บทที่ 3
หลังจากฉันจับมือเอเดน เขาก็แทบจะวิ่งกลับไปหาเพื่อนๆ ของเขาเลย ฉันเอาออเดอร์ไปเสิร์ฟแล้วก็วางบิลไว้ จู่ๆ พวกเขาก็ทำตัวแปลกๆ กันหมด พวกเขากระดกกาแฟกันอึ้กๆ แล้วก็รีบเผ่นออกไปเหมือนก้นร้อนไฟลน เอเดนไม่แม้แต่จะมองหน้าฉันเลย ไม่ใช่ว่าฉันคาดหวังให้เขามองหรอกนะหลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นตอนฉันแตะมือเขา มันเป็นความรู้สึกที่ไม่เหมือนอะไรที่ฉันเคยรู้สึกมาก่อนเลย ทันทีที่ฉันสัมผัสมือเขา ฉันรู้สึกถึงคลื่นความอบอุ่นน่าพึงพอใจแล่นผ่านร่าง และทันใดนั้น ทุกสิ่งรอบตัวฉันก็อบอวลไปด้วยกลิ่นเหมือนต้นสนและควันจากกองไฟ จากนั้นก็มีความรู้สึกต่างๆ ที่ฉันสัมผัสได้ ความใคร่ ความสบายใจ ความสับสน ความโกรธ ความสงสัย การปฏิเสธ และความดึงดูดใจ แต่ฉันไม่แน่ใจว่ามันเป็นอารมณ์ของใคร ฉันไม่รู้ว่ายังไง แต่ฉันคิดว่าฉันรู้สึกถึงอารมณ์ของเอเดนปนอยู่กับของฉัน แล้วปานที่ไหล่ซ้ายของฉันก็เริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาหน่อยๆ ซึ่งยิ่งทำให้สถานการณ์ที่ประหลาดพิกลอยู่แล้วยิ่งประหลาดหนักเข้าไปอีก
ฉันจัดการงานปิดร้านจนเสร็จ เก็บข้าวของ แล้วก็ล็อกร้าน ฉันยืนอยู่ที่ประตู มองไปรอบๆ ถ้าอากาศไม่หนาวขนาดนี้ มันคงเป็นภาพที่สวยงามมาก ทุกสิ่งทุกอย่างปกคลุมไปด้วยหิมะที่ส่องประกายระยิบระยับ ส่วนใหญ่ยังไม่มีใครแตะต้อง ยกเว้นบนถนนกับทางเท้า ถึงมันจะน่ามองเพียงใด ฉันก็จะไม่ยืนตัวแข็งตายอยู่ตรงนั้นหรอก ฉันรีบข้ามถนนไปยังลานจอดรถแล้วขึ้นรถกระบะของฉัน ฉันโยนกระเป๋าไปที่เบาะแล้วกระโดดขึ้นรถ ฉันอยากกลับบ้านเต็มแก่แล้ว แต่มีปัญหาอยู่อย่างเดียว
พอฉันพยายามสตาร์ทรถ ฉันก็รู้ว่ามันเดี้ยงไปแล้ว ไฟหน้าปัดไม่ติดเลย เครื่องยนต์ไม่มีทีท่าว่าจะหมุนด้วยซ้ำ เยี่ยมไปเลย แบตหมดพอดีเป๊ะ นี่แหละที่ฉันต้องการเลย ฉันเปิดฝากระโปรงหน้ารถแล้วลงไป หลังจากยกฝากระโปรงขึ้น ฉันก็ขยับๆ สายแบตเตอรี่ดูเพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่ได้หลวม ฉันกระโดดกลับขึ้นรถแล้วลองสตาร์ทอีกครั้ง ไม่ติด ฉันทุบพวงมาลัยระบายความหงุดหงิด หลังจากระบายอารมณ์ออกมาหมด รวมถึงกรีดร้องไปด้วย ฉันก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วคิดว่าจะโทรหาใครได้บ้าง แล้วนั่นก็นำไปสู่ปัญหาอีกอย่าง ฉันไม่รู้จักใครเลยนอกจากแพทซี่
ฉันเอนศีรษะพิงเบาะแล้วคิดว่าจะทำอย่างไรดี เรื่องเดินกลับน่ะเลิกคิดไปได้เลย ฉันคงหนาวตายก่อนจะถึงบ้านแน่ๆ ฉันมองโทรศัพท์อีกครั้งแล้วเริ่มค้นหารถลาก ฉันกำลังเลื่อนหน้าจอดูอยู่เพลินๆ ก็มีบางอย่างสะดุดตา ฉันมองออกไปนอกกระจกหน้ารถ เห็นหมาป่าสีเทาน้ำตาลตัวหนึ่งยืนอยู่ตรงสุดลานจอดรถพอดี ตรงริมอาคารหลังหนึ่ง ฉันรู้ว่าแถวนี้มีหมาป่าอาศัยอยู่บ้างประปราย แต่การมาเจอตัวหนึ่งในเมืองนี่มันผิดปกติ
