมเหรอครับ” เล็กซี่ส่ายหน้า “ไม่มีอะไรค่ะ แค่เมื่อครู่สีตาของคุณเปลี่ยนไปแวบหนึ่งเท่านั้นเอง” ให้ตายสิ ผมไม่ได้ตั้งใจให้เธอเห็นนี่นา “ผมขอโทษถ้าทำให้คุณกลัวนะครับ พอดีผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ น่ะครับ” เล็กซี่หัวเราะ “คุณดูเหมือนกำลังคิดอะไรลึกซึ้งน่าดูเลยนะคะ แต่ฉันไม่ได้กลัวหรอกค่ะ ตาของฉันก็เป็นแบบนั้นบ่อยๆ” น่าสนใจนะ คนเดียวที่ผมรู้จักที่ตาเปลี่ยนสีได้คือพวกคนหมาป่า

“เป็นอย่างนั้นเหรอครับ” ผมถาม อยากรู้มากขึ้น เล็กซี่หยิบพายของเจสซี่มาวางบนเคาน์เตอร์ เตรียมจะเอาทุกอย่างไปที่โต๊ะของเรา “ค่ะ ตอนเป็นครั้งแรกฉันก็ตกใจแทบแย่ แต่หลายปีผ่านไปก็ชินแล้วค่ะ คุณย่าของฉันเรียกมันว่า 'ตาสื่ออารมณ์'” เล็กซี่ส่ายหน้า “แล้วคุณก็คงไม่อยากรู้เรื่องทั้งหมดนี่ด้วย ขอโทษนะคะ” จริงๆ แล้วผมอยากรู้จะตายไป แต่ผมไม่ได้บอกเธอ “ฉันกำลังจะกลับไปที่โต๊ะของคุณแล้ว ถ้าคุณอยากกลับไปหาเพื่อนๆ ก็เชิญเลยค่ะ” ผมพยักหน้าแล้วหันหลัง แต่แล้วก็หันกลับไปหาเธออีกครั้ง ยื่นมือออกไป “ผมเอเดนครับ” “เล็กซี่ค่ะ อย่างที่คุณรู้ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” พอเธอยื่นมือมาจับมือผมเพื่อทักทาย ผมรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า ความรู้สึกนั้นแล่นปราดขึ้นมาตามแขนและทะลุผ่านร่างผมไปทั้งตัว เรเซอร์ตะโกนลั่น “คู่แท้! คู่แท้!” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันไม่ยอมหยุด ตอนนั้นเองที่กลิ่นนั้นปะทะเข้าจมูกผม กลิ่นส้มกับทะเล มันมาจากเล็กซี่ ทำไมผมถึงไม่ทันสังเกตเห็นมันมาก่อนนะ “เอาคู่แท้มา! ข้าต้องการคู่แท้!” เรเซอร์แทบจะตะโกนใส่หน้าผมอยู่แล้ว

ไม่ ไม่จริง นี่มันเกิดขึ้นไม่ได้ ผมรอมาตั้งสองปีเพื่อจะพบคู่แท้ของผมเพื่อเรื่องแบบนี้เนี่ยนะ คนหมาป่าส่วนใหญ่จะพบคู่แท้ตอนอายุสิบแปด แต่ไม่ใช่ผม ตอนนี้ผมเจอเธอแล้ว แต่ผมไม่ได้ต้องการคู่แท้ที่เป็นมนุษย์ ผมต้องการคนหมาป่า ใครสักคนที่แข็งแกร่งและช่วยผมนำฝูงได้ มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ อีกปีเดียวผมก็จะได้เป็นอัลฟ่าแล้ว ผมจะมีลูน่าที่เป็นมนุษย์ไม่ได้ ฝูงของผมไม่มีวันยอมรับเธอแน่ “อย่าบังอาจปฏิเสธคู่แท้ของข้า! ข้าจะทำให้แกเสียใจ! ข้าเตือนแล้วนะ!” เรเซอร์คำราม “ใจเย็นน่า แกรู้ว่าเราอยู่กับเธอไม่ได้ แต่ฉันก็ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธเธอ ฉันจะช่วยให้แกไม่ต้องเจ็บปวด แต่ฉันก็จะไม่ยอมรับเธอเหมือนกัน เธอเป็นมนุษย์ เธอไม่รู้หรอก เดี๋ยวเราค่อยหาคนหมาป่าสาวที่แข็งแกร่งให้เรา” “ข้าจะไม่ยอมรับใครอื่นนอกจากคู่แท้ของเรา! อย่ามาล้อเล่นกับข้าเรื่องนี้! นางสำคัญ! นางพิเศษ! ข้าต้องการนางและนางคนเดียวเท่านั้น! ถ้าแกทำร้ายนาง ข้าจะทำร้ายแก!” เรเซอร์พูดก่อนจะปิดกั้นผม ผมไม่รู้เลยว่ามันทำแบบนั้นได้ด้วย ผมเรียกมันแต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ ราวกับมีกำแพงกั้น เดี๋ยวค่อยจัดการกับมันทีหลัง ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ มันคงต้องเชื่อใจผมในเรื่องนี้ ผมปล่อยมือเล็กซี่แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ ทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น

บทก่อนหน้า
บทถัดไป