บทที่ 10

คืนวันเสาร์ดึกๆ ผมไปที่คลับของผมใจกลางลาสเวกัส คลับเอ็กซ์ ผู้จัดการบอกว่ามีดีเจหน้าใหม่ไฟแรงมาเปิดเพลงที่คลับ ผมเลยอยากจะไปดูว่าบรรยากาศเป็นยังไง ผมยังเคืองมายาอยู่เลยที่ไม่รับโทรศัพท์ ป่านนี้ผมคงได้คุยกับเธอไปหลายครั้งแล้ว แต่ตอนนี้ผมไม่มีทางติดต่อเธอได้เลย ดังนั้น สิ่งที่ดีรองลงมาก็คืองานนี่แหละ

พอไปถึงคลับ คนแน่นขนัดจนแทบไม่มีที่จะยืน ซึ่งมันก็ดีสำหรับธุรกิจ แต่ไม่ค่อยดีเรื่องความปลอดภัยและการดูแลให้ทุกคนปลอดภัยเท่าไหร่ ถ้าผู้ตรวจการจากแผนกดับเพลิงมาตรวจล่ะก็ รับรองว่าคลับเราโดนสั่งปิดแน่ ผมตัดสินใจไปที่ห้องทำงานแล้วดูภาพจากกล้องวงจรปิดจากในห้องทำงานของผมดีกว่า ผมรินเครื่องดื่มให้ตัวเองแล้วนั่งมองจอ มีผู้หญิงคนหนึ่งดึงดูดสายตาผมอยู่เรื่อย เหมือนผมจะรู้จักเธอแต่ก็ไม่แน่ใจ เธออยู่กับเพื่อนผู้หญิงสองสามคน

มีอะไรบางอย่างสะดุดตาเพื่อนคนหนึ่งของเธอเข้า และเพื่อนคนนั้นก็คุยกับหญิงสาวคนนั้น หญิงสาวคนนั้นก็รีบร้อนออกจากคลับให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอเดินตรงไปที่ประตู พอจวนจะถึงประตู ก็มีผู้ชายคนหนึ่งคว้าแขนเธอไว้ พอเธอหันมา ผมก็จำได้ว่าเป็นมายา ผมรีบคว้าเสื้อแจ็กเกตแล้วพยายามลงไปที่ประตูหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ด้วยผู้คนมากมาย ผมออกไปนอกคลับไม่ทัน

พอผมออกไปข้างนอก ก็ไม่เจอใครเลยนอกจากเจพี บอดี้การ์ด ถ้าผมจำไม่ผิดนะ

“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับท่าน?” เขาถามผม

ผมมองไปรอบๆ อย่างร้อนรน “คุณเห็น...” แล้วผมก็ตัดสินใจไม่ถามต่อดีกว่า โอกาสที่เขาจะเห็นเธอหรือแม้แต่รู้จักเธอจะมีสักแค่ไหนกันเชียว

“ช่างมันเถอะเจพี ไม่มีอะไร”

ผมโทรหาลูคัสให้เอารถจี-วากอนของผมมารับ ผมแค่อยากกลับบ้านเต็มแก่แล้ว ผมปล่อยให้เธอหลุดมือไปอีกครั้งจนได้สิ

ระหว่างทางกลับบ้าน ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง เผื่อว่าจะเห็นเธอระหว่างทางไปบ้านผม แต่โอกาสมันจะมีสักแค่ไหนกัน พอถึงบ้าน ผมก็ตรงไปที่ห้องทำงาน พอมองดูปฏิทินก็เห็นว่ามีงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของผมในวันอังคาร ซึ่งผมไม่มีอารมณ์จะไปเลยสักนิด ผมสนใจแผนสำหรับคืนวันศุกร์มากกว่าเยอะ ถ้าผมมีนัดอะไร ผมจะเลื่อนมันทิ้งให้หมดแน่นอน เพื่อที่จะได้ไปคลับอีกครั้ง ผมต้องเจอมายาอีกให้ได้ ผมจะไม่หยุดตามหาเธอ มันมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวเธอ ผมต้องการเธอ และต้องการเธอมากจริงๆ