ฉันจ้องมัน คิดว่าเดี๋ยวมันก็คงวิ่งหนีไป แต่มันไม่หนี มันยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมราวกับกำลังจับจ้องมองฉันอยู่ ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างดึงดูดให้เข้าหาหมาป่าตัวนั้น ราวกับว่าฉันต้องลงจากรถแล้วเดินเข้าไปหามันให้ได้ แต่ทำไมล่ะ? มันเป็นสัตว์ป่านะ ฉันไม่ควรจะอยากเข้าใกล้มันเลยสักนิด ฉันควรจะกลัวสิ ไม่ใช่เอาแต่คิดว่าจะลงจากรถไปหามันแบบนี้
ในเมื่อฉันกำลังจ้องตากับหมาป่าตัวนั้นอยู่ ฉันก็เลยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง พอมีเสียงเคาะหน้าต่างรถ ฉันก็ตกใจสุดขีดแล้วกรีดร้องออกมา ฉันหันไปดูว่าเป็นใคร และก็ต้องประหลาดใจที่เห็นว่าเป็นเอเดน ฉันแง้มประตูรถออกเพราะกระจกหน้าต่างมันเลื่อนลงไม่ได้ บางทีการมีกระจกไฟฟ้ากับเซ็นทรัลล็อกมันก็แย่เหมือนกันนะ ก่อนที่ฉันจะได้ถามว่าเขามาทำอะไรที่นี่ เขาก็ถามขึ้นก่อนว่า “รถมีปัญหารึเปล่าครับ” ฉันพยักหน้า “ค่ะ แบตหมด กำลังจะโทรเรียกรถลากอยู่พอดี” ฉันโบกโทรศัพท์ให้เขาดู “ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมพ่วงแบตให้” เขาพูด ฉันรู้สึกว่าคำพูดนั้นมันมีนัยยะแฝงอยู่ ดูจากรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขาสิ ฉันส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่อยากรบกวนคุณ” ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้เขาทำท่าทางเหมือนอยากจะรีบหนีไปจากฉันเต็มแก่ ฉันจะไม่ขอความช่วยเหลือจากเขาเด็ดขาด
“ไม่รบกวนเลยครับ เดี๋ยวผมเอารถกระบะมาจอดแล้วต่อสายให้” เขาพูดแล้วก็เดินไปที่รถกระบะของเขาซึ่งฉันเพิ่งสังเกตเห็นว่าจอดอยู่ตรงมุมลานจอดรถ ไม่ไกลจากรถฉัน เขาขับรถมาจอดเทียบด้านหน้ารถฉันแล้วก็ลงจากรถ เอเดนเปิดฝากระโปรงรถของเขาแล้วค้ำไว้ จากนั้นก็เดินไปท้ายรถหยิบสายพ่วงแบตออกมา ฉันเปิดฝากระโปรงรถตัวเองเพื่อให้เขาต่อสายพ่วง พอเขาเปิดฝากระโปรงรถฉันขึ้น ฉันก็มองไม่เห็นเขาอีก ฉันรู้สึกอยากจะมองไปดูว่าหมาป่าตัวนั้นยังอยู่ไหม ฉันแอบผิดหวังเล็กน้อยที่มันหายไปแล้ว
เอเดนเคาะกระจกรถฉันอีกครั้ง ฉันเปิดประตูออกไป เขาก็ยื่นเสื้อโค้ตตัวหนามาให้ “เอาไปสิครับ คุณคงหนาวน่าดู” ฉันผลักมันคืนให้เขา “ไม่ล่ะค่ะ ฉันรบกวนคุณมากพอแล้ว” “เถอะน่า ผมไม่รู้ว่าคุณนั่งอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว แต่ก็นานพอที่จะทำให้คุณฟันกระทบกันกึกๆ ได้เลยนะ อีกอย่าง ผมจะรู้สึกดีขึ้นถ้าได้รู้ว่าคุณอุ่น” ฉันลังเลแต่ก็รับเสื้อแจ็กเกตมาแล้วพันรอบตัว ฉันได้กลิ่นสนจางๆ กับกลิ่นควันไฟโชยมา ฉันดึงมันเข้ามาใกล้ อยากจะซึมซับกลิ่นนั้นให้เต็มปอด มันทำให้ฉันอบอุ่น ทำให้ฉันสงบลง และทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยในเวลาเดียวกัน
