5.ลาร่า: คำเชิญเซอร์ไพรส์

เขาเอาจริงเหรอเนี่ย? ฉันกะพริบตามองเขาขณะที่คำถามของเขาผุดขึ้นในใจ เลียริมฝีปากแล้วส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้เขา

“ฉันก็อยากไปนะคะ แต่ไปไม่ได้” ฉันถอนหายใจ “ถึงจะอยากไปมากแค่ไหนก็ตาม ฉันต้องอยู่จนกว่างานจะเลิกค่ะ”

“คุณทำงานสองที่เหรอ” เขาถาม

ก่อนที่ฉันจะได้ตอบ ลิฟต์ก็หยุดและประตูค่อยๆ เลื่อนเปิดออก ฉันเหลือบมองเขาเป็นครั้งสุดท้ายอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะรีบออกจากลิฟต์ตรงไปยังห้องครัว พอเข้าไปก็มีคนชี้ทางให้ ฉันต้องเป็นคนเสิร์ฟเครื่องดื่ม

จากที่ได้ยินคนคุยกัน ฉันก็รู้มาว่าเด็กเสิร์ฟคนก่อนถูกไล่ออกเพราะทำไวน์หกใส่ชุดของผู้หญิงคนสำคัญคนหนึ่ง แต่คืนนี้จะมีใครสำคัญกันเชียว? ถึงฉันจะอยู่ที่นี่มาสองสามเดือนแล้ว แต่ก็แทบไม่ได้สุงสิงกับชาวเมืองคนไหนเลย ฉันไม่รู้จักหน้าค่าตาหรือชื่อของพวกเขาเลยสักคน พวกเขาเป็นคนแปลกหน้าสำหรับฉัน และฉันก็ชอบให้เป็นแบบนั้น

“เสิร์ฟแชมเปญนะ” ผู้หญิงอีกคนสั่ง “พอถาดนี้หมด ก็ยังมีแก้วอีกนะ ถ้าหมดอีกก็ไปถามแคลร์ว่าต้องเสิร์ฟอะไรต่อ”

“เข้าใจแล้ว” ฉันพึมพำพร้อมกับพยักหน้า

สองชั่วโมงต่อมา ฉันก็พร้อมจะเลิกงานแล้ว แขกทยอยมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกนาที แชมเปญหมดแล้ว พวกเราเลยเสิร์ฟวิสกี้ให้สุภาพบุรุษและไวน์ให้สุภาพสตรีที่แต่งกายอย่างหรูหรา ผู้หญิงบางคนทำให้ฉันรู้สึกอิจฉาขึ้นมาจริงๆ พวกเธอสวมชุดรัดรูปอวดหุ่นเพรียวบางและผิวสีแทน

ตลอดเวลาที่คอยบริการแขก ‘คนสำคัญ’ ฉันรับรู้ได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องทุกย่างก้าวของฉัน ความตื่นเต้นแล่นพล่านในอกทุกครั้งที่สายตาของเราสบกันจากอีกฟากของห้อง เขามองฉัน ไม่ใช่ผู้หญิงสวยสง่าหุ่นดีคนอื่นๆ ที่รายล้อมเขา เขาสนใจแต่ฉันเพียงคนเดียว แม้กระทั่งตอนที่มีคนเข้ามาทักทายและเรียกร้องความสนใจจากเขา

ทำไมเขาถึงดูสนใจฉันขนาดนี้นะ? ทำไมฉันถึงรู้สึกดึงดูดเข้าหาเขาล่ะ? ทำไมเขาถึงเป็นผู้ชายคนเดียวที่มีอิทธิพลทำให้ฉันประหม่าจนพูดไม่ออกได้นะ?

“ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ ขอความกรุณาสักครู่ครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากหน้าห้องตรงที่มีเวทีจัดไว้

ความเงียบเข้าปกคลุมห้องแทบจะในทันใด ทุกคนหันไปมองผู้หญิงที่กำลังพูดอยู่บนเวที ซึ่งเป็นโอกาสทองให้ฉันหลบออกมา ฉันเอาถาดไปวางไว้ในครัว แคลร์ไม่อยู่ ฉันเลยจำต้องบอกเด็กเสิร์ฟคนอื่นว่าจะไปไหน

ฉันเข้าห้องน้ำแล้วก็ล้างมือ เงาสะท้อนของฉันในกระจกเหนืออ่างล้างหน้าดึงดูดสายตาฉัน ปอยผมสองสามเส้นหลุดลุ่ยจากมวยที่เกล้าไว้อย่างแน่น ปรกกรอบใบหน้า แก้มของฉันแดงระเรื่อ ดวงตาเป็นประกายด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ฉันเองก็ไม่เข้าใจ ฉันจ้องมองตัวเองอีกครู่หนึ่งก่อนจะทอดสายตาลงมองมือ

ฉันวักน้ำเย็นลูบข้อมือ เช็ดมือกับผ้าขนหนูแล้วก็ออกจากห้องน้ำ ฉันมัวแต่ก้มมองรองเท้าของตัวเอง เลยไม่ทันเห็นว่ามีคนเดินเข้ามาจนกระทั่งมันสายเกินไป ฉันเดินชนเข้ากับร่างแข็งแรงร่างหนึ่งเต็มๆ

“ข-ขอโทษค่ะ!” ฉันอุทานพลางถอยหลัง ฉันเงยหน้าพรวด และคำพูดก็พลันติดอยู่ที่ลำคอ

“ไม่เป็นไรครับ” ไซลาสพูดเบาๆ “ผมก็ไม่ได้มองทางเหมือนกัน”

ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วถอยห่างจากเขาอีกก้าว “เอ่อ ฉัน...ฉันควรกลับไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”

“ข้อเสนอของผมยังเหมือนเดิมนะ” เขาเอ่ยเตือนขณะที่ฉันเดินผ่าน

ฉันหยุดแล้วหันไปขมวดคิ้วใส่เขา ต้องใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าฉันจะนึกออกว่าเขาถามเรื่องไปหาอะไรกินกันเมื่อกี้นี้ ฉันอยากไปนะ แต่ไปไม่ได้ ถ้าออกไปตอนนี้ก็หมายความว่าจะไม่ได้รับค่าจ้าง ฉันเม้มริมฝีปาก มองเขาพลางคิดว่าจะตอบอย่างไรดี

“ฉันก็อยากไปอยู่หรอกค่ะ แต่—”

“เยี่ยมเลย!” ไซลาสพูดแทรกขึ้นมายิ้มให้ฉัน “เดี๋ยวอีกสองสามนาทีผมมารับนะ”

พูดจบเขาก็หันหลังแล้วเดินต่อไปยังห้องน้ำ ฉันจ้องประตูที่ปิดสนิทอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบกลับไปที่ห้องครัว เขาอยากจะพาฉันไปกินข้าวจริงๆ เหรอเนี่ย ฉันยิ้มกว้างขณะที่ความสุขและความพึงพอใจก่อตัวขึ้นในใจ รอยยิ้มยังคงอยู่แม้ตอนที่แคลร์ตะคอกใส่ฉันโทษฐานที่หายตัวไป

ฉันกำลังสาละวนเก็บแก้วเปล่าอยู่ตอนที่ไซลาสกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง

“นี่ แคลร์ คุณยังต้องการให้ลาร่าทำอะไรอีกไหม”

ตาฉันเบิกกว้าง ความประหลาดใจแล่นผ่านร่าง ฉันมองสลับระหว่างพวกเขาสองคนขณะรอคำตอบของเธอ แคลร์มองฉันอย่างไม่พอใจก่อนจะหันไปสนใจผู้ชายที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่กี่ฟุต

“ก็คงไม่ล่ะมั้ง” เธอพึมพำ

“เยี่ยม งั้นคุณคงไม่ว่าอะไรถ้าผมจะขอตัวเธอไปนะ”