วันจันทร์มาถึงเร็วเหลือเกิน สุดสัปดาห์ของฉันยุ่งมากและยังรู้สึกเหนื่อยอยู่เลย แต่ธุรกิจของฉันก็ดำเนินไปไม่ได้ถ้าไม่มีเจ้าของ ฉันตื่นนอนตอนตีสี่เมื่อนาฬิกาปลุกดังขึ้น แต่งตัวแล้วมวยผม จากนั้นก็ออกจากบ้าน พอไปถึงร้านเบเกอรี่ เอเลนอร์ก็มาถึงแล้ว กำลังยุ่งอยู่กับการทำคัพเค้กรอบแรกของเธอ

“อรุณสวัสดิ์ค่ะเอเลนอร์”

“อรุณสวัสดิ์เจนน์ สุดสัปดาห์เป็นไงบ้าง” เธอถามพร้อมกับยื่นกาแฟเข้มๆ ให้ฉันหนึ่งแก้ว

“ยุ่งมากเลยค่ะ”

“ดีแล้ว เธอยังเด็ก ต้องออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง” เอเลนอร์อายุห้าสิบกว่าแล้วและเป็นเหมือนแม่ของฉันมากกว่า เธอเดินเข้ามาในร้านเบเกอรี่ของฉันตอนที่ฉันเพิ่งเปิดร้านใหม่ๆ แล้วขอสมัครงาน สามีเพิ่งหย่ากับเธอและเธอไม่มีทางหารายได้เลย ฉันสงสารเธอและเสนองานให้เธอทันที ฉันไม่เคยผิดหวังเลยสักวันในชีวิต เอเลนอร์อบขนมเก่งมาก เธอทำคัพเค้กวานิลลาทั้งหมดในร้าน วานิลลากับสตรอว์เบอร์รีและครีม วานิลลากับส้ม อะไรก็ตามที่ว่ามาเธออบได้หมด ส่วนของฉันจะถนัดพวกช็อกโกแลตมากกว่า

บางครั้งฉันก็ขอคำแนะนำเรื่องส่วนตัวจากเธอบ้าง แต่ก็พยายามไม่ทำบ่อยนัก แต่เธอรู้เรื่องพ่อของฉันและความขัดแย้งเรื่อง 'งานอดิเรก' ของฉันดี

“เมื่อวานอาหารกลางวันเป็นไงบ้าง” เธอถามขณะที่ฉันกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมส่วนผสมสำหรับคัพเค้กที่ต้องอบ

“ก็เหมือนเดิมนั่นแหละค่ะ”

“ดีแล้วล่ะ”

“จริงๆ แย่กว่าเดิมอีกค่ะ ฉันต้องไปงานเลี้ยงกับพ่อคืนวันอังคาร เป็นงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อนของพ่อคนหนึ่ง”

“ถ้าเป็นเพื่อนของพ่อ แล้วทำไมเธอต้องไปด้วยล่ะ” คำถามดีมากเลยค่ะเอเลนอร์ ฉันคิดในใจ

“ดูเหมือนว่าจะเป็นงานแบล็กไท แล้วคุณก็รู้ว่าพ่อฉันไม่ชอบไปงานแบล็กไทคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ตาม”

“ฉันว่าคนรวยๆ นี่คงจัดปาร์ตี้ไม่ได้สินะถ้าไม่ใช่งานแบล็กไท”

“คุณพูดถูกเผงเลยค่ะ”

“ฉันเสียใจด้วยนะจ๊ะ ที่รัก”

“มันก็เป็นสิ่งที่ฉันต้องทำน่ะค่ะ เอเลนอร์”

“มันไม่ยุติธรรมกับเธอเลยนะ”

“ฉันไม่คิดว่าพ่อจะมองแบบนั้นนะคะ”

เอเลนอร์กับฉันเงียบไปขณะที่เรากำลังอบขนมกันอย่างขะมักเขม้น ทุกเช้าเราจะอบขนมชุดใหม่สำหรับร้าน และเราจะอบขนมระหว่างที่ลูกค้าเข้าร้านเมื่อมีออเดอร์ ตอนเก้าโมงเช้า ฉันถอดผ้ากันเปื้อนออกและตรวจดูให้แน่ใจว่าตู้โชว์ขนมเต็มแล้วก่อนจะเปิดประตูร้าน เรามีลูกค้าประจำสองสามคนที่แวะมาทุกเช้าเพื่อเติมน้ำตาลและคาเฟอีน ใช่ ฉันขายกาแฟด้วย ลูกค้าประจำสองสามคนเข้ามา และก่อนที่เราจะรู้ตัวก็สิบโมงเช้าแล้ว

พอฉันเงยหน้าขึ้นเพื่อจะถามลูกค้าคนถัดไปว่าต้องการอะไร ฉันก็สบตากับแฟนเก่าเต็มๆ

“ไคล์”

“อรุณสวัสดิ์เจนน์ เราต้องคุยกัน”

“ไม่ ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ”

“โธ่ เจนน์ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในร้านเลย ขอเวลาเธอไม่กี่นาทีเอง”

ฉันรู้ว่าถ้าฉันไม่ยอมคุยด้วย เขาจะไม่ไปไหนแน่

“ก็ได้ ขอฉันไปบอกเอเลนอร์แป๊บนึง” ฉันเดินไปที่ห้องครัว “เอเลนอร์คะ ไคล์มา เขาอยากคุยด้วย ช่วยดูหน้าร้านให้หน่อยได้ไหมคะ”

“ได้สิ แต่ถ้าเขาทำตัวหยาบคายเมื่อไหร่ ฉันจะไล่เขาออกไปเอง”

“ไม่ต้องห่วงค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”

“ดีมาก” เอเลนอร์เดินไปหน้าร้าน ส่วนฉันก็นั่งลงกับไคล์

“ฉันฟังอยู่” ฉันพูดกับเขาอย่างหงุดหงิดมาก

“ฉันขอโทษ โอเคไหม ฉันอยากให้เธอกลับมา”

“ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะไคล์ คุณเอาแต่หลอกใช้ฉัน จริงๆ คุณก็ยอมรับเองแล้วนี่ ฉันไม่กลับไปหาคุณหรอก”

“ได้โปรดเถอะเจนน์ เราเกิดมาคู่กันนะ”

“ไคล์ ไม่นะ ตอนนี้ถ้าจะกรุณา ช่วยออกไปด้วยค่ะ”

เขาไม่ชอบที่ฉันไล่เขา “เธอยังชอบเซ็กส์วิตถารอยู่หรือเปล่า” เขาเยาะเย้ยฉัน ฉันเคยขอให้เขาตบก้นฉันครั้งเดียว ตอนนี้กลายเป็นว่าฉันชอบเซ็กส์วิตถารไปซะแล้ว ถ้าเขารู้ความจริงล่ะก็...

“ออกไปให้พ้นหน้าฉันเลย ไคล์!”

“เธอรู้ไหมว่าเธอไม่มีทางหาใครที่ดีกว่าฉันได้หรอก”

“จริงเหรอไคล์ คุณนี่หลงตัวเองชะมัด”

“ไม่หรอก ที่รัก ฉันรู้ว่าไม่มีใครต้องการเธอหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะเงินพ่อเธอ ฉันก็ไม่อยากได้เธอเหมือนกัน”

ฉันตกใจมาก ยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก ฉันเห็นเอเลนอร์เดินเข้ามาหาฉัน “ไคล์ ออกไปเดี๋ยวนี้” เห็นได้ชัดว่าเธอเห็นว่าไคล์กำลังทำให้ฉันเสียความรู้สึก

“ไม่ต้องให้พูดซ้ำหรอก ฉันพอแล้วโว้ย!” เขาตะคอกใส่ฉันก่อนจะเดินออกจากร้านไป เขายังหันกลับมาพูดอีกว่า “ใครมันจะอยากมาให้คนเห็นในร้านเบเกอรี่ห่วยๆ แบบนี้กัน”

น้ำตาเริ่มไหลอาบแก้มฉัน เขากำลังตอกย้ำปมด้อยทุกอย่างของฉัน และเขาก็รู้ดี

บทก่อนหน้า
บทถัดไป