แปลกจัง ฉันมองเอเดนที่กำลังเกาะประตูรถกับหลังคารถฉันอยู่ “ขอบคุณนะคะ” เขายิ้มบางๆ แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ในท้อง แล้วปานของฉันก็เริ่มอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง
ฉันรู้สึกใจเต้นตึกตัก เอเดนหล่อบรรลัยเลยล่ะ สูงประมาณหกฟุตสามนิ้วได้มั้ง ผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตเข้มยาวประบ่า ดวงตาสีเฮเซลสว่างคมกริบ กรามคมสันแข็งแรง มีไรหนวดบางๆ ตอนที่เขาอยู่ในร้านอาหาร ฉันเห็นเลยว่าเขาล่ำมากตอนที่เขาถอดเสื้อแจ็กเกตออก เสื้อเชิ้ตของเขารัดแน่นกับหน้าอก รัดจนฉันมองเห็นกล้ามอกเป็นมัดๆ กับหน้าท้องซิกซ์แพ็กได้ชัดเจน ไหล่กว้าง กางเกงยีนส์ของเขารัดรูปเสียจนเหมือนถูกวาดไปบนต้นขาหนาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและบั้นท้ายสุดกระชับ โอ้ ใช่ ตอนที่เขาเดินกลับไปที่โต๊ะ ฉันได้มองเต็มๆ ตาเลยล่ะ แล้วก็ต้องกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อไม่ให้เผลอครางออกมา พูดตามตรงนะ เอเดนเป็นผู้ชายที่ฮอตที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย และเป็นผู้ชายคนเดียวที่ทำให้ฉันมีปฏิกิริยาทางร่างกายด้วย อีกเรื่องที่ต้องเพิ่มเข้าไปในลิสต์เรื่องแปลกๆ
แต่ทำไมปานของฉันถึงเริ่มออกอาการแปลกๆ ขึ้นมาล่ะ มันคงไม่เกี่ยวกับความรู้สึกอื่นๆ ที่ฉันเป็นอยู่หรอก จังหวะมันคงบังเอิญพอดี ฉันคงไปทำอะไรผิดท่าเข้าแน่ๆ ฉันมั่นใจเลย ใช่แล้ว มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ ไม่เกี่ยวกันหรอก ตลอดเวลาที่ฉันกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ในหัว เอเดนก็ยืนอยู่ที่ประตูรถมองฉันอยู่ ฉันหันไปมองเขาให้ชัดขึ้นแล้วก็สังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆ ของเขา “ทุกอย่างโอเคไหมคะ” ฉันถาม “ผมเข้าใจแล้วที่คุณพูดเรื่องดวงตาของคุณ ตอนที่คุณกำลังคิดอะไรเพลินๆ สีตามันเปลี่ยนไป มันดูเข้มขึ้นนิดหน่อย” เขาพูด ฉันแค่พยักหน้า ฉันรู้ว่ามันแปลกที่สีตาของฉันเปลี่ยนไป แต่ฉันก็ทำอะไรกับมันไม่ได้ โชคร้ายที่มันทำให้คนอื่นตกใจกลัว
































































































































