แคลร์ส่ายหน้า ฉันรีบหุบปากเมื่อสายตาของเขาเหลือบมามองฉัน ที่จริงฉันนึกว่าเขาพูดเล่นเสียอีก เขาคงไม่ได้อยากจะออกไปหาอะไรกินกับฉันจริงๆ หรอกใช่ไหม แคลร์พูดอะไรบางอย่างกับเขา ทำให้สายตาของเขากลับไปมองเธออย่างรวดเร็ว เธอหันตัว เตรียมจะเดินจากไป แต่เขาคว้าแขนเธอไว้ เขาก้มลงกระซิบเสียงเข้มข้างหูเธอ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ตาม มันทำให้สีหน้าของแคลร์ซีดเผือด

ปากของแคลร์อ้าแล้วหุบอยู่สองสามครั้งก่อนจะปิดสนิท เธอพยักหน้าให้เขา ทำให้มือของเขาปล่อยจากแขนเธอ แคลร์รีบเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก

ฉันขมวดคิ้วด้วยความสับสน เขาพูดอะไรกับเธอกันนะถึงทำให้เธอรีบหนีไปแบบนั้น

ไซลาสเดินเข้ามาใกล้แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน ริมฝีปากของเขาเผยอยิ้ม “ไปกันเถอะ”

“ฉ-ฉันไม่ได้แต่งตัวมาสำหรับมื้อค่ำนี่คะ” ฉันอ้ำอึ้ง

สายตาของเขากวาดมองร่างฉันอย่างช้าๆ จากล่างขึ้นบนแล้วกลับขึ้นมาอีกครั้ง ฉันเม้มริมฝีปากขณะที่ความร้อนวาบไปทั่วร่างแล้วมารวมกันอยู่ตรงหว่างขา ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย ฉันยืนสลับขาไปมา พลางชำเลืองมองไปรอบตัวเรา

ไม่มีใครสนใจพวกเราเลยจริงๆ ฉันเองก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะเจอหน้าคนอื่นเหมือนกัน ขากับเท้าของฉันปวดไปหมด ฉันเลียริมฝีปากแล้วหันกลับไปหาเขา รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้าของเขาแล้ว ฉันเห็นแววความเจ็บปวดวาบผ่านดวงตาของเขาก่อนที่เขาจะเบือนหน้าหนีและซ่อนสีหน้าเอาไว้

“งั้นผมไปส่งคุณที่บ้านก็แล้วกัน”

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ความเจ็บปวดที่ฉันเห็นในดวงตาของเขาส่งผลต่อฉันมาก “ทำไมฉันไม่ทำอะไรให้เรากินล่ะคะ” ฉันเสนอ

ดวงตาของเขาตวัดมองฉันอย่างประหลาดใจ เขา ส่ายหน้า คว้าข้อศอกฉันแล้วพาไปยังลิฟต์ เราเงียบกันตลอดทางลงมาจนกระทั่งถึงทางออก ไซลาสเปิดประตูให้ฉันแล้วเดินตามออกมาข้างนอก ฉันหยุดแล้วหันไปมองเขาอย่างมีคำถาม

“คุณคงเหนื่อยจนแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว” เขาพูดเบาๆ “สิ่งสุดท้ายที่คุณควรทำตอนนี้คือทำอาหาร”

“คุณไม่หิวเหรอคะ”

“ผมหิวจะแย่อยู่แล้ว” เขายอมรับ พลางยิ้มให้ฉันบางๆ “แล้วถ้าเราแวะซื้ออะไรระหว่างทางไปอพาร์ตเมนต์คุณล่ะ”

ฉันลังเล มันจะฉลาดไหมนะถ้าให้เขาไปที่อพาร์ตเมนต์ของฉัน ถ้าเขารู้ว่าฉันอยู่ที่ไหนแล้ว มันจะไม่มีทางย้อนกลับไปเหมือนเดิมได้อีก ความลังเลใจแล่นผ่านเข้ามา ในที่สุดฉันก็พยักหน้าให้เขา

“ตกลงค่ะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